เทคนิคเลือกใช้ Marketing Tech อย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจ

ทุกวันนี้การบริหารจัดการการขายและการตลาด มีความท้าทายและความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มศักยภาพให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ตั้งแต่กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล วางแผนแคมเปญ จัดการข้อมูล รวมไปถึงการบริหารลูกค้าและวัดผลให้ออกมาถูกต้อง เพื่อสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ โดยเทคโนโลยีการตลาด จะเรียกกันว่า Marketing Technology / Marketing Tech หรือเรียกสั้น ๆ กันว่า MarTech

 

แต่การจะเลือกใช้เครื่องมือ Marketing Tech แบบไหนให้ตอบโจทย์ธุรกิจนั้นก็เป็นปัญหาที่ปวดหัวไม่น้อยเช่นกัน วันนี้เราจึงมีบทความใหม่ล่าสุดที่จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจและวางแผนการใช้ Marketing Tech ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะมีเทคนิคอะไรบ้าง คลิกที่ปุ่มด้านล่างเพื่อมาหาคำตอบกันได้เลย


Marketing Tech คืออะไร

 

 

Marketing Technology  หรือ Marketing Tech แปลตรงตัวได้ว่า เทคโนโลยีทางการตลาด เป็นเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยให้บริษัท องค์กรหรือธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการที่ต้องการนำเสนอขาย หยิบมาใช้วางแผนกระบวนการทางการตลาดต่าง ๆ ตั้งแต่วิเคราะห์ข้อมูล จัดการข้อมูลต่าง ๆ เข้าถึงข้อมูลและระบุกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงแสดงผลลัพธ์ออกมา เพื่อใช้พัฒนาและปรับปรุงในกระบวนการทำการตลาดครั้งต่อ ๆ ไป และสามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ประมวลผลข้อมูลที่เยอะ ๆ ออกมาโดยอัตโนมัติ ช่วยลดแรงคน และช่วยบริหารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหรือเครื่องมือการตลาดให้ธุรกิจเลือกใช้จำนวนมาก แต่ละเครื่องมือมีหน้าที่และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นธุรกิจควรเลือกใช้เครื่องมือที่มาอยู่หลากหลาย นำมาผสมผสานกันได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากคุณต้องการนำเสนอขายสินค้าหรือบริการ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกเครื่องมือให้เหมาะสม หรือนำเครื่องมือที่มีอยู่หลากหลาย มาผสมผสานใช้อย่างลงตัวที่สุด เพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเข้าไปนั่งในใจของผู้บริโภคให้ได้ในที่สุด ธุรกิจจึงมีการใช้ Marketing Tech Stack เข้ามาช่วยในเรื่องนี้

 

Marketing Tech Stack คืออะไร

 

 

โดยปกติแล้ว Marketing Tech Stack จะประกอบด้วยชุดเครื่องมือหลายอย่าง เพื่อที่จะช่วยในการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจ สินค้าหรือบริการ สร้างการเปลี่ยนแปลง สร้างความประทับใจ ชอบชื่นชอบให้กับลูกค้า และช่วยให้เข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น โดย Marketing Tech Stack ที่พบได้บ่อย ๆ มีหมวดหมู่ต่าง ๆ ดังนี้


การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Management)

 

ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของ MarTech Stack สำหรับการรวบรวมเนื้อหาและจัดการเนื้อหาต่าง ๆ เช่น ไฟล์ภาพ วิดีโอ เสียงหรือเอกสารจำนวนมาก ๆ ที่เป็นข้อมูล เปรียบเสมือนหัวใจหรือกุญแจหลัก เมื่อคุณสามารถบริหารเนื้อหาคอนเทนส์ทั้งหมดได้อย่างดีเยี่ยมและรวดเร็ว เรียกใช้งานได้ง่าย จะช่วยให้การทำการตลาดต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


เครื่องมือวิเคราะห์ (Analytics Tools)

 

 

สำหรับธุรกิจที่มีข้อมูลเยอะ ๆ แต่ขาดการวิเคราะห์หรือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์จะไปมีความหมายอะไร ดังนั้นจึงเป็นอีกส่วนที่สำคัญอย่างมากในธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการที่ต้องการนำเสนอขาย และมีคู่แข่ง โดยการวิเคราะห์ที่ได้คุณภาพ ละเอียด ประสิทธิภาพสูง สามารถนำไปสู่การคิดหรือผลิตคอนเทนส์และแคมเปญที่ยอดเยี่ยม เหนือคู่แข่งได้

 

การจัดการลูกค้าเป้าหมาย (Lead Management)

เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ธุรกิจและนักการตลาดให้ความสนใจ เพราะจะช่วยให้คุณมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการลูกค้า ในแต่ละวันอาจจะมีลูกค้าเข้ามาหาคุณจำนวนมาก แต่ละคนมีพฤติกรรมการซื้อ หรือปัจจัยในการซื้อต่างกัน คุณสามารถคัดกรองลูกค้าออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้สามารถผลักดันไปถึงการปิดการขายและสร้างยอดขายได้


การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management)

สำหรับการทำการตลาดแล้ว การรักษาฐานลูกค้าประจำ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและธุรกิจของคุณ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง และแน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า กับพนักงานขายต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทีม หัวหน้าทีมต่าง ๆ เพราะหากมีความเข้าใจกัน ร่วมมือกัน ย่อมทำงานร่วมงานกัน และก่อให้เกิดยอดขาย การประทับใจในธุรกิจ และเกิดการกลับมาซื้อซ้ำได้


การตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation)

 

 

หนึ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อกับ Email Marketing และ การทำ CRM เพื่อช่วยในเรื่องการระบุพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ให้ชัดเจนเป็นหมวดหมู่ เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

 

ระบบการจัดการเนื้อหา (Content Management System)

 

 

เครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจหรือคุณสามารถเข้ามาจัดการหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ รวมไปถึงหน้า Landing Page เวลาทำแคมเปญต่าง ๆ ด้วย


การจัดการสื่อโซเซียล (Social Media Management)

 

 

ในทุกวันนี้ที่คนจำนวนมาก สามารถเข้าถึงสื่อโซเซียลได้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าจับตามอง จะช่วยในการจัดการลูกค้าผ่านโซเซียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึงลดความยุ่งยากหาธุรกิจของคุณมีมากกว่าหนึ่งช่องทางในการติดต่อทางโซเซียลอีกด้วย

 

ในทุกวันนี้หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ การเลือกใช้เครื่องมือเดียวในการทำการตลาด คงไม่เพียงพออีกต่อไป ยกตัวอย่างเช่น คุณเลือกใช้เว็บไซต์ออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทาง เสมือนหน้าร้านออนไลน์เพิ่มขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ แต่จะทำยังไงให้คนค้นหาคุณเจอ หรือเมื่อค้นหาเจอแล้วสนใจสั่งซื้อสินค้าหรือบริการของคุณมากกว่าคู่แข่ง แล้วหลังจากที่เขาซื้อสินค้าของคุณไปแล้ว ต้องทำอย่างไรให้เขากลับมาซื้อซ้ำ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทุกวันนี้ เลือกใช้เครื่องมือการตลาดหลายเครื่องมือ ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ออนไลน์อย่างเดียวอีกต่อไป

มาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะพอเข้าใจ MarTech และ MarTech Stack กันมากขึ้นแล้ว ว่ามีประโยชน์และทำอะไรได้บ้าง ทำให้มาที่คำถามต่อไปว่า

 

แล้วธุรกิจของคุณจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี?

 

ก่อนอื่นสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนก็คือ รู้ว่าองค์กรหรือธุรกิจของคุณในตอนนี้กำลังต้องการอะไร หรืออยากได้อะไร เรามีตัวอย่างมาเป็นแนวทางให้ ด้านล่าง

 

คุณต้องการเพิ่มลูกค้าใหม่

 

ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น ที่ดำเนินธุรกิจมาได้สักพักแล้ว และเริ่มรู้สึกว่าอยากได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติม จะมีเทคนิคการเลือกใช้ MarTech ได้ดังนี้

 

Go Online เปิดเว็บไซต์ / สร้างร้านค้าออนไลน์

 

 

ในกรณีที่ธุรกิจของคุณเคยทำการตลาดออฟไลน์ และยังไม่มีเว็บไซต์ออนไลน์เป็นของตัวเอง คุณจำเป็นต้องสร้างขึ้นมา เพราะในความเป็นจริงแล้วเป็นไปได้ว่าลูกค้าออฟไลน์กับลูกค้าออนไลน์คือคนละกลุ่มกัน แต่ต้องการสินค้าที่คุณมีเหมือนกัน การสร้างเว็บไซต์ออนไลน์จึงเป็นการเพิ่มช่องทางและเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมองเห็นคุณในโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาเปิด-ปิด เพราะออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง

 

สำหรับการทำเว็บไซต์ออนไลน์ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ทว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างเยอะ  ทำให้มีหลายธุรกิจหันมาใช้บริการการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์สำเร็จรูปที่จะเข้ามาช่วย เพราะออกแรงน้อยกว่า ได้เว็บไซต์ที่สวยและทันสมัย มีเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยสร้างเว็บไซต์ ทำเว็บไซต์และออกแบบเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ คุณสามารถปรับแต่งให้เข้ากับภาพลักษณ์ธุรกิจได้ โดยไม่ต้องจ้างเขียน Code ให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังรองรับ SSL (HTTPS) ช่วยรักษาความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และยังรองรับการทำ SEO ช่วยให้ติดอันดับดี ๆ บน Google Search

 

นอกจากนั้นสำหรับเครื่องมือทำเว็บไซต์ออนไลน์สำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพ จะต้องรองรับ Responsive Design เข้าถึงได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต รวมถึงสมาร์ทโฟนที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น R-Web จาก Readyplanet แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ที่มาพร้อมเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One

 

ทำ Google Ads, Facebook Ads

 

 

เมื่อคุณมีเว็บไซต์ออนไลน์เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาอาจจะต้องเริ่มคำนึงถึงทำโฆษณาเพื่อให้มีคนเห็นเว็บไซต์ของคุณมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกทำได้ทั้งใน Google Ads เมื่อพิมพ์ค้นหาคำที่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณเว็บไซต์ของคุณจะถูกปักหมุดอยู่ด้านบน ๆ ทำให้ลูกค้าพบเห็นและสามารถกดเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ออนไลน์ของคุณได้ และ ใน Facebook Ads ที่เป็นหนึ่งใน Social Media ยอดนิยมโดยเฉพาะในประเทศไทย สำหรับการใส่ Ads บน Facebook สามารถเลือกได้ตาม Objective หรือวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้เลย เช่น ต้องการให้คนที่กดไลก์เพจ, ต้องการให้คอนเทนส์ที่โพส (แนะนำขายสินค้าหรือบริการ) เข้าถึงกลุ่มคน โดยทั้ง 2 ช่องทางสามารถระบุกลุ่มเป้าหมาย เพศ อายุ ความสนใจและอื่น ๆ แยกย่อย เพื่อให้แคบลง ทำให้โฆษณาดังกล่าวเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตามที่ต้องการนั่นเอง

 

ทำ SEO เพิ่มคนเข้าเว็บไซต์

 

 

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization คือการทำคอนเทนส์หรือเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยการทำ SEO จะคำนึงถึงเรื่อง ‘คำค้นหา’ หรือ Keywords ที่นำมาใช้ประกอบบทความ สำหรับธุรกิจที่ไม่อยากทุ่มงบไปกับการทำโฆษณาอย่างเดียว อีกทั้งหากอ้างอิงข้อมูลจาก Readyplanet "จากงานวิจัยพบว่า 71.33% ของการ Search ทำการคลิกผ่าน Organic Results ในหน้าแรก และ 5.59% คลิกไปถึงหน้าที่ 2-3 ในขณะที่โฆษณาได้รับการคลิกเพียง 15% ของผู้ทำการค้นหา ดังนั้นการทำ SEO ให้คีย์เวิร์ดสำคัญ ๆ ของธุรกิจติดอันดับที่ดี จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดการแข่งขันและสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจของคุณเหนือกว่าคู่แข่งได้เป็นอย่างดี" ทำให้หลายธุรกิจหันมาทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ออนไลน์ของตัวเองมากยิ่งขึ้นนั่นเอง Smart SEO จะสามารถเข้ามาช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกช่องทางหนึ่ง

 

ทำ Google My Business

 

หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นกับ Google My Business เท่าไหร่นัก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ Google My Business คือเครื่องมือหรือบริการจาก Google ที่ทำขึ้นมาเพื่อสนับสนุนร้านค้า บริการของธุรกิจในพื้นที่ต่าง ๆ โดยคุณสามารถใส่ข้อมูลของคุณสถานที่ตั้งเข้าไปในฐานข้อมูลของ Google จะทำให้ร้านของคุณขึ้นมาในคำค้นหาใกล้เคียง ยกตัวอย่างเช่น คุณคือร้านขายสินค้าไอที โดยหน้าร้านตั้งอยู่อโศก เมื่อลูกค้าค้นหา “ร้านไอที ย่านอโศก” ร้านของคุณก็จะถูกดึงข้อมูลขึ้นมาให้กับคนที่กำลังค้นหาคำนี้ หรือในกรณีที่คนที่ค้นหาอยู่อโศกและต้องการร้านไอที เมื่อลูกค้าค้นหา “ร้านไอที ใกล้ฉัน”  Google ก็จะดึงข้อมูลของร้านคุณขึ้นมาด้วยนั่นเอง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่

 

คุณต้องการเพิ่มลูกค้าประจำ

 

สำหรับการทำการตลาดแล้ว หลายธุรกิจเริ่มให้ความสำคัญกับการเพิ่มและรักษาลูกค้าประจำให้อยู่กับธุรกิจหรือองค์กรมากขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้าประจำถือเป็นกลุ่มที่สามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้และทำได้ดีเสียด้วย ซ้ำค่าใช้จ่ายยังน้อยกว่าการหาลูกค้าใหม่ ๆ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเครื่องมือที่ถูกหยิบมาใช้สำหรับการเพิ่มลูกค้าประจำจะอยู่ในโหมด Loyalty Program รวมไปถึงการใช้การยิงโฆษณาเข้ามาช่วย

 

 PointSpot

 

 

สำหรับวิธีเพิ่มลูกค้าประจำ ให้กลายมาเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีในอนาคต สามารถใช้เครื่องมือ PointSpot ช่วยทำ Loyalty Program เกี่ยวกับการสะสมแต้มด้วยเบอร์โทรและคูปองโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มลูกค้าประจำและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจด้วย โดยการทำกลยุทธ์แบบนี้จะสามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างแท้จริง เข้าถึงทุกแพลตฟอร์ม ลูกค้าไม่ต้องลงแอปหรือพกบัตรสมาชิกให้ยุ่งยาก ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัล เพียงแค่บอกเบอร์ในทุกครั้งที่เข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการเท่านั้น ระบบจะส่ง SMS เข้าไปเพื่อบอกจำนวนแต้มสะสมหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติม

 

นอกจากนั้นยังสามารถทำคูปองโปรโมชั่นต่าง ๆ ส่งให้กับลูกค้าที่สมัครเข้ามาในระบบสะสมแต้มอีกด้วย ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับความสำคัญ และดึงดูดให้กลับมาใช้บริการสินค้าหรือบริการของคุณซ้ำอีก

 

ยกตัวอย่างคูปองโปรโมชั่น

 

  • คูปองต้อนรับ (Welcome Coupons)

 

 

เมื่อลูกค้าสมัครเข้าระบบ Loyalty Program ของคุณ ลูกค้าจะได้รับคูปองทันทีเพิ่มสั่งซื้อสินค้าหรือบริการครั้งแรก

 

  •  คูปองแจกฟรี (Giveaway Coupons)

 

 

คูปองโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เมื่อคุณต้องการให้ลูกค้าใช้จ่ายเงินกับคุณซ้ำหรือใช้จ่ายเงินมากขึ้นตามวัตถุประสงค์จึงจะได้รับของบางอย่างเช่น หากลูกค้าซื้อเครื่องดื่มครบ 300 บาทขึ้นไป จะได้รับขนมทานเล่น 1 ชิ้น เป็นต้น

 

  • คูปองแนบท้าย (Attached Coupons)
 

  

 

หลังจากที่ลูกค้าเข้ามาใช้ซื้อหรือใช้บริการสินค้าของคุณแล้ว ระบบจะส่งรายละเอียดสะสมพอยท์ไปยัง SMS คุณสามารถแนบคูปองแนบท้ายไปพร้อม ๆ กัน โดยปกติแล้วจะเป็นส่วนลดเมื่อเข้ามาใช้บริการในครั้งถัดไป กระตุ้นให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการอีก

 

Retargeting ads

 

การทำ Retargeting Ads หรือ การทำ Remarketing นั้นคือการทำการตลาดออนไลน์ไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อสินค้า ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้า A กดเข้าเว็บไซต์ของคุณเพื่อดูแพ็กเกจนวดสปา แต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้าหรือบริการนี้ เราสามารถยิงโฆษณาออนไลน์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ หรือสื่อโซเซียลมีเดียที่รองรับและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อให้เขาเห็นซ้ำและเพื่อพยายามให้กลับมาซื้อสินค้าหรือบริการของเราอย่างแท้จริง หากเรามี ระบบโฆษณา Dynamic Retargeting แบบอัตโนมัติ ก็จะช่วยให้การทำงานของเราง่ายขึ้น

 

คุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา

 

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ หลายธุรกิจสามารถยิงโฆษณาคอนเทนส์หรือเนื้อหาโปรดักส์ที่ต้องการนำเสนอขายหรือให้บริการไปยังลูกค้าได้ง่ายดายขึ้น สามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่หลายครั้งกลับพบว่าโฆษณาที่ยิงไปไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ หรือไม่เกิดฟีคแบคใด ๆ รวมถึงวัดผลไม่ได้ อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงหากต้องการยิงโฆษณาโดยคาดหวังว่าจะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทักเข้ามาในแชท อีกทั้งยังมีปัญหาเกี่ยวกับการตอบแชทที่มาจากหลากหลายช่องทาง ด้วยเป็นธุรกิจเริ่มต้นหรือมีทีมแอดมินคอยประสานงานไม่เพียงพอ เสี่ยงเกิดความไม่ประทับใจระหว่างลูกค้าและธุรกิจได้ ดังนั้นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการโฆษณาและการตอบแชทที่มาจากหลากหลายช่องทาง จึงมีดังนี้

 

R-Widget ทำ Smart Conversion

 

 

ก่อนอื่นต้องอธิบายคำว่า Conversion ให้เข้าใจกันคร่าว ๆ สักหน่อย สำหรับConversion คือ สิ่งที่สามารถแสดงให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมาย ได้ทำตามเป้าหมายของแคมเปญนั้น ๆ ช่วยวัดว่าลูกค้า Take Action กับเว็บไซต์ของคุณตามที่คุณต้องการหรือไม่ เช่นคุณอยากให้ลูกค้ากดเข้าแคมเปญเพื่อลงทะเบียนล่วงหน้า เป็นต้น

 

สำหรับธุรกิจที่ต้องการให้ Conversion ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม สามารถเลือกใช้ R-Widget ที่รองรับการทำ Smart Conversion ช่วยให้ธุรกิจได้ลูกค้าที่ตัวจริงขึ้น แบบไม่ต้องเปลืองเวลาเยอะ จากฐานข้อมูลจริง สามารถเข้าไปดูได้จาก "รายงานและสถิติ" (Report & Stats)  ซึ่งสามารถดูจำนวนการเข้าชมหน้าเว็บไซต์ในแต่ละช่องทาง รวมถึงข้อมูลสถิติแคมเปญโฆษณาหากมีการเชื่อมต่อกับ Google Ads ไว้ได้อีกด้วย

 

Chatday + Chat Center จัดการแชทจากทุกช่องทางในที่เดียว

 

Chatday คือช่องทางสำหรับพูดคุยกับลูกค้าบนเว็บไซต์ เพื่อบริการลูกค้าในด้านต่าง ๆ ทั้งเรื่องการสอบถามข้อมูล ซื้อสินค้าหรือบริการผ่านระบบออนไลน์ และปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Chatday จาก Readyplanet สามารถบริหารช่องแชทได้จากทุกช่องทาง โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นแชทยอดนิยมอย่าง LINE Official Account หรือ Facebook Page ด้วย

 

น่าเชื่อถือ / ได้ข้อมูลจริง / วัดผลได้

นี่คือ 3 จุดเด่นและประโยชน์ของ Chatday

 

นอกจากนั้นใน Chatday ยังมีฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดเรียกว่า Chat Center  หลาย ๆ ธุรกิจที่มีปัญหาการตอบกลับลูกค้าไม่ทั่วถึง เนื่องจากมีช่องทางที่ลูกค้าสามารถข้อความว่าหลากที่ หรือแอดมินที่คอยบริหารไม่เพียงพอ Chat Center จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่เชื่อมต่อกับ Chat Center เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่เปิดขึ้นมาหน้าต่างเดียว ก็จะสามารถตอบแชททั้งหมดของลูกค้าจากหลากหลายช่องทางได้ อีกทั้งระบบแสดงสัญลักษณ์ LINE และ Facebook กำกับห้องแชท ผู้ดูแลจะสามารถพูดคุย บันทึกผู้ติดต่อ ติดป้ายกำกับเพื่อจำแนกห้องแชทต่าง ๆ ได้ รวมถึงติดตามสถิติข้อมูลต่าง ๆ ผ่านทาง R-CRM ได้อีกด้วย

 

คุณต้องการเครื่องมือ Lead Management

 

สำหรับธุรกิจที่มีทีมขายหรือทีมเซลส์และต้องการให้ทีมเซลส์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะเล็งเห็นว่าสำหรับธุรกิจของคุณที่มีสินค้าที่ต้องการขายหรือให้บริการ ทีมขายนี่แหละสำคัญที่สุด เพื่อช่วยให้สามารถจัดการ Sales Pipeline ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนยุ่งยาก รวมถึงต้องการข้อมูลที่แม่นยำเพื่อนำไปใช้วิเคราะห์วางแผนต่อไปในอนาคต


R-CRM เล่าทั้งในเชิงจัดการ leads ที่มาจากโฆษณา และ การติดตามการขายของทีมเซลส์

 

 

คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าชื่นใจนัก ถ้าพนักงานขายหมดเวลาไปกับการการจัดเก็บข้อมูล และจดจำข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าในแต่ละวันกับระบบแบบเดิม ๆ ต้องนั่งเติมอัพเดทข้อมูลผ่านไฟล์ Excel และมักพลาดหรือหลงลืมว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง สำหรับ R-CRM จาก Readyplanet มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า LEAD INBOX ช่วยในการบริหารจัดการ และติดตามการขายของลูกค้าในแต่ละขั้นตอน ช่วยลดเวลาในการตามอัพเดทลูกค้าเป็นรายบุคคล ง่ายต่อการติดตามข้อมูลและทำให้ทีมขายเริ่มทำงานในแต่ละวันได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

 

 

อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ TEAMS สำหรับหัวหน้าทีมเซลส์ ช่วยให้หัวหน้าทีมเข้ามาดูแล ติดตาม บริหารทีมขาย และจัดการ Sales Pipeline ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดตามการทำงานโดยภาพรวมของทีม และรายบุคคลได้ 

 

คุณต้องการวิเคราะห์ข้อมูล

 

เรียกกันว่าในวงการธุรกิจ Data เป็นสิ่งที่สำคัญและถือเป็นหนึ่งในอาวุธลับเลยก็ว่าได้ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและคาดหวังที่จะประสบความสำเร็จ รวมถึงต้องการเข้าไปนั่งในใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย รู้ลึกและรู้จริงว่าแท้จริงแล้วลูกค้าต้องการอะไรกันแน่ ยิ่งคุณรู้ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจของคุณกลายเป็น Top of Mind ได้ไม่ยาก ทว่าเครื่องมือ MarTech Stack ที่คุณเลือกมาใช้ผสมผสานกันก็จำเป็นต้องได้ประสิทธิภาพ และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนด้วย


Google Analytics

 

อีกหนึ่งบริการจาก Google ที่จะเข้ามาช่วยให้คุณทราบข้อมูลทางสถิติของเว็บไซต์ธุรกิจคุณเอง แบบ Real-Time เป็นข้อมูลเชิงลึกที่จะทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ทำได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถผูกบัญชีกับ Google Ads ได้อีกด้วยทำให้เข้าถึงข้อมูลการทำโฆษณาเพิ่มเติม หลัก ๆ แล้วจะสามารถบอกและวิเคราะห์ข้อมูลด้าน Audience (ข้อมูลพื้นฐาน พวกเพศ อายุ ที่อยู่อาศัย ลักษณะความสนใจต่าง ๆ) , Acquisition (แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ) , Behavior (พฤติกรรมของผู้เข้าถึงเว็บไซต์ ว่าทำอะไรบ้าง โหลดหน้าเว็บไซต์ใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ หรือกดดูหน้าใดบ้าง) และ Conversion Report (แสดงผลลัพธ์ของวัตถุประสงค์ที่คุณตั้งไว้ เช่น ต้องการให้กดสั่งซื้อสินค้า หรือเข้ามาลงทะเบียนล่วงหน้า เป็นต้น)

 

R-Insights ดูรายงานสถิติ ทำ Data-Driven

 

 

สำหรับธุรกิจแล้ว Data หรือข้อมูลสำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งในทุกวันนี้ที่คู่แข่งทั้งหน้าเก่าที่ปรับแผนกลยุทธ์และหน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นวันต่อวัน หากต้องการขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินหน้า จำเป็นต้องใช้เครื่องมือและข้อมูลเข้ามาช่วยเพื่อทำ Data-Driven Strategy ว่าธุรกิจจะเดินไปในทิศทางใดจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด

 

สำหรับ Readyplanet เองมีฟีเจอร์ R-Insight ที่แสดงสถิติข้อมูลชัดเจน ในรูปแบบรายงานและสถิติ ช่วยในการติดตาม Pipeline ของ Lead ที่เข้ามาในแต่ละวัน สามารถดูข้อมูลการใช้งานและการปิดการขายของแคมเปญต่าง ๆ โดยจำแนกออกมาอย่างละเอียดตามหมวดหมู่ เรียกดูได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจมีข้อมูลเกี่ยวกับการทำแคมเปญโฆษณาตามที่ต่าง ๆ แบ่งตามคีย์เวิร์ด ก็สามารถเรียกดูได้ว่าคีย์เวิร์ดใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด และนำคีย์เวิร์ดกลุ่มนั้น ๆ มาใช้กับแคมเปญในอนาคตต่อไป รวมถึงนำมาวิเคราะห์ต่อยอดว่าสาเหตุอะไรที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเข้ามาหาคุณโดยคลิกเข้ามาทางคีย์เวิร์ดเหล่านี้

 

ยิ่งในภาวะของโรคระบาดและสภาพเศรษฐกิจ การนำข้อมูลว่าธุรกิจจะตัดสินใจไปทางทิศทางใดจากการใช้ Data- Driven ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก Readyplanet เล็งเห็นถึงความต้องการของธุรกิจ ด้วยการส่งแพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย อย่าง R-CRM เครื่องมือสำหรับบริหารจัดการลูกค้า งานขาย และการตลาด ที่ตอบโจทย์สำหรับองค์กรที่มีทีมขาย และ/หรือ กำลังทำโฆษณาออนไลน์ มีสินค้าหรือบริการ ที่ต้องนำเสนอขาย และลูกค้าต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจ R-CRM ช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามงานขายในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ วัดผลได้ มีสถิติสำคัญสำหรับหัวหน้าทีมขาย และผู้บริหาร ในการทำ Data-Driven เพื่อบรรลุเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น

 

สำหรับธุรกิจแล้ว Marketing Tech จะช่วยให้การทำงานต่าง ๆ รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงประหยัดเวลา อีกทั้งยังช่วยในการบริหารค่าใช้จ่ายงบทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อเราวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ตรงจุด สามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริงแล้ว ย่อมทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพและก้าวกระโดดอย่างแน่นอน


สมัครใช้งาน Readyplanet Marketing Platform ฟรี

Readyplanet Marketing Platform คือแพลตฟอร์มการขายและการตลาดแบบ All-in-One ที่ครอบคลุมทั้งการโฆษณา เว็บไซต์ และระบบลูกค้าสัมพันธ์ ให้ธุรกิจของคุณ Go Online และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยเครื่องมือ Marketing Tech ที่มีคุณภาพและทรงพลัง บริหารจัดการง่าย ไร้กังวล ในที่เดียว

 

 

Updated: 05 May 2021 | Produced by: Ploynaphat Wattanachodjirachai