5 ข้อดีของการใช้ข้อมูล Data Driven เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจที่มีทีมขาย
“Data is the new oil” เราคงได้ยินคำนี้กันมาอย่างหนาหูแล้วสำหรับคนทำธุรกิจที่ต้องอาศัยข้อมูลในการทำงาน แต่เคยสงสัยไหมว่า Data หรือข้อมูลเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างคาดไม่ถึงจริงหรือเปล่า เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงโรคระบาดในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบกับหลาย ๆ ธุรกิจ ทำให้กลยุทธ์การขายและการตลาดแบบเดิม ๆ อาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ธุรกิจควรต้องมองหาเทคโนโลยีหรือกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่มีข้อมูลมาสนับสนุนอย่างชัดเจน เพื่อที่จะได้เดินธุรกิจได้ถูกทิศทางที่สุด ซึ่งสิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ สิงที่เรียกว่า Data Driven หรือการเอาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาช่วยในการตัดสินใจ วางแผนในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจ ลองไปดูในบทความนี้กันค่ะ ว่าเราจะใช้ข้อมูลขับเคลื่อนธุรกิจในยุคนี้อย่างไรได้บ้าง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ความสำคัญของข้อมูล สำหรับธุรกิจ
- ถ้าธุรกิจต้องการประสบความสำเร็จด้วยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
- 5 ข้อดีของการใช้ข้อมูล Data Driven เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจที่มีทีมขาย
- สรุป
ความสำคัญของข้อมูล สำหรับธุรกิจ
ในยุคนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็คงได้ยินคำว่า “Data” หรือ “ข้อมูล” ไปเสียหมด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องไปหาข้อมูล รวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล จนกลายเป็นว่า ไม่ว่าคุณจะทำงานตำแหน่งอะไร หรือแม้แต่นักขายก็ต้องดูข้อมูลเป็น
ข้อมูลทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการขายต่าง ๆ ถ้าเรานำมาวิเคราะห์ หาข้อมูลเชิงลึก จะช่วยให้เรารู้ได้ว่า เราควรทำธุรกิจอย่างไรต่อไป และช่วยแก้ปัญหาของธุรกิจได้ด้วย อย่างเช่น Amazon บริษัท E-Commerce เจ้าใหญ่ของโลก จุดเด่นของเขาคือ มีสินค้าขายในแพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นปัญหาเช่นกันว่า ลูกค้าหาสินค้าที่ต้องการได้ยาก หาไม่เจอ เพราะมีสินค้ามากเกินไป
Amazon เลยแก้ปัญหา และยกระดับธุรกิจให้ตรงใจลูกค้า สร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้น ด้วยการใช้ Recommendation Engine ที่เป็นระบบแนะนำสินค้าให้กับผู้ใช้งานตามความสนใจของพวกเขา ที่ยึดจากประวัติการซื้อและการแวะชมสินค้าในแพลตฟอร์ม นอกจากจะทำให้ลูกค้าหาสินค้าได้ง่ายขึ้นแล้ว บริษัทเองก็เพิ่มโอกาสทางการขายได้มากขึ้นด้วย ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การใช้ข้อมูลจะช่วย ทำให้ทั้งแก้ปัญหา เห็นหนทาง และทิศทางของการทำธุรกิจเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ถ้าธุรกิจต้องการประสบความสำเร็จด้วยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
ตอนนี้ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่า Data ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจหรือองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้ แล้วถ้าอยากให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งเบื้องต้นแล้วสิ่งที่ธุรกิจควรมี หากต้องการสำเร็จได้ด้วยข้อมูล มีดังนี้
1. การเห็นความสำคัญของข้อมูล
แม้ว่าข้อมูลจะมีความสำคัญมากแค่ไหน ถ้าคนในองค์กรยังไม่เห็นถึงความสำคัญอย่างแท้จริงของข้อมูลก็ไม่สามารถทำให้เกิดการใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจได้ เริ่มแรกองค์กรหรือพนักงานเองควรนำเสนอเรื่องราวความสำคัญของข้อมูลให้ทุกคนเข้าใจก่อน
2. บุคลากรที่มีความรู้ด้านข้อมูล
มีข้อมูลแต่ไม่รู้จะนำไปใช้ต่ออย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีคนที่มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญด้านข้อมูล เพื่อนำข้อมูลอันล้ำค่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น Data Science หรือ Data Analytics นอกจากนี้ ทีมขาย เซลส์ นักการตลาด ก็ควรมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Data เช่นกัน เพื่อที่จะได้ทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลได้ง่ายขึ้น และนำมาใช้กับการทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. เครื่องมือที่ช่วยเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล
ทุกวันนี้มีข้อมูลมากมายมหาศาล แค่ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการขายในแต่ละเดือนก็มีมากมายนับไม่ถ้วน หากไม่มีระบบในการเก็บข้อมูล หรือประมวลผล จะทำให้เรานำข้อมูลออกมาใช้งานได้ช้า ไม่ทันตลาด วิธีการที่เร็วที่สุดคือ การใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีมาช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น เช่น ระบบ CRM
5 ข้อดีของการใช้ข้อมูล Data Driven เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจที่มีทีมขาย
Data หรือ ข้อมูล ถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้ และแม้แต่การขายเอง ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน หากเรานำข้อมูลมาใช้อย่างเหมาะสม ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายมากขึ้น ในแบบที่ไม่ต้องคาดเดา ซึ่งนี่คือข้อดีของการใช้ Data Driven มาขับเคลื่อนธุรกิจฝั่งทีมขาย
1. ลดแรงการทำงานที่ไม่จำเป็นออกไปได้ ขายได้ตรงกลุ่มมากขึ้น
ปัญหาหนึ่งที่ทีมขายมักจะเจอคือ เรามักไม่รู้ว่า ใครกันแน่คือลูกค้าที่ซื้อสินค้าเราจริงๆ วิธีการที่มักใช้แก้ปัญหาก็คือ การทำกลยุทธ์กับทุก ๆ กลุ่มเป้าหมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่า เราเสียเวลากับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่ ทำให้สูญเสียเวลาและต้นทุนเป็นจำนวนมาก
แต่ถ้าเราใช้ข้อมูลการขายมาศึกษาพฤติกรรมลูกค้า เราจะรู้ได้ทันทีว่า สินค้าประเภทไหนที่ขายดี ลูกค้ากลุ่มไหนที่มักซื้อสินค้าของเรามากที่สุด โฆษณาออนไลน์แบบไหนที่คนสนใจมากที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนได้แม่นยำขึ้น ขายของได้ตรงกลุ่มขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาไปคาดเดา หรือโยนหินถามทาง
2. เปลี่ยนจุดอ่อน ให้เป็นจุดแข็งได้มากขึ้น
ข้อมูลนั้นมีหลายแบบ ทั้งข้อมูลที่สวยงาม และข้อมูลที่ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลแบบไหนก็ล้วนมีประโยชน์กับเราทั้งนั้น เช่น ข้อมูลสินค้าที่ขายดี ก็จะช่วยให้เรารู้ว่า Hero Product ของธุรกิจเราคือตัวไหน ควรลงงบการตลาดมาที่สินค้าตัวไหนถึงจะดี และเปลี่ยนเป็นยอดขายในมากที่สุด
ส่วนข้อมูล Feedback ลูกค้า ก็เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้เราพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นไปอีกได้ จะเห็นได้ว่า ข้อมูลจะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าอะไรคือจุดเด่น และจุดอ่อนในธุรกิจเรา เราก็แค่เปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขาย และขับเคลื่อนธุรกิจให้ไปไกลกว่าเดิม
3. ทำการตลาดได้ตรงจุด ใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่า
การทำตลาดในแต่ละครั้ง ใช้ต้นทุนจำนวนไม่น้อย และในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ หลาย ๆ ธุรกิจก็จำเป็นต้องควบคุมงบประมาณทางการตลาด ดังนั้น เราจะทุ่มงบไปกับสิ่งที่มีประสิทธิภาพ และส่งผลที่ดีต่อธุรกิจจริงๆ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ควรทำการตลาดกับอะไร วิธีการก็คือการใช้ข้อมูลนั่นเอง
อย่างเช่น การทำโฆษณาออนไลน์ จุดประสงค์ของการทำโฆษณาไม่ใช่แค่ให้คนเห็นเฉย ๆ ถ้าให้ดีต้องเปลี่ยนเป็นยอดขายด้วย การหว่านโฆษณาไป เรื่อย ๆ อาจทำให้เราเสียงบมากกว่าที่คิด ดังนั้น เราควรหาโฆษณาที่ perform ดีที่สุด ด้วยการทำ Test กลุ่มโฆษณา โดยมีตัวแปรเรื่องคอนเทนต์และภาพที่ใช้แตกต่างกัน แล้วมาวัดผลจากตัวเลขหลังบ้านว่า ตัวไหนได้ Engagement ที่ดี และมากกว่านั้นคือ ตัวไหนที่สามารถสร้างยอดขายได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะรู้ได้ผ่านเครื่องมือทำโฆษณา อย่างเช่น Facebook Ads Manager , Google Ads หรือระบบ CRM ที่สามารถผูก API กับโฆษณาออนไลน์ได้
ทีนี้เราก็จะรู้แล้วว่าครั้งต่อไปควรใช้คอนเทนต์ลักษณะแบบไหนในการทำโฆษณา จากที่เราใช้เงินกับโฆษณา 10 ตัว ก็อาจใช้กับโฆษณา 2 ตัวที่สร้างยอดขายได้
4. การวางกลยุทธ์ที่แม่นยำ จากข้อมูลการขายที่มี
ข้อมูลจะช่วยให้เราไม่ต้องวางกลยุทธ์แบบคาดเดาอีกต่อไป ซึ่งข้อมูลที่ต้องใช้นั้นต้องขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางธุรกิจของเรา แต่ข้อมูลที่เราเก็บเอง มักจะค่อนข้างกระจัดกระจาย จำเป็นต้องนำมาเรียบเรียง ซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการทำข้อมูลมาก วิธีที่เราอยากแนะนำคือ ให้ใช้ระบบ CRM ที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการขาย ที่จะช่วยจัดเก็บ เรียบเรียง พร้อมวิเคราะห์ให้เรา โดยที่เราสามารถมองข้อมูลภาพรวมผ่านเครื่องมือ และนำมาวางกลยุทธ์ต่อไปได้เลย อย่างเช่น หากเราเจอปัญหาปิดการขายได้น้อย เราก็จะนำมาวางกลยุทธ์ต่อไปได้ว่า จะทำอย่างไรให้ปิดการขายได้เพิ่มมากขึ้น และควรใช้เกณฑ์อะไรในการวัดผล ซึ่งเกณฑ์อาจจะยึดจาก performance เดิมที่ทำได้ และตั้งเป็น KPI ที่สูงกว่าเดิม เพื่อให้เกิดความท้าทาย และเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
5. การบริหารทีมขาย องค์กร
การบริหารจัดการงานขาย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลต่อการขายและ performance ของทีมขายและเซลส์ รวมถึงต้องทำการประเมินผลการทำงานของสมาชิกทีมแต่ละคน เพื่อให้การทำงานโดยภาพรวมของทีมออกมาได้อย่างดีที่สุด แต่ปัญหาคือ เราจะใช้ข้อมูลอย่างไรในการประเมินทีม หรือดูว่า ควรปรับปรุงการทำงานของทีมอย่างไรให้ดีขึ้น ซึ่งแพลตฟอร์มที่ช่วยดูแลการขายอย่าง R-CRM สามารถช่วยให้ผู้บริหารและผู้จัดการฝ่ายขายสามารถบริหารทีมขาย และประเมินผลงานได้อย่างแม่นยำ สะดวก และรวดเร็ว อีกทั้งเซลส์เองก็ทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยเราจะรู้ว่า ลูกค้าคนนี้ ใครเป็นผู้ที่กำลังดูแลอยู่ และขั้นตอนในการขายได้ดำเนินการไปถึงไหน รวมถึงยังเห็น performance ของสมาชิกทีมแต่ละคนด้วยว่า สามารถปิดยอดขายได้กี่คน สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้เท่าไหร่ จะเห็นได้ว่า Manager อาจไม่ต้องลงมาสอดส่องอย่างละเอียด หรือไม่ต้องถึงกับมาลงในพื้นที่ แค่มองผ่าน R-CRM ก็สามารถบริหารและเห็นการทำงานของทีมได้ในหน้าจอเดียว
สรุป
ในวันนี้เราทุกคนต่างมีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว สิ่งสำคัญต่อจากนี้คือ เรามองเห็นมูลค่าของสิ่งนี้มากแค่ไหน และนำมาใช้อย่างไรถึงจะพาธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง และนี่ก็คือเรื่องราวความสำคัญ และข้อดีที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณแน่ ๆ หากนำข้อมูลมาปรับใช้ หรือเดินไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด ด้วย Data Driven ประกอบการเลือกใช้เครื่องมือในการเก็บข้อมูลอย่างเหมาะสม อย่าง R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ก็จะยิ่งส่งเสริมทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้น
สมัครใช้งาน Readyplanet R-CRM
R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement
ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี