6 ฟีเจอร์ของ Readyplanet R-CRM ที่ช่วยให้เซลส์ยุคใหม่ปิดการขายได้ง่ายขึ้น

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• 6 ฟีเจอร์ของ Readyplanet R-CRM ที่ช่วยให้เซลส์ยุคใหม่ปิดการขายได้ง่ายขึ้น
  
  • 1. Sales Pipeline ติดตามการขายได้ง่าย ช่วยปิดการขายได้มากขึ้น 
  • 2. Potential Value บันทึกมูลค่าการขายได้ง่าย คาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำ
  • 3. Reminder แจ้งเตือนทุกดีลการทำงาน
  • 4. Calendar วางแผนการทำงานล่วงหน้า มองภาพรวมง่ายขึ้น
  • 5. Chat Center จัดการแชททุกช่องทางพร้อมปิดการขายได้ง่ายในที่เดียว
  • 6. Quotation สร้างใบเสนอราคาได้รวดเร็ว เสนอขายได้ทันใจ
• สรุป

ในยุคก่อน เซลส์มักจะเป็นคนที่ดำเนินการทุกอย่างเกี่ยวกับการขายเอง ตั้งแต่เริ่มต้นในการติดต่อ นัดหมายเพื่อนำเสนอการขาย ติดต่อพูดคุย โน้มน้าวใจลูกค้าจนมาถึงขั้นตอนปิดการขายให้ได้ เซลส์ก็ต้องมีการจัดการข้อมูลและเอกสารในการขายทุกอย่างแบบ Manual เช่น ทำใบเสนอราคาเอง ด้วยการกรอกรายละเอียดลงใน Excel รวมถึงการจดบันทึกรายละเอียดลูกค้า บันทึกยอดขาย ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งเหล่านี้กลับทำให้เสียเวลาในการทำงานของเซลส์อย่างมาก เพราะแทนที่เซลส์จะเอาเวลาไปโฟกัสการขาย หรือติดตามลูกค้าได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องมาคอยจัดการทุกอย่างเหล่านี้ด้วยตนเอง

แต่ในปัจจุบันนี้ มีการใช้เทคโนโลยี โปรแกรม CRM เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการงานขาย ทำให้การทำงานของเซลส์เป็นระบบ จัดการง่าย และยังช่วยในการปิดการขายได้เร็วขึ้นด้วย จากที่ต้องลงมือทำเองทุกขั้นตอน ก็จะมีเครื่องมือมาช่วยทำงาน ช่วยให้ประหยัดเวลา อีกทั้งยังเป็นระบบที่ช่วยจัดเก็บข้อมูลการขายทั้งหมด และพร้อมค้นหาได้ง่ายขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งในมุมของผู้บริหาร ผู้จัดการฝ่ายขายและเซลส์ด้วย

6 ฟีเจอร์ของ Readyplanet R-CRM ที่ช่วยให้เซลส์ยุคใหม่ปิดการขายได้ง่ายขึ้น

การปิดการขาย เป็นหน้าที่สำคัญของทีมขายทุกคน ถ้าทีมขายสามารถทำงานส่วนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยสร้างยอดขายและทำกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ในวันนี้เราเลยขอนำเสนอฟีเจอร์ของ Readyplanet R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่จะช่วยให้การบริหารทีมขายเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่าย เซลส์ปิดการขายอย่างได้ผล ซึ่งจะมีฟีเจอร์อะไรบ้าง และช่วยให้ปิดการขายได้อย่างไร ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

1. Sales Pipeline ติดตามการขายได้ง่าย ช่วยปิดการขายได้มากขึ้น 

ฟีเจอร์ Sales Pipeline คือขั้นตอนหรือกระบวนการขายที่ธุรกิจที่ใช้ R-CRM สามารถสร้างได้เองในระบบ เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจ และสอดคล้องกับการทำงานจริงของทีมขาย สำหรับเซลส์ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ในการวางแผนและติดตามการขายกับลูกค้าในแต่ละวัน เซลส์แต่ละคนก็จะใช้วิธีการขายและเทคนิคที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละขั้นตอน Sales Pipeline จะช่วยทำให้เซลส์รู้ว่าลูกค้าที่กำลังติดตาม อยู่ในขั้นตอนไหนของการขาย และควรดำเนินการอย่างไรกับลูกค้าเพื่อจะปิดการขายได้สำเร็จ

ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าใหม่ ที่มีเข้ามาหลายรายต่อวัน เซลส์ก็สามารถใช้ Sales Pipeline ช่วยในการวางแผนการติดตามการขายลูกค้าแต่ละรายได้อย่างไม่ตกหล่น ส่วนลูกค้าที่อยู่ในสถานะเสนอการขายแล้ว มีแนวโน้มน่าจะซื้อสินค้าในอนาคต เราก็สามารถหาแนวทางเพื่อปิดการขายได้ตรงจังหวะและสำเร็จได้ 

Sales Pipeline จะช่วยเซลส์จัดการงานขายและติดตามลูกค้าได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนผู้บริหารและผู้จัดการฝ่ายขายก็เห็นภาพรวมขั้นตอนการขายได้อย่างรวดเร็ว และสามารถนำไปสู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมแต่ละสถานการณ์เพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อ และเพิ่มอัตราการปิดการขายได้มากขึ้น 

หรืออีกกรณีหนึ่ง หากเราปิดการขายกับลูกค้าคนนี้ได้แล้ว และเรามองว่าเขาคือลูกค้าที่สามารถเข้ากับ Sales Pipeline อื่น ๆ ในธุรกิจเราได้อีก ก็สามารถย้ายข้อมูลลูกค้าไปอีก Sales Pipeline ได้ โดยไปที่รายชื่อลูกค้า กด drop down มุมซ้ายบน แล้วคลิก “ย้าย Pipeline” หลังจากนั้นให้เลือก Sales Pipeline ที่อยากจะย้าย แล้วเลือก Stage ของลูกค้าคนดังกล่าวว่าอยากให้เขาอยู่ในขั้นตอนไหน เพียงเท่านี้ก็ย้ายลูกค้าไปยัง Sales Pipeline อื่นได้แล้วค่ะ

2. Potential Value บันทึกมูลค่าการขายได้ง่าย คาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำ

เคยไหมคะ เวลาคุยกับลูกค้าอยู่ แล้วลูกค้าก็ตัดสินใจซื้อสินค้าทันที และเราต้องการจะบันทึกยอดขายแบบคร่าว ๆ แต่ติดตรงที่ว่าต้องสร้างใบเสนอราคาก่อน ถึงจะนำยอดขายเข้าระบบได้ แต่ตอนนี้เราสามารถบันทึกยอดขายได้ทันที ผ่านฟีเจอร์ Potential Value โดยไม่จำเป็นต้องสร้างใบเสนอราคา ข้อมูลก็จะถูกบันทึกลงในระบบ R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย และแสดงข้อมูลนี้ไปยังรายงาน R-Insights ทันที และเราสามารถดูข้อมูลตรงนี้ไปสร้างใบเสนอราคาในภายหลังได้

และในอีกกรณีหนึ่ง ในบางธุรกิจก็ไม่จำเป็นต้องใช้ใบเสนอราคา แต่เมื่อมาใช้ R-CRM ก็จะพบว่า ยอดขายจะถูกบันทึกลงในรายงาน R-Insights ได้ก็ต่อเมื่อมีการสร้างใบเสนอราคาก่อน แต่ฟีเจอร์ Potential Value จะสามารถบันทึกยอดขายได้ทันที ช่วยให้ธุรกิจคาดการณ์ยอดขายได้แม่นยำขึ้นอีกด้วย

3. Reminder แจ้งเตือนทุกดีลการทำงาน

ในบางกรณีลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อสินค้าแล้ว อาจจะยังไม่ชำระสินค้าในทันที หรือต้องการฟังข้อมูลการขายอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนตัดสินใจ ทำให้เซลส์ต้องกลับไปหาลูกค้าอีกครั้ง เพื่อปิดการขายให้ได้ ถ้าเป็นสมัยก่อน วิธีที่ใช้กัน จะเป็นการจดบันทึกไว้ แต่มักจะเกิดปัญหาหลงลืม และพลาดโอกาสการปิดการขายที่สำคัญไป แต่ปัญหานี้จะหมดไป และปิดได้ทุกการขาย แบบไม่ตกหล่น เพียงแค่ใช้ฟีเจอร์ Reminder ใน R-CRM เพื่อตั้งแจ้งเตือนนัดหมายการติดตามลูกค้า หรือนัดหมายสำคัญอื่น ๆ  กับลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ

แค่คลิกเข้าไปยังรายชื่อของลูกค้า แล้วเลือกหัวข้อ “ตั้งเวลาแจ้งเตือน หลังจากนั้นจะมีหน้าต่างป็อปอัพขึ้นมาเป็นหน้าปฎิทินแสดงวันและเวลา ให้เรากำหนดวันและเวลาแจ้งเตือนไว้ได้เลยค่ะ ในกรณีลูกค้าที่ยังไม่ปิดการขายเสร็จสมบูรณ์ เราก็สามารถตั้งเวลาในฟีเจอร์นี้ได้ว่า เราจะกลับไปติดต่อลูกค้าอีกครั้งเมื่อไหร่ พอถึงวันที่กำหนด เราก็จะได้รับการแจ้งเตือน ทำให้ไม่พลาดการปิดการขายครั้งสำคัญไป

4. Calendar วางแผนการทำงานล่วงหน้า มองภาพรวมง่ายขึ้น

ในแต่ละเดือน เซลส์ต้องติดต่อพูดคุยกับลูกค้าหลายราย ลูกค้าบางคนไม่ได้คุยจบแค่ครั้งเดียว แต่มีหลายขั้นตอน เช่น หลังจากนำเสนอการขาย ต้องไปนำเสนอเครื่องการใช้งาน หรือต้องเข้าไปคุยกับคนที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ ดังนั้น เซลส์เลยมีความจำเป็นที่จะต้อง Manage งานต่าง ๆ ให้ลงตัวและทันเวลา การจัดการงานขาย ให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่เซลส์ไม่ควรมองข้าม ซึ่งสิ่งที่จะมาช่วยได้คือ ตารางการทำงานนั่นเองค่ะ ซึ่งการใช้โปรแกรม CRM อย่างแพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ก็มีฟีเจอร์ Calendar ที่เป็นการดูภาพรวมในการวางแผนการทำงานหรือการติดตามลูกค้าได้

ส่วนการใช้งาน เพียงคลิกไปที่ไอคอนรูปปฏิทิน เราก็จะเห็นลิสต์ลูกค้าที่เรานัดหมายเอาไว้ปรากฏขึ้นมา ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของงานขายได้ง่ายขึ้น ว่าวันไหนที่เรามีนัดคุยกับลูกค้าบ้าง ช่วยให้เราสามารถวางแผนงานล่วงหน้า และไม่พลาดทุกการปิดการขาย

5. Chat Center จัดการแชททุกช่องทางพร้อมปิดการขายได้ง่ายในที่เดียว

การที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรสักอย่าง เขาจำเป็นต้องได้รับข้อมูลที่ละเอียด เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าซื้อมาแล้วมีความคุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหรือไม่ ซึ่งบางครั้งการอ่านข้อมูลในเว็บไซต์ หรือคอนเทนต์โฆษณาอาจยังไม่เพียงพอ ดังนั้น เราควรมีช่องทางสำหรับการพูดคุยกับลูกค้าเพิ่มเติมอย่างเช่น “แชท” ที่ลูกค้าสามารถเข้ามาสอบถาม และเราเองก็สามารถตอบกลับได้อย่างรวดเร็ว และเป็นการนำเสนอการขาย โน้มน้าว และปิดการขายได้ไปในตัวด้วย

จากที่อ่านข้อมูลลูกค้าอาจจะยังลังเล แต่เมื่อเราเข้าไปคุยด้วย อาจช่วยกระตุ้นให้เขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้มี Social Media Platforms หลายทางมาก ปัญหาที่นักขายมักเจอคือ ลูกค้าทักเข้ามาคุยแทบจะทุกช่องทาง ทำให้การบริหารทีมขาย จัดการได้ค่อนข้างยาก แต่ยุคนี้เราสามารถจัดการแชทลูกค้าได้ง่ายด้วย R-Chat แพลตฟอร์บริหารแชททุกช่องทางในที่เดียว โดยหลังจากมีลูกค้าติดต่อเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์, Facebook Messenger หรือ LINE R-CRM ระบบจะปรากฏรายชื่อของลูกค้าอยู่ในกล่องแชท เราสามารถคลิกไปที่ชื่อลูกค้า และพูดคุยกับลูกค้าและปิดการขายได้ทันทีในแพลตฟอร์มเดียวข้อมูล ลูกค้าจะส่งต่อเข้า R-CRM ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย 

6. Quotation สร้างใบเสนอราคาได้รวดเร็ว เสนอขายได้ทันใจ

อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญของ R-CRM ที่ช่วยทำให้เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้ไวขึ้น คือ ฟีเจอร์ Quotation หรือการสร้างใบเสนอราคานั่นเอง บางธุรกิจที่จำเป็ฯต้องใช้ใบเสนอราคา ก็ต้องการเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้าและบริการของเราก่อน เพื่อประกอบการพิจารณา ลูกค้าบางคนก็อาจจะยังไม่มีอำนาจตัดสินใจ ณ ขณะนั้น ก็ต้องนำใบเสนอราคาที่ได้ไปเสนอให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจเลือกอีกที

ดังนั้น หากธุรกิจไม่มีใบเสนอราคาให้ลูกค้าได้เห็นรายละเอียดหรือราคาก่อน หรือส่งใบเสนอราคาช้า ก็อาจทำให้พลาดโอกาสปิดการขายไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน แต่สิ่งนี้จะจัดการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นเพียงพริบตา ด้วยฟีเจอร์สร้างใบเสนอราคาใน R-CRM ที่มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้ใช้ได้ง่าย เลือกรายการสินค้าได้รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ส่งต่อให้ผู้จัดการฝ่ายขายอนุมัติใบเสนอราคาผ่านระบบได้เลย จากนั้นก็ยังสามารถส่งใบเสนอราคาผ่านอีเมลในระบบได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ครบ จบ กระบวนการอย่างมาก

โดยการสร้างใบเสนอราคา ก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกที่รายชื่อลูกค้า แล้วเลือกไอคอนรูปกระดาษ ถัดจากนั้นคลิก “สร้างใบเสนอราคา” ระบบก็จะขึ้นหน้าต่างใหม่ที่เป็นฟอร์มของใบเสนอราคา เราเพียงแค่กรอกรายละเอียดต่าง ๆ เพียงเท่านี้ก็ทำใบเสนอราคาได้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ

และถ้าหากเราต้องให้หัวหน้าหรือผู้จัดการฝ่ายขายเป็นผู้อนุมัติก็สามารถส่งต่อผ่านระบบได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือก Flow การอนุมัติ แล้วคลิก “บันทึก” เพียงเท่านี้ใบเสนอราคาก็จะถูกส่งต่อไปยังผู้เกี่ยวข้อง เมื่อเอกสารได้รับการเซ็นอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถส่งต่อให้ลูกค้าได้เลย

สรุป

ฟีเจอร์ทั้ง 6 ใน Readyplanet R-CRM จะช่วยให้การทำงานขายเป็นระบบ จัดการง่ายแถมยังช่วยปิดการขายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นประโยชน์แค่ฝ่ายขายเท่านั้น แต่สำหรับหัวหน้าฝ่ายขายก็ได้ประโยชน์เช่นกัน R-CRM ช่วยให้เซลล์ปิดการขายได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Sale Pipeline ให้เราไปสู่การปิดการขายได้ง่ายและมากขึ้น สร้างใบเสนอราคาได้อน่างรวดเร็วผ่านฟีเจอร์ Quotation ส่วนธุรกิจไหนไม่ต้องใช้ใบเสนอราคา ก็กรอกยอดขายอย่างรวดเร็วได้ผ่านฟีเจอร์ Potential Value รวมถึงยังสร้างการแจ้งเตือนไม่ให้พลาดการปิดการขายครั้งสำคัญผ่านฟีเจอร์ Reminder แลพ Calendar อีกทั้งยังปิดการขายได้แม่นยำและมากขึ้นด้วยการพูดคุยกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดผ่าน Chant Center เรียกได้ว่าฟีเจอร์ของ R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ช่วยให้ชีวิตเซลล์ง่ายขึ้น เรื่องการปิดการขายไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป

หากคุณกำลังเจอปัญหาการปิดการขายที่ยุ่งยาก อยากบริหารจัดการให้ดีขึ้น และเพิ่มอัตราการปิดการขายให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม ลองให้เครื่อง R-CRM ของ Ready Planet แพลตฟอร์มช่วยบริหารทีมขายให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยธุรกิจคุณให้ปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยฟีเจอร์มากมายที่ตอบโจทย์การปิดการขายของธุรกิจไทยโดยเฉพาะ

สมัครใช้งาน Readyplanet R-CRM 

R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement

ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี