เลือกอ่านตามหัวข้อ

• ระบบ CRM สำหรับการบริหารทีมขาย คืออะไร?
• 9 ฟีเจอร์ที่จำเป็นในระบบ CRM
  • 1. Customer Management 
  • 2. Lead Management 
  • 3. Pipeline Management
  • 4. Chat Center
  • 5. Document Management
  • 6. Product Management
  • 7. User Management
  • 8. Advertising
  • 9. Reporting & Analytics
• สรุป

ระบบ CRM สำหรับการบริหารทีมขาย คืออะไร?

ระบบ CRM (Customer Relationship Management) เป็นระบบที่จะช่วยให้ทีมขายของคุณทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ล้วนต้องการยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น ได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ได้ ซึ่งหากธุรกิจยังบริหารทีมขายด้วยวิธีการเดิม ๆ เห็นทีว่าจะไม่ทันกินสำหรับยุคสมัยที่เน้นคามรวดเร็ว ความง่ายและสะดวก เป็นที่ตั้ง ดังนั้นแล้ว การบริหารทีมขายจึงจำเป็นต้องปรับตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการใช้ ระบบ CRM เพราะจะช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามลูกค้าได้ง่าย วางแผน จัดทำกลยุทธ์ที่จะเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้อย่างสำเร็จ

9 ฟีเจอร์ที่จำเป็นใน ระบบ CRM

สำหรับในวันนี้เรามีตัวอย่างฟีเจอร์ใน Readyplanet R-CRM ที่น่าสนใจและมีความเหมาะสมกับการทำงานของทีมขายของธุรกิจไทยเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่มีฟีเจอร์มากมาย ที่น่าสนใจและสามารถใช้ในการจัดการงานขาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งวันนี้เราจึงมีฟีเจอร์ 9 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจและจำเป็นสำหรับใช้ในการบริหารทีมขาย โดยมีดังนี้

1. Customer Management 

เริ่มต้นด้วย Customer Management เป็นฟีเจอร์การจัดการข้อมูลของลูกค้า ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าของธุรกิจมีมากมายมหาศาล มีเพิ่มขึ้นในทุกวัน หากธุรกิจหรือเซลส์เก็บรวบรวมไม่ดี ก็อาจจะทำให้ธุรกิจสูญเสียลูกค้าหรือมูลค่ายอดขายที่ควรจะเป็น โดย R-CRM จะมีฟีเจอร์ Lead และทะเบียนลูกค้า ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าทั้งหมดไว้ในที่เดียว ใช้เปิดดูข้อมูลเพื่อเซลส์สามารถวางแผนการติดตามได้อย่างเป็นขั้นตอน นั่นจะลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายได้

อีกทั้งยังสามารถแบ่ง Segment จัดกลุ่มลูกค้าเพื่อช่วยให้สามารถเลือกดูข้อมูลทะเบียนลูกค้าและส่งข่าวสาร โปรโมชั่นทางอีเมลและ SMS ของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้

2. Lead Management 

แน่นอนว่าหลายครั้งในการพูดคุยกับลูกค้า เซลส์ก็จำเป็นต้องจดบันทึกหรือการแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่น การนัดหมาย หรือหมายเหตุบางเรื่องที่สำคัญเพื่อป้องกันข้อมูลตกหล่น ระบบ R-CRM สามารถจัดการ Lead โดยเข้าไปดูข้อมูลต่าง ๆ ของ Lead ได้ หรืออย่างเช่น ฟีเจอร์ Sales Check-in ที่เวลาเซลส์ออกไปพบลูกค้านอกสถานที่ ก็สามารถบันทึกข้อมูลลูกค้า รวมทั้งพิกัดสถานที่ลงระบบได้เลย ไม่ต้องคอยส่งภาพหรือส่งรายละเอียดให้หัวหน้าผ่านทางอีเมลซ้ำ ๆ อีกต่อไป

3. Pipeline Management

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจจาก แพลตฟอร์ม CRM ที่จะเป็นตัวช่วยติดตามลูกค้าในแต่ละขั้นตอนการขาย ตั้งแต่เริ่มต้นขายไปจนถึงปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งฟีเจอร์นี้เอง ยังช่วยให้ผู้บริหารหรือผู้จัดการฝ่ายขายสามารถ ติดตามการทำงานของเซลส์ได้ ว่าคนไหนถึงขั้นตอนไหน หรือคนไหนที่ติดอยู่ที่ขั้นตอนไหน จะได้ช่วยเข้าไปซัพพอร์ตให้งานรายรื่นได้อีกด้วย

 4. Chat Center

นอกจากการจัดการข้อมูลลูกค้าแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญก็คือการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น แชทจากหน้าเว็บไซต์, แชทจาก Facebook Messenger และแชทจาก LINE OA ซึ่ง ระบบ CRM ที่ดีและมีประสิทธิภาพก็ควรรองรับการทำงานตรงนี้ด้วยเช่นกัน สำหรับฟีเจอร์ที่สำคัญในการให้บริการลูกค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ต้องยกให้ R-Chat แพลตฟอร์มบริหารแชททุกช่องทางในที่เดียว โดยระบบ R-CRM ก็สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับแชททุกช่องทาง ติดตามการขายต่อได้ทันทีใน CRM ถือว่าสามารถจัดการการสนทนาบนแพลตฟอร์ม เดียว ไม่ต้องเสียเวลาเปิดโปรแกรมสลับไปมา จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขายได้ดีขึ้น

5. Document Management

หลายธุรกิจจำเป็นต้องใช้ใบเสนอราคาหรือใบเสร็จให้กับลูกค้า ซึ่งหากทีมขายต้องไปจัดทำเอกสารต่างหากผ่านโปรแกรมสร้างเอกสารอื่น ๆ  เมื่อต้องใช้งานจริง ๆ หรือแก้ไขเพิ่ม ก็จะเสียเวลาอย่างมาก เนื่องจากไฟล์ที่ใช้ ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์ แก้ไขรายละเอียดได้ยากและช้า แต่ R-CRM สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะมีฟีเจอร์ไว้สำหรับสร้างใบเสนอราคา สร้างรายการสินค้า อีกทั้งยังสามารถกำหนดให้ผู้มีอำนาจอนุมัติได้ เมื่อเซลส์มีการสร้างใบเสนอราคาที่ต้องรอการพิจารณาอนุมัติ จากที่เคยปริ้นท์แล้วรอการเซ็นเอกสาร แต่พอมาใช้ แพลตฟอร์ม CRM ระบบจะส่งใบเสนอราคาเข้าไปยังอีเมลของผู้มีอำนาจ ซึ่งสามารถกดอนุมัติผ่านอีเมลได้ทันที โดยไม่ต้องรอมาเซ็นเป็นใบ ๆ แบบเดิม ทำให้ระบบการจัดการเป็นได้ง่ายและรวดเร็วมาก ๆ

6. Product Management

ในเรื่องของการจัดการสินค้าเพื่อการเลือกใช้งานได้รวดเร็ว บนระบบ CRM เหมาะสำหรับธุรกิจที่ทีมขายจะต้องใช้งานฟังก์ชันใบเสนอราคา/ใบแจ้งหนี้ โดยสามารถเพิ่มรายการสินค้าเพื่อนำไปใช้สำหรับสร้างใบเสนอราคา ซึ่งจะเพิ่มสินค้าทีละรายการ, นำเข้าหรือส่งออกรายการสินค้าทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว

7. User Management

สำหรับ User Management หรือการกำหนดสิทธิ์การใช้งานของแต่ละทีม ในธุรกิจขนาดใหญ่จะมีทีมขายหลายทีมเพื่อซัพพอร์ตลูกค้า ดังนั้นการจัดการทีมขายและแบ่งความรับผิดชอบ Lead บนระบบหลังบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากเป็นการบริหารทีมขายแบบเดิม ๆ อาจจะไม่สามารถ log in เข้าใช้งานพร้อมกันได้ แต่ ระบบ R-CRM จะช่วยให้เซลส์แต่ละคนสามารถเข้าถึงเครื่องมือการใช้งานต่าง ๆ ได้พร้อมกัน ซึ่งข้อดีในส่วนนี้ก็คือสามารถกระจาย Lead และวัดผลได้ง่ายยิ่งขึ้น

8. Advertising

ระบบ R-CRM สามารถเชื่อมต่อกับการทำโฆษณาแคมเปญต่าง ๆ หรือเชื่อมต่อกับ Lead Ads ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google ซึ่งจะมีปุ่มติดต่ออัจฉริยะหน้าเว็บไซต์อย่าง R-Widget ที่ธุรกิจสามารถดู Performance แยกตามแคมเปญโฆษณาได้ด้วย ถ้ามีการเชื่อมต่อระบบกับ Google Ads หรือมีการทำ UTM tagging ไว้ ตรงนี้สามารถนำเอาข้อมูลเหล่านี้ไป ประมวลผลเป็นรีพอร์ทเพื่อวางแผนและทำกลยุทธ์ในการขายครั้งต่อไปได้เลย

9. Reporting & Analytics

สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การบริหารทีมขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นคือธุรกิจของคุณต้องสามารถวัดผลการทำงานในแต่ละขั้นตอนการขายได้นั่นเอง ซึ่ง ระบบ CRM ก็มีการประมวลผลข้อมูลและแสดงผลออกมาเป็นรายงานการขายในมุมมองต่าง ๆ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกดูได้ตามต้องการ ทำให้ประหยัดเวลาการทำรายงานการขายลงไปได้มาก มีเวลาในการโฟกัสการติดตามลูกค้าได้มากขึ้น

หากธุรกิจไหนยังใช้วิธีการเดิม ๆ ที่รอให้เซลส์แต่ละคนจัดทำรีพอร์ทแบบ manual ผู้บริหารคงต้องใช้เวลารอคอยกันนานหน่อย เพราะกว่าจะรวบรวมเก็บข้อมูลจากแต่ละไฟล์ทั้งหมดมาประมวลผล กว่าจะจัดทำรีพอร์ทและกราฟ กินเวลานาน แถมผลการวิเคราะห์ก็อาจจะตกหล่นคลาดเคลื่อนอีกด้วย แต่สำหรับ R-CRM มีฟีเจอร์อย่าง R-Insights ที่ผู้บริหารหรือผู้จัดการฝ่ายขายสามารถเข้าถึงข้อมูล สถิติต่าง ๆ เพื่อดูภาพรวมของธุรกิจ และการขายที่ผ่านมา แล้วนำไปวิเคราะห์เพื่อจัดทำแผนการขายให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

สรุป

การที่ระบบ CRM มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย ครบครันและครอบคลุมการทำงานของธุรกิจที่มีทีมขาย จะช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ เพราะนอกจากจะทำให้ทีมขายสามารถทำงานได้อย่างง่าย สะดวก รวดเร็ว และยังลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตอย่างมั่นคง การบริหารทีมขายให้ประสบความสำเร็จ นอกจากทักษะของผู้บริหารและเซลส์แต่ละคนแล้ว การมีเครื่องมือดี ๆ ที่ตอบโจทย์การทำงาน อย่างระบบ R-CRM ที่จะช่วยลดระยะเวลาการทำงานที่ไม่จำเป็นออกไปได้ สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลสำคัญได้อย่างครบถ้วน ช่วยซัพพอร์ตทีมขายและการให้บริการลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ เพียงเท่านี้ ธุรกิจก็พร้อมสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น รักษาฐานลูกค้าลูกค้าเดิมไปพร้อมกับการสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ดังนั้นการเลือกใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารทีมขาย อย่าง R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย จะเปลี่ยนให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย ยืนหนึ่งด้านการบริหารทีมขายและการทำการตลาดอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับธุรกิจของไทยโดยเฉพาะ พร้อมช่วยวางแผนกลยุทธ์ ติดตามการทำงานของทีมขาย พร้อมสถิติวัดผลเพื่อพัฒนา ต่อยอดธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

สมัครใช้งาน Readyplanet R-CRM 

R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement

ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี