5 เหตุผลดี ๆ ที่ธุรกิจควรใช้ R-CRM

ทำไมลูกค้าต้องซื้อสินค้าของคุณ ? คำถามง่าย ๆ แค่ประโยคเดียว เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังตอบยาก หรือใช้เวลาในการตอบนานทีเดียว ยิ่งในยุคที่คำว่า Brand Loyalty แทบไม่มีอยู่จริง เนื่องจากลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย แถมการค้นหาสิ่งที่ต้องการก็ง่ายดายซะเหลือเกินในโลกออนไลน์ การเป็นที่หนึ่งในตัวเลือกของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจ และการที่จะเป็น Top of Mind หรือตัวเลือกแรก ๆ ในใจของลูกค้าทั้งเก่า - ใหม่ได้นั้น ความเข้าใจปัญหาและความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด จะช่วยตอบคำถามได้ว่า “ทำไมลูกค้าต้องซื้อสินค้าของคุณ” แต่การจะรู้ปัญหาและความต้องการของลูกค้าได้นั้น ทุกธุรกิจจะต้องอาศัยข้อมูลของลูกค้าที่มากเพียงพอ จึงสามารถวิเคราะห์ได้ว่าอะไรคือความต้องการหรือปัญหาของลูกค้า ดังนั้น ระบบ CRM จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทและได้รับความนิยมจากหลายธุรกิจทั่วโลก

 

ข้อมูลจาก financesonline.com ที่รวบรวมผลสำรวจของบริษัท CRM Software มากถึง 54 บริษัทในปี 2020 ที่ทำสำรวจกับกลุ่มลูกค้าที่ใช้ ระบบ CRM กับธุรกิจพบว่า “CRM สามารถเพิ่มยอดขายได้ 29% เพิ่มผลผลิต 34% และคาดการณ์ความแม่นยำได้ 42%” 

 

สำหรับ Readyplanet เองก็มี ระบบ CRM ที่ช่วยบริหารจัดการลูกค้า งานขาย และการตลาดช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้า ที่ตอบโจทย์สำหรับทีมขายของคุณ เรียกว่า R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย 

ถึงแม้ว่าผลสำรวจจะบอกว่า ระบบ CRM ช่วยให้หลายธุรกิจเพิ่มยอดขายได้ แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีเหตุผลดี ๆ อีกหลายประการที่จะเป็นคำตอบว่า ทำไมธุรกิจของคุณจึงควรใช้ R-CRM ดังต่อไปนี้

 

1. ใช้ ระบบ CRM เพื่อช่วยบริหารทีมขายในองค์กรของคุณ

 

เพราะทีมขายคือทัพด่านหน้าของธุรกิจ และเป็นส่วนสำคัญมากที่จะขับเคลื่อนเป้าหมายทางธุรกิจ ที่ต้องการเพิ่มยอดขายในแต่ละเดือนแต่ละปีของคุณให้ประสบความสำเร็จ การใช้ ระบบ CRM เพื่อบริหารขายในองค์กรของคุณให้ง่ายขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น สามารทำได้หลายวิธี ดังนี้

 

1.1 ในระบบของ R-CRM มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้หัวหน้าทีมขายหรือเจ้าของธุรกิจ เช่น 

 

  • User Management ฟีเจอร์ที่ช่วยให้หัวหน้าทีมขายหรือเจ้าของธุรกิจ สามารถบริหารจัดการทีมขายในองค์กรของคุณ ทั้งการลบ-เพิ่มผู้ใช้ใหม่ และการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงของระบบในส่วนต่าง ๆ ของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งใน R-CRM สามารถกำหนดสิทธิ์ให้พนักงานของคุณได้ 2 ระดับคือ Admin ที่สามารถบริหารจัดการระบบในส่วนนั้น ๆ ได้ และระดับ User คือผู้ใช้งานแต่ไม่สามารถบริหารจัดการระบบได้ เช่น พนักงานขาย  F เป็น Admin ดูแลระบบบริหารทีมขาย และให้พนักงานขาย A มาเป็น User ในการตอบแชท ดังภาพ
 

 

 

  • Teams เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณจัดการทีมขายที่สามารถกำหนดให้ใครเป็นหัวหน้าทีมและมีใครเป็นสมาชิกในทีมบ้าง นอกจากเรื่องความง่ายในการจัดการแล้ว เจ้าของธุรกิจและหัวหน้าทีมสามารถประเมินศักยภาพของทีมขายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งหัวหน้าทีมขายยังเข้ามาดูแลการทำงานของลูกทีมได้ดีขึ้น โดยสามารถมองเห็นภาพรวมการสื่อสารหรือการเสนอขายของทีมขายกับลูกค้า ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพเพียงใดได้อีกด้วย

 

  • Lead Transfer จะช่วยให้คุณส่งต่อรายการขายและรายชื่อลูกค้าของพนักงานขายที่ลาออกไปยังพนักงานขายหรือกลุ่มคนที่จะมารับช่วงต่อได้อย่างง่ายดาย เพราะบ่อยครั้งที่ทีมขายมักจะวุ่ยวาย เมื่อมีพนักงานขายคนใดคนหนึ่งลาออก แล้วต้องโอนถ่ายรายการขายและรายชื่อลูกค้าให้แก่พนักงานขายคนใหม่ หากไม่มีระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกตรงนี้ อาจทำให้พนักงานขายเสียเวลามหาศาลในการจัดการข้อมูลส่วนนี้ 

 

1.2  ระบบของ R-CRM มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ทีมขายทำงานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น 

 

  • Lead Inbox ตัวช่วยที่ดีในการติดตามงานขายของลูกค้าแต่ละคนในแต่ละขั้นตอนได้ทุกวัน ช่วยให้พนักงานขายเริ่มงานขายในแต่ละวันได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าวิธีการทำงานแบบเดิม จากที่เคยเก็บข้อมูลการขายของแต่ละวันลงกระดาษหรือไฟล์ Exel แต่พอเริ่มงานขึ้นอีกวันก็ต้องกลับมาย้อนดูข้อมูลที่คุยกับลูกค้าไว้ในคราวก่อน ไม่น่าสนุกเลยใช่ไหม

 

  • Label เพื่อช่วยในเรื่องการเก็บข้อมูลที่ดีขึ้น R-CRM ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยจำแนกประเภทหรือความสำคัญของรายการขายแต่บะรายการได้ด้วย ป้ายกำกับ

 

  • Note นอกจากนั้น ยังสามารถเพิ่มบันทึกรายละเอียดสำคัญ ๆ ที่ได้พูดคุยกับลูกค้าไว้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าเมื่อต้องติดต่อกับลูกค้าในครั้งถัดไป
 
 


 

  • Reminder ความสะดวกจากอีกฟีเจอร์นึงคือ พนักงานขายแต่ละคนสามารถตั้งวันที่และเวลาแจ้งเตือนสำหรับการติดต่อหรือพบลูกค้าในครั้งถัดไปได้

 

  • Documents ในระบบ R-CRM ยังมีระบบในการรวบรวมเอกสารสำคัญไว้ที่ศูนย์กลาง ช่วยให้พนักงานขายทุกคนสามารถเข้ามาใช้งานเอกสารต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
 
 

 

  • Products เป็นที่รู้กันดีว่าสิ่งที่ทำให้พนักงานขายเสียเวลาการทำใบเสนอราคามากที่สุด คือการใส่รายละเอียดสินค้า ยิ่งถ้าบริษัทไหนมีจำนวนสินค้ามากและหลากหลาย ก็จะยิ่งสร้างความล่าช้าและยากลำบากในการทำใบเสนอราคา ฟีเจอร์ Products จาก R-CRM จะช่วยลดความยุ่งยากในการใส่รายละเอียดสินค้าในใบเสนอราคา เพราะคุณสามารถใส่รายละเอียดสินค้า ทั้ง ชื่อสินค้า ราคา รหัส ไว้ในระบบ เมื่อพนักงานขายต้องการสร้างใบเสนอราคาก็สามารถคลิกเลือกสินค้าที่อยู่ในระบบได้เลย โดยไม่ต้องพิมพ์รายละเอียดใหม่ทุกครั้ง

 

  • Quotation / Invoice ความสะดวกอีกประการสำหรับพนักงานขายอีกอย่างนั่นก็คือ ใน R-CRM สามารถสร้างใบเสนอราคาและใบInvoice แบบง่าย ๆ ได้ในระบบ
,

 

 

  • E-mail เมื่อพนักงานขายสร้างใบเสนอราคาหรือใบInvoice เสร็จแล้วก็สามารถแนบไฟล์เอกสาร ส่งอีเมลหาลูกค้าได้ในระบบR-CRM ได้ทันที โดยไม่ต้องเปิด Gmail ให้เสียเวลาอีกต่อไป ข้อดีอีกประการคือสามารถแจ้งสถานะว่าอีเมลของคุณ ลูกค้าได้เปิดอ่านแล้วหรือไม่ได้อีกด้วย
 

2. ใช้ ระบบ CRM เพื่อประโยชน์ในการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ


อย่างที่ทราบกันดีว่าในโลกยุคปัจจุบัน Data ที่เป็นข้อมูลลูกค้า ข้อมูลยอดขายของบริษัท หรือแม้กระทั่งข้อมูลของประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน นับเป็นทรัพย์สินสำคัญที่มีมูลค่ามหาศาลของบริษัท เพราะข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปวิเคราะห์และนำไปปรับใช้ในส่วนต่าง ๆ ของบริษัท ทั้งเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพของการตลาดและการขาย หรือแม้กระทั่งพัฒนาบุคลากรในองค์กร ซึ่งหากคุณกำลังสนใจเรื่องการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของคุณ สามารถอ่านบทความ กลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการใช้ข้อมูล (Data-Driven Strategy) เพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่

 

เมื่อ Data หรือข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทมีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้อมูลลูกค้า ฉะนั้นการหาเครื่องมือที่ช่วยเก็บทรัพย์สินอันมีค่า ที่เป็นระบบและครบถ้วน จึงเป็นเรื่องที่คุณให้ความสำคัญ

 

R-CRM เปรียบเสมือนเซฟที่ช่วยคุณเก็บข้อมูลอันมีค่าของบริษัทคุณ ทั้งยังช่วยวิเคราะห์และจำแนกลูกค้าไว้หลากหลายประเภท ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมกับระบบ R-Insights ที่ช่วยให้ผู้บริหารดูข้อมูลสถิติต่าง ๆ ได้ ดังนี้

 

  • แสดงภาพรวมของ Sales Pipeline หรือกระบวนการขายทั้งหมดได้ ทั้งจำนวน Lead ที่เข้ามาใหม่, จำนวน Lead ที่สนใจสินค้า ไปจนกระทั่งจำนวน Lead ที่สามารถปิดการขายได้
 

 

 

นอกจากภาพรวมของ Sales Pipeline แล้วยังสามารถดูข้อมูลเชิงสถิติของ Lead แต่ละประเภทแบบเจาะลึก หรือแนวโน้มของ Lead หรือพนักงานขายที่จะมีโอกาสปิดขายได้มากที่สุด เช่น

 

  • Lead Activities ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งเป็นข้อมูลสถิติ Lead ที่ที่มีการติดต่อและลงบันทึกในหน้าข้อมูลของ Lead  อีกทั้งยังสามารถดู Lead ที่ถูกส่งต่อในแต่วันไปยังพนักงานขายได้อีกด้วย ข้อดีของการดูข้อมูลตรงนี้จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจหรือหัวหน้าทีมขายรู้ความเคลื่อนไหวของจำนวนลูกค้าที่เข้ามาในแต่ละวันได้

 

  • Lead Conversion จำนวนคนที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อสินค้า โดยสามารถดูข้อมูลได้แบบรายวันหรือแต่ละช่วงเวลาได้ตามที่ต้องการ หรือ Conversion by User หัวหน้าทีมขายก็สามารถดูได้ว่าพนักงานขายคนไหนที่มีจำนวน Lead ที่มีโอกาสปิดการขายได้ ซึ่งข้อมูลในสองส่วนนี้ หัวหน้าทีมขายสามารถนำมาวิเคราะห์และวางแผนดี ๆ กับทีมขาย เพื่อนำเสนอข้อตกลงต่าง ๆ ให้ลูกค้าพึงพอใจได้ ก็อาจทำให้เพิ่มจำนวนของ Lead ที่ปิดการขายได้มากขึ้นนั่นเอง

 

ข้อดีอีกประการในระบบ R-Insights คือสามารถเก็บข้อมูลเชิงสถิติของประสิทธิการทำงานในมิติต่าง ๆ ได้ เช่น พนักงานขายคนไหนปิดการขายได้มากที่สุด, Sourse หรือลูกค้าจากแหล่งที่มาไหนสามารถปิดการขายได้มากที่สุด หรือสินค้าไหนขายดีที่สุด ดังนี้ 

 

  • Performance by User ประสิทธิภาพของการปิดการขายของพนักงานขายแต่ละคน ซึ่งสามารถดูได้ว่าพนักงานขายคนไหนสามารถปิดการขายได้มากที่สุดในเดือน, ไตรมาส หรือปีที่ผ่านมาได้ และแน่นอนว่าคุณยังจะได้รับรู้ข้อมูลของกลุ่มพนักงานขายที่สามารถปิดได้น้อย ซึ่งหัวหน้าทีมขายหรือเจ้าของกิจการสามารถนำข้อมูลตรงนี้มาพัฒนาศักยภาพของพนักงานขายให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

 

  • Performance by Product ได้รวบรวมผลของข้อมูลสินค้าใดที่สามารถปิดการขายได้มากที่สุด ไปจนถึงสินค้าใดสามารถปิดการขายน้อยที่สุด ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้สามารถนำไปวางแผนได้ ทั้งกลยุทธ์การขายและการตลาด แม้กระทั่งการพัฒนาสินค้า หรือปรับ-ลดปริมาณสินค้า ได้อีกด้วย

 

นอกจากนั้น คุณยังสามารถดูประสิทธิภาพการปิดการขายของบริษัทแบบราย 6 เดือน Performance last 6 months เพื่อดูภาพรวมภายในครึ่งปีว่ายอดขายของแต่ละเดือนเป็นอย่างไร ยอดขายในเดือนใดสูงและต่ำสุด โดยมีปัจจัอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง และสามารถนำไปคาดคะเนยอดในเดือนถัด ๆ ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

3. ใช้ ระบบCRM เพื่อประโยชน์ในด้านการตลาดออนไลน์

 

เพราะในระบบ R-CRM สามารถช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของ Sales Pipeline ได้ ฉะนั้น คุณจะสามารถเส้นทางของการขายกับลูกค้าแต่ละคนได้ตั้งแต่ต้นถึงปิดการขายได้ โดยคุณสามารถเห็นได้ว่าระยะการตัดสินใจของลูกค้าในช่วงของ Pipeline หรือ Marketing Funnel ต่าง ๆ 

 

 

ตั้งแต่ได้พบเจอกับสินค้า > สนใจสินค้าและเข้ามาสอบถามข้อมูล > ต่อรองราคาไปจนกระทั่งตัดสินใจซื้อนั้น แต่ละช่วงใช้เวลานานเท่าไหร่ การทราบข้อมูลหรือเห็นภาพรวมตรงนี้ มีประโยชน์ในมุมของการทำการตลาดและโฆษณาออนไลน์เป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณทราบว่าจากสถิติ 3-6 เดือนที่มา ระยะเวลาตั้งแต่ลูกค้าเข้ามาดูรายละเอียดสินค้าไม่ว่าจะเป็นการดู VDO Content หรือเข้ามาดูสินค้าบนเว็บไซต์แล้ว ไปจนตัดสินใจซื้อนั้นใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน คุณอาจเลือกลูกค้ากลุ่มนี้มาทำ Retargeting หรือ Dynamic Retargeting เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อได้เร็วขึ้น เป็นต้น

 

อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ คุณอาจจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่โดยการทำ Custom Audience และ Lookalike กับ Facebook Ads กลุ่มของลูกค้าที่สามารถปิดการขายได้แล้ว เพื่อหากลุ่มคนที่มีความเหมือนกับกลุ่มลูกค้าเดิมได้อีกด้วย

 

นอกจากนั้นระบบ R-Insights ของ R-CRM ยังสามารถดู Performance by Source ได้อีกด้วย เพราะหลายครั้งที่เจ้าของกิจการลงเงินไปกับการทำโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่ทราบว่า Source หรือแหล่งที่มาของลูกค้าแต่ละที่นั้นมีประสิทธิภาพและสามารถปิดการขายได้มากน้อยแค่ไหนบ้าง ในระบบ R-Insights ของ R-CRM สามารถเก็บข้อมูลจากแหล่งที่มาต่าง ๆ ได้ ข้อมูลในส่วนนี้ช่วยให้คุณวางแผนการใช้งบการตลาดหรืองบโฆษณาออนไลน์ได้ถูกที่ถูกทางและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เช่น บริษัท A ทำโฆษณาออนไลน์ ทั้ง Google และ Facebook ข้อมูลในระบบ R-Insights ของ R-CRM ในเดือนที่ผ่านระบุว่า ลูกค้าที่มาจาก Facebook มากที่สุดและปิดการขายได้มากที่สุด ในขณะที่ลูกค้าที่มาจาก Google ไม่สามารถปิดการขายได้เลย ก็อาจจะนำมาสู่การปรับงบโฆษณาไปที่ Facebook มากกว่า Google เป็นต้น

 

ความพิเศษอีกประการของ R-Insights ของ R-CRM คือสามารถดูข้อมูลในมิติของ เรื่องเหตุผลที่ลูกค้าไม่ซื้อสินค้า โดยคุณสามารถดูได้ว่าลูกค้าที่ไม่ซื้อนั้นมาจาก Source ไหน Keywords อะไร หรือแคมเปญโฆษณาไหน เพื่อการวางแผนและปรับปรุงกลยุทธ์การทำการตลาดและโฆษณาออนไลน์ได้อีกด้วย

 

 

4. ใช้ ระบบ CRM เพื่อปรับปรุงการบริการลูกค้า

 

จุดเด่นอีกประการของ R-Insights ในระบบ R-CRM คือ สามารถดูเหตุผลที่ลูกค้าไม่ซื้อสินค้าในแต่ละเดือนได้ พร้อมรายละเอียดของเหตุผลต่าง ๆ ซึ่งการรู้ข้อมูลนี้ จะช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด อย่างทันท่วงทีนำมาซึ่งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะธุรกิจของคุณมีพัฒนาและปรับปรุงสินค้า/บริการที่ดีขึ้นและตรงใจลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยสามารถดูข้อมูลในเชิงลึกได้หลายส่วนคือ

 

  • Top 5 lost reasons (5 เหตุผลแรกที่ลูกค้าไม่สนใจซื้อ) ฟีเจอร์นี้ช่วยจัดเรียงข้อมูลเป็นสถิติให้ดูข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งจัดลำดับเอง เมื่อต้องการข้อมูลเรื่องเหตุผลที่ลูกค้าไม่ซื้อสินค้า มาปรับปรุงและพัฒนาการบริการลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
 
 

 

  • Lost reason by reason (เหตุผลที่ลูกค้าไม่สนใจซื้อ) ข้อมูลส่วนนี้จะเป็นข้อมูลทั้งหมดโดยรวมของเหตุผลที่ลูกค้าไม่ซื้อ พร้อมรายละเอียดและจำนวนของเหตุผลเดียวกัน ที่พนักงานขายแต่ละใส่เหตุผลของลูกค้าไว้ในระบบ เพราะความจริงแล้วข้อมูลเพียง Top5 ของเหตุผลที่ลุกค้าไม่ซื้อสินค้า ก็อาจจะยังไม่มากเพียงพอต่อการตัดสินใจปรับปรุงหรือพัฒนาสินค้าหรือบริการใด ๆ เพราะอาจจะมีเหตุผลที่น่าสนใจอื่น ๆ ให้คุณนำไปคิดและพัฒนาการบริการเพิ่มมากขึ้นได้  
 

 

 

เช่น เหตุผลของลูกค้า A คือเคยซื้อสินค้าตัวเก่าไปแล้วใช้ไม่ได้ผล จึงไม่ซื้อสินค้าตัวใหม่ที่นำเสนอไป คุณก็สามารถโทรติดต่อลูกค้าเพื่อดูว่าคุณสามารถเสนอวิธีแก้ไขได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และแน่นอนว่ามันจะทำให้คุณโดดเด่นและเหนือกว่าคู่แข่งแน่นอน

 

 

5. ระบบ CRM ช่วยสร้าง Sales Report ที่ถูกต้องแม่นยำ


บ่อยครั้งที่ปัญหาของการมียอดขายตกนั้น มาจากการวัดผลประสิทธิภาพการขายและทีมขายได้อย่างไม่ถูกต้องแม่นยำ ฉะนั้น การทำ Sales Report ของทีมขายที่ถูกต้องแม่นยำอย่างเป็นระบบและครบทุกขั้นตอน จะช่วยให้ผู้บริหาร เจ้าของกิจการหรือหัวหน้าทีมขาย สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์การขาย การตลาดรวมถึงการโฆษณาได้อย่างแม่นยำ จนนำมาสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้

 

เพราะ Readyplanet เข้าใจว่าพนักงานขายแต่ละคน ต้องพบต้องคุยกับลูกค้าหลายเจ้าต่อวัน อาจทำให้หลงลืมหรือทำรายชื่อลูกค้าตกหล่นไป ยิ่งการการเก็บข้อมูลลูกค้าแบบเดิม ๆ ไม่ว่าจะเก็บข้อมูลใน Spreadsheet นั้นก็ใช้เวลาในการเก็บข้อมูลนานและยุ่งยากเกินไป 


และจากที่เราให้บริการ All-in-One Sales & Marketing Platform แก่ผู้ประกอบการในประเทศไทยทั้ง SMEs, หน่วยงาน, สมาคม และองค์กรขนาดใหญ่ กว่า 15,000+ ราย พบว่าปัญหาหลักของการทำ Sales Report ที่ไม่ถูกต้องแม่นยำ มาสาเหตุหลัก ๆ 3 ประการ คือ

 

  • ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการเก็บข้อมูลแบบเดิม ผ่าน Spreadsheet เพราะไฟล์การเก็บข้อมูลลักษณะนี้ หัวหน้าทีมขายสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ยาก อีกทั้งยังดูภาพรวมของขั้นตอนการทำงานของพนักงานขายแต่ละคนได้ยาก อาจนำมาซึ่งความผิดพลาดของการดำเนินงานของพนักงานขายได้ เช่น การผิดนัดกับลูกค้า, จำไม่ได้ว่าลูกค้ารายนี้อยู่ในขั้นตอนไหนของการขายแล้ว มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรที่เกิดขึ้น ก็อาจจะเข้าไปช่วยเหลือพนักงานขายให้ปิดการขายได้ไม่ทันท่วงที นำมาสู่ผลลัพธ์ของยอดขายที่น้อยลง

 

  • วัดผลการทำงานของทีมขายไม่ได้ เพราะผู้บริหารและหัวหน้าทีมขาย ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทั่วถึง ทำให้เป็นเรื่องยากและเสียเวลามากในการวัดผลประสิทธิภาพการทำงานของทีมขาย ทั้งการวัดผลเป็นทีมและวัดผลเป็นรายบุคคล รวมถึงข้อมูลที่กระจัดกระจาย ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวจัดการระบบในทีมขายได้

 

  • เสียเวลาการทำรายงานแต่ละครั้ง เมื่อไม่มีระบบเก็บข้อมูล หรือเก็บข้อมูลได้ไม่เป็นระบบ และไม่สามารถเชื่อมถึงกันได้ระหว่างผู้บริหารและหัวหน้าทีมขายและพนักงานขาย ทำให้พนักงานขายต้องเสียเวลาในการทำรายงานแต่ละครั้ง และเพื่อส่งมอบให้กับผู้บริหารและหัวหน้าทีมขายต่อไป ยิ่งถ้าข้อมูลลูกค้าถูกเก็บแบบกระจัดกระจาย ทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากในการเก็บรวบรวมข้อมูล อีกทั้งยังเสี่ยงที่ข้อมูลสำคัญจะตกหล่นหรือสูญหายได้

 

 

ด้วยระบบ R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย จาก Readyplanet ที่ช่วยให้คุณสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างละเอียดครบถ้วน และฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่มาพร้อมระบบ ดังที่เรากล่าวมาในข้างต้น เพื่อช่วยให้การทำงานของพนักงานขายง่ายและรวดเร็วมากยิ่ง ช่วยลดเวลาของขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก อาทิ การทำใบเสนอราคา การส่งอีเมล หรือการทำ Sales Report ให้ง่ายและสะดวกมากยิ่ง และนี่คือ 5 เหตุผลสำคัญที่ตอบคำถามว่า “ทำไมธุรกิจของคุณจึงควรเลือกใช้ R-CRM” 

 

R-CRM หนึ่งในเครื่องมือสำคัญของ Readyplanet Marketing Platform 

R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement

 

 

ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี

 

Updated: 5 January 2021 | Produced by: Dujnapa Chauthamcharoen