รวมเทคนิคเริ่มต้นทำ Inbound Marketing

คุณคิดว่ายุคสมัยนี้ทำการตลาดแตกต่างหรือยากกว่าสมัยก่อนกี่เท่า? ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการยุค Offline และคุณยังสามารถดำเนินธุรกิจมาได้ถึงในสมัยนี้ ที่ค่า Ads แพงกว่าค่าสินค้า เราจะบอกว่า คุณเก่งมาก แต่ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบยุคใหม่แกะกล่องคุณอาจจะยังมอง ไม่เห็นความต่างก่อนสมัยก่อนและสมัยนี้ ซึ่งการตลาดในแต่ละสมัยก็ปรับเปลี่ยนไปตามเวลา ขึ้นอยู่กับว่ากลยุทธ์การตลาดแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด ในท้องตลาดมีสินค้ามากกว่า 10,000 ชิ้น แต่จุดหมายในแต่ละแบรนด์ที่มีเหมือนกันคือ “ใช้ต้นทุนทางการตลาดให้ถูกที่สุด” และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด 

 

 

เชื่อว่า ส่วนใหญ่ในมุมมองของเจ้าของแบรนด์รายใหม่ มักจะคิดว่าไม่มีกลยุทธ์ไหนที่จะ เสถียรและมีประสิทธิภาพนอกจากการใช้เงินแก้ไข และด้วยสถานการณ์ COVID 19 แบบนี้ที่ดูทีท่า ว่าไม่ห่างหาย มีผลกระทบให้พฤติกรรมผู้บริโภคปรับเปลี่ยนตลอดเวลาและจับทิศทางได้ยากกว่าเดิม ซึ่งในบทความหนึ่งจาก www.bright.global.com ได้กล่าวถึงเทรนด์การตลาด Inbound Marketing ในปี 2021 เป็นการตลาดที่มีต้นทุนต่ำแต่คุณภาพสูงให้ผู้ ทำให้ช่วงนี้ถ้าคุณศึกษาเรื่องเทรนด์การตลาด ก็จะพบเจอกับคำว่า Inbound และ Outbound Marketing หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด หลายๆ ท่าน ก็ยังต้องเล่าถึงเทรนด์นี้

 

Inbound Marketing คืออะไร

 


เป็นการตลาดแบบแรงดึงดูด ที่เกิดจากการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหา และเสพ Blog บทความที่มีแบรนด์คัดสรรประโยชน์และคุณค่าให้แบรนด์น่าเชื่อถือ ซึ่งตรงกันข้ามกับ การตลาดแบบก่อน ที่เราต้องเสียเงินทำ Google Ads หรือ ออกบูธ Offline เพื่อเข้าถึงลูกค้าและ เสียเงินไปในจำนวนมาก แบรนด์ต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นมากมาย แบรนด์รุ่นพี่หรือแบรนด์น้องใหม่ หันมาใช้การตลาดแบบเดียว คิดภาพง่ายๆ ก็เหมือนกับที่ถนนมันเท่าเดิมแต่รถมันเพิ่มขึ้น คราวนี้รถก็ติดไปไหนไม่ได้สามารถรับ ผู้คนข้างทางได้ที่ละเล็กน้อย ไม่สามารถรับได้ ในปริมาณมากก็ต้องแบ่ง ๆ กันไป และตอนนี้ก็มีธุรกิจหลายเจ้าที่ พร้อมปรับตัวเข้าสนามรบครั้งนี้ด้วย 

 

Outbound Marketing คืออะไร

 


เป็นการตลาดแบบแรงผลัก แรงผลักในที่นี้หมายถึงมีตัวช่วยในการส่งข้อมูลไปถึงลูกค้า แต่แตกต่างจากเดิมตรงที่การที่เราผลักสารออกไปนี้จะมีประสิทธิภาพ เข้าถึงเข้าใกล้กลุ่มเป้าหมาย ได้แม่นยำมากขึ้น Framework การทำงานของการตลาดแบบ Outbound Marketing คือ การทำโฆษณาทางทีวี การทำโฆษณาผ่านทาง Facebook การทำป้ายโฆษณาบิลบอร์ดบนทางด่วน บนรถไฟฟ้า ตามจุดต่าง ๆ ที่เป็นจุดผ่านสายตาของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ที่ผู้คนสัญจรกันเยอะ ๆ  รวมถึงการจัดจ้างดารา นักแสดง Influencer เพื่อมาทำการรีวิวผ่านสื่อโซเชียลของตนเอง

 

5 เทรนด์ฮิตจากการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing ปี 2021

 


  •  วิดีโอเนื้อหาแบบสั้น

เหตุผลหลักที่ทำให้การตลาดผ่านวิดีโอได้ผลคือ ผู้บริโภคชอบดูเนื้อหาวิดีโอจากแบรนด์ ที่พวกเขาติดตามบนโซเชียลมีเดีย และ รายงานจาก Deloitte แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคที่รับชมคลิป วิดีโอสั้น ๆ เติบโตขึ้น 74% ในปี 2561 ซึ่งจุดนี้สังเกตได้จากแอปพลิเคชัน TikTok ที่มีสถิติยอดดาวน์โหลด เพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน แค่เวลาไม่เกิน 60 วินาทีสามารถทำให้ผู้บริโภค เข้าถึงเทรนด์ได้ง่ายได้ และจากรายงานของ Deloitte พบว่า 71% ของผู้ที่ดูวิดีโอแบบสั้นมักจะเปิดรับโฆษณามากกว่า ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคในปีนี้ มักจะชอบอะไรที่เข้าถึงง่าย ๆ ไม่ต้องคิดเยอะและสามารถมีประสบการณ์ ร่วมได้อีกด้วย

 

  •  แบบฟอร์มสมัยใหม่

แบรนด์ส่วนใหญ่มักอยากได้ข้อมูลลูกค้าให้มากที่สุด เพราะยุคนี้แบรนด์ไหน ถือข้อมูลลูกค้าหรือ Big Dataได้มากที่สุด แบรนด์นั้นจะรู้จักใจลูกค้าและเรียกคะแนนเสียงไปได้ก่อน แต่บางแบรนด์ก็กลับมองข้าม เรื่องส่วนตัวของผู้บริโภคมากเกินไป โดยไม่นึกว่าถ้าเป็นตัวเราเอง อยากดาวน์โหลดข้อมูลประโยชน์ใด ๆ แต่กลับต้องมาใส่ข้อมูลที่มันค่อนข้างยุ่งยากและเยอะแยะใคร ๆ ก็ไม่ชอบแน่นอน แม้แต่คุณเองยังรู้สึกรำคาญเลย ถูกต้องไหมคะ? 

 

ดังนั้นการใช้รูปแบบฟอร์มเก็บข้อมูลลูกค้าแทนที่จะขอข้อมูลทั้งหมดในคราวเดียว ก็ปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้ไม่รู้สึกน่ารำคาญและเก็บรวบรวมแบบค่อยเป็นค่อยไป ผู้บริโภคจะต้องกรอกแบบฟอร์มทุกครั้งที่ดาวน์โหลดทรัพยากร และทุกครั้งที่มีการร้องขอข้อมูลใหม่ จนกว่าคุณจะมีข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการ ผู้บริโภคจะยอมกรอกแบบฟอร์มทุกครั้งที่ดาวน์โหลด ทรัพยากร และทุกครั้งที่มีการร้องขอข้อมูลใหม่ จนกว่าคุณจะมีข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการ อย่ารีบร้อนขอข้อมูลที่เดียว จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกไม่ปลอดภัย

 

  •  ช่องทางพัฒนาFunnel

ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าและเส้นทางของผู้ซื้อกำลังเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ นักการตลาดเคยชินกับแพทเทิร์นเดิม ๆ ในการหาลูกค้าแบบ ยิง Ads ทักแชทปิดยอดขาย มักจะได้ลูกค้าขาจรเป็นจำนวนมาก แต่การตลาดแบบ Inbound Marketing เราจะเป็นการปูฐานลูกค้าให้แน่น ในรูปแบบ Conversion ใหม่นี้ การเดินทางของลูกค้าจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และแกนหลักของโมเดลคือลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากโมเดลช่องทางที่ลูกค้าคือผลลัพธ์ ปัจจุบันลูกค้าได้รับอิทธิพลจากคำพูดแบบปากต่อปาก และการอ้างอิงมากกว่าสื่อการตลาดของคุณในการตัดสินใจซื้อ บทความจาก Harvard Business Review ระบุว่า 57% ของกระบวนการจัดซื้อแบบ B2B นั้นเสร็จสิ้นก่อนที่ลูกค้าจะเข้าถึงผู้ขาย และ 81% ของผู้บริโภคกล่าวว่าพวกเขาเชื่อถือคำแนะนำจากครอบครัวและเพื่อนฝูงในการซื้อ โมเดลนี้เป็นการนำเสนอกรอบความคิดแบบองค์รวม เพื่อช่วยให้ธุรกิจขจัดแรงเสียดทาน จากกระบวนการภายใน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

 


  •  ยุคของอินฟลูเอนเซอร์

สังเกตได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในปี 2021 จะเลือกเชื่ออินฟลูเอนเซอร์ มากกว่า Presenter หรือดารา เพราะมันดูมีความน่าเชื่อถือที่คนรีวิวคนนั้นใช้จริง ๆ บางอย่างที่ดาราดังเป็น Presenter มันก็ทำให้เราเชื่อยากจริง ๆ ว่า ดาราคนนี้ใช้จริงไหมแต่นั้นก็อาจจะเป็นความผิดของแบรนด์ที่เลือก Presenter ไม่เหมาะกับสินค้า และทำให้ผู้บริโภคเกิดความขัดแย้งไม่คล้อยตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่าง ๆ ได้ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ - บริการไปยังผู้ชมใหม่ การเป็นพันธมิตรกับอินฟลูเอนเซอร์ถือเป็น เทรนด์การตลาดขาเข้าที่คุณต้องการจับตาดู 

 

  •  การเพิ่มประสิทธิภาพของตัวอย่างข้อมูล

Featured Snippet เป็นโซลูชันของ Google เพื่อให้ผู้ใช้บนแพลตฟอร์มของตนมากขึ้น แทนที่จะคลิกผ่านไปยังเว็บไซต์ที่ระบุไว้ใน SERP เมื่อผู้ใช้ถามคำถาม Google จะดึงคำตอบจากไซต์ที่จัดทำดัชนีไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถอ่านได้อย่างรวดเร็วบนหน้าค้นหา โดยไม่ต้องไปที่เว็บไซต์ เรียกอีกอย่างว่าการ ทำ SEO ในบทความ ข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์องค์กร

 

ข้อดีของการทำ SEO ถ้าเรารู้จักวางแผนดีตั้งแต่เริ่มรับรอง บทความของคุณจะติดอันดับหน้าแรก ของ Google ซึ่งมันคงเป็นสิ่งที่ดีมากแน่ ๆ เราลงทุนน้อยแต่ได้ประสิทธิภาพ และถ้าคุณสนใจเรื่องการทำ SEO สามารถอ่านบทความ สรุปแนวทางพื้นฐานทำ SEO อย่างไรให้ติดหน้าแรกของ Google เพื่อที่คุณจะได้มีไอเดียใหม่ ๆ ต่อยอดให้แบรนด์พัฒนาแบบก้าวกระโดด

 

แนวทางปฏิบัติเริ่มต้นการทำ Inbound Marketing 

 

เริ่มอย่างแรกคือ การปรับ Mindset ให้ Social ของแบรนด์เป็นมากกว่าผู้ขาย คือ การเป็นเพื่อนและผู้เชี่ยวชาญที่คอยมองสิ่งดีให้ และหน้าที่ของเราคือการเปลี่ยนคนแปลกหน้า ให้กลายเป็นผู้ชม ด้วย Blog ที่มีประโยชน์คุณค่าจากนั้นก็เปลี่ยนเป็น Lead และเปลี่ยนเป็นลูกค้า จนสุดท้ายแล้วสถานะของคือ ผู้โปรโมทด้วยการเริ่มจาก 4 ขั้นตอนนี้

 


  • Attract - การดึงดูด

ขั้นแรก นี่คือจุดเริ่มต้นของวงล้อ การทำ Inbound Marketing เปลี่ยนจากคนแปลกหน้าให้เป็นผู้เข้าชม คนแปลกหน้าในที่นี้หมายถึงคนที่ไม่รู้จักแบรนด์ของเรา แต่เป็นกลุ่มที่ใช้สินค้าประเภทเดียวกับแบรนด์ คนแปลกที่เรานึกถึงควรจะเป็นกลุ่มลูกค้าของเรา ไม่ใช่ก็ได้ ไม่เช่นนั้นเป้าหมายของเราจะไม่เสถียร วิธีการเริ่มคือ ทำคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าต่อผู้มาพบเห็น เพื่อเป็นการเรียกเขาเข้ามาหาเราและก่อนจะลงมือทำคอนเทนต์ต้องเรียนรู้ ลูกค้าของเรา หรือคิดง่าย ๆ เราคือคนแปลกหน้าที่เขาอยากคุยด้วย แต่เขาคือคนที่เรารู้จักมากที่สุด

 


  • Convert - การเปลี่ยนสถานะ

เมื่อเราดึงดูด คนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ของเราได้แล้ว อย่าปล่อยให้สูญเปล่า ควรทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเพลิดเพลินและอยากอยู่ในเว็บไซต์ของเราต่อ อย่างน้อยควรมีคอนเทนต์หรือข้อความทักทายเขา ให้เขายอมอ่านหรือยอมคุยด้วยก่อน เพื่อที่จะได้เปลี่ยนสถานะจากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนรู้จัก ควรใช้วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเช่น กลุ่มเป้าหมายสามารถดาวน์โหลดทรัพยากรของเราได้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือ การให้ข้อมูลบางอย่าง เพื่อให้เรารู้จักเขาได้มากขึ้น และควรใช้แบบฟอร์มที่ความทันสมัย ใส่ใจรายละเอียดแบบหัวข้อข้างต้นที่กล่าวไว้ เพื่อที่เขาจะเปลี่ยนสถานะจากคนรู้จักเป็น Lead

 

  • Close - ปิดการขาย

เมื่อเราได้รู้จักเขามากขึ้น กลายเป็นคนรู้จักกันแล้ว ข้อควรระวังคือ อย่าเพิ่งรีบขายตั้งแต่วันแรก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกค้าทันทีเราต้องค่อย ๆ ฟูมฟักดูแล Lead นี้อย่างดี เพราะกว่าจะกลายมาเป็นคนรู้จักกัน ต้องผ่านหลายขั้นตอน เพียงแค่วิธีง่าย ๆ คือ คุณรู้จักเขาแล้วมีเบอร์กันมีอีเมลกัน ก็ทำการทักทายกันบ้างบางวัน โดยการส่งคอนเทนต์ดี ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับคนรู้จักและเราจะได้สนิทกันมากขึ้น แต่ถ้าเขาอยากเป็นลูกค้าตั้งแต่วันแรก เขาจะหาทางติดต่อคุณมาเองโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย

 

  • Delight - เพิ่มความประทับใจ

หลังจากที่อัปเดตสถานะเป็นลูกค้ากันแล้ว นั้นคือจุดเริ่มต้นหน้าที่หลักของคุณ ไม่ใช่เมื่อเขาซื้อตามสิ่งที่ฉันหวังแล้วก็ทิ้งขว้าง อย่าลืมจุดประสงค์หลังการทำ Inbound Marketing คือการที่เรา มองหาฐานลูกค้าแบบยั่งยืน เสถียรภาพที่สุด การเปลี่ยนสถานะต่อจากนี้ เพียงแค่คุณหมั่นใส่ใจ ดูแลอย่างต่อเนื่องให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และการเป็นการบอกต่อแบบปากต่อปาก ซึ่งการ บอกต่อกันปากต่อปาก มันเป็นผลดีที่เขาพร้อมจะเปลี่ยนสถานะจากลูกค้าเป็น ผู้ชื่นชมและคุณรู้หรือไหมว่า กระแสการบอกต่อปากต่อปาก มันจะทำให้แบรนด์ของคุณมียอดขายกันแบบไม่หวาดไม่ไหวแน่นอน และคุณก็จะสามารถขายทุกผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าคนนี้ เนื่องจากเขาเชื่อใจ ไว้ใจกับแบรนด์จนไปถึงขั้นสูงสุดของวงล้อ การตลาดแล้ว

 

ข้อดี - ข้อเสียของการทำ Inbound Marketing 

 

เริ่มจากข้อดี ที่จะทำให้คุณจินตนาการภาพความสำเร็จหลังจากทำการตลาดแบบ Inbound Marketing คือ

 

  • สร้างเครดิตให้กับแบรนด์ เพราะในขั้นตอนของการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing เป็นการสร้างตัวตนที่มาพร้อมความน่าเชื่อถือ ไม่เน้นการขายหรือรุกผู้บริโภคมากเกินไป

 

  • ฐานลูกค้าของแบรนด์เติบโต เมื่อลูกค้าเชื่อใจไว้ใจ เปลี่ยนสถานะจากคนแปลกหน้า > คนรู้จัก >ลูกค้า > ผู้บอกต่อ   

 

ในทุกสถานะล้วนมีความหมายและใส่ใจทุกรายละเอียด ทำให้ลูกค้ารักและอยากอุดหนุนซัพพอร์ต ไม่ว่าคุณจะออก Product ใหม่กี่ชิ้นก็ตาม

 

  • แก้ไขจุดบกพร่องได้อย่างถูกจุด

เนื่องจากการตลาดแบบ Inbound Marketing ใช้ระยะเวลานานและเป็น การตลาดแบบสร้างฐานให้มั่นคง แบรนด์ก็จะมีเวลาสังเกตเห็นจุดบอดและสามารถอุดรอยรั่วนั้นได้ อยากละเอียดรอบคอบมากขึ้น ทำให้หลาย ๆ แบรนด์หันมาลงสนามในด้านนี้

 

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา

ข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นเหตุผลแรก ๆ ที่ทำให้หลาย ๆ แบรนด์ปรับตัวมาลองการตลาดแบบใหม่ ซึ่งมันเป็นผลพลอยได้ ถ้าเราทำการตลาดตรงนี้ได้เสถียรภาพมาก ค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาจะลดไป มากกว่าครึ่งเลย เพราะเป็นการที่เรามีแหล่งขุมทรัพย์ คือ คอนเทนต์ดี ๆ มีคุณค่า ให้ลูกค้ามาแสวงหา ไปจากเรานั่นเอง

 

ข้อเสียของการทำ Inbound Marketing

 

เหมือนว่าทางด้านข้อเสียอาจจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับหลายๆ แบรนด์ หรือมองว่าข้อเสียนั้น เป็นข้อที่น่าระแวงจนไม่กล้าสนาม 

 

  • คู่แข่งเยอะ

จริง ๆ ไม่ว่าจะทำการตลาดแบบไหนคู่แข่งก็เยอะไปซะทุกแบบ แถมคู่แข่งทางธุรกิจ ก็เยอะพอกัน ข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นข้อที่ต้องพบเจอประจำ หรือรีบลงมือทำก่อน ประสบความสำเร็จก่อนก็อาจจะไม่ได้กลายเป็นข้อเสียก็ได้ ถ้าเรามีตัวช่วยดี ๆ อย่างระบบ R-CRM

 

  • ใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล

การตลาดแบบ Inbound Marketing คือ การตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่รุกจนผู้บริโภค จนน่าเกลียด แต่บางแบรนด์ที่ขายสินค้าตามกระแส ตามเทรนด์อาจจะมองข้อนี้เป็นข้อเสีย เพราะ สินค้าตามกระแสต้องรีบขายให้มากที่สุดและเร็วที่สุด การทำการตลาดแบบนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์ สักเท่าไร เพราะใช้เวลานาน

 

ไม่ว่าจะยุ่งไหน การตลาดแบบไหนเราก็ต้องรู้จักปรับเรียนรู้ให้เท่าทันพฤติกรรมของลูกค้า ไม่ว่าเราจะ Work Form Home อีกนานแค่ไหน เราก็จะยังสั่งของออนไลน์ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่าสถานการณ์ไม่ดี คนถึงไม่ค่อยมาซื้อสินค้า ถ้าหาคุณยังคิดแบบนี้ อาจจะทำให้พลาดโอกาสในการสร้างยอดขาย อย่างแรกที่ควรปรับก่อนจะลงมือทำ การตลาดแบบ Inbound Marketing ต้องอดทนรอระยะเวลาที่กว่าผลมันจะผลิดอกได้และถ้าตอนนี้ คุณช้าไม่ได้แล้วล่ะ? คุณจะมีใครช่วยไหมหรือทำงานนอกเวลาดี จะดีกว่าไหมคะ ถ้าคุณกำลังอยากเรียนรู้เรื่องการทำ Inbound Marketing และมีผู้ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้า แบบที่คุณสามารถลงมือทำเลย โดยที่ไม่ต้องมานั่งขอข้อมูลลูกค้าซ้ำไปซ้ำมา นั่นคือระบบ R-CRM เป็นฟังก์ชันเครื่องมือที่จะทำให้คุณสบายจากการทำ Report ประจำเดือน เพียงแค่แบรนด์ของคุณ มีถังข้อมูลกลางไม่ว่าจะทีมไหนก็สามารถดึงข้อมูลจากระบบ R-CRM ไปใช้ได้ 

 

ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ R-Insight ที่จะทำการบันทึกข้อมูลลูกค้า พฤติกรรมความชอบ ปัญหาและแหล่งที่เราจะพบกลุ่มลูกค้าได้ นำมาทำคอนเทนต์ที่มีคุณค่าได้ทันทีโดนไม่ต้องมาเริ่มโยนหิน ถามทางคาดเดาเอาเองว่า ลูกค้าของเราชอบอะไรแบบไหน เพราะฟีเจอร์ตัวนี้จัดการไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ประหยัดทั้งเงินและเวลา เหมาะกับสถานการณ์ช่วงนี้มาก ๆ ที่เราต้องแข่งขันและเติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณอยากทำความรู้จักกับระบบ R-CRM สามารถศึกษาเพิ่มเติมจากบทความ R-CRM ใช้งานอย่างไรและมีประโยชน์กับธุรกิจอย่างไร จะทำให้คุณได้ BreakThrough การพัฒนาธุรกิจในการตลาดแบบใหม่ ๆ ได้ก่อนใคร

 

R-CRM หนึ่งในเครื่องมือสำคัญของ Readyplanet Marketing Platform 

R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement

 

 

ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี