Lead สำคัญอย่างไร? พร้อมวิธีบริหาร Lead ให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น
เชื่อว่าหลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Lead กันบ่อยมาก โดยโฉพาะคนที่ทำงานด้านการตลาดและงานขาย แล้ว Lead คืออะไรกันแน่? อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า Lead คือ “ว่าที่ลูกค้า” หรือ “คนที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า” ของธุรกิจเราในอนาคตนั่นเอง ทุกธุรกิจต่างต้องการ Lead ที่มีคุณภาพ เพื่อสามารถเปลี่ยนเป็นลูกค้าตัวจริงและสร้างยอดขายได้ ดังนั้นเมื่อธุรกิจมีการทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ Lead มา แต่ถ้าไม่มีการบริหารจัดการ หรือการเก็บ Lead ที่เป็นระบบ ก็อาจจะทำให้สิ้นเปลืองงบการตลาด Lead ตกหล่น พลาดโอกาสในการปิดการขายได้ง่ายๆ อย่างน่าเสียดายเลยทีเดียว
ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายอย่างได้ผลในระยะยาว ธุรกิจก็ควรมีแผนการบริหารจัดการ Lead ที่ชัดเจน มีแนวทางที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือต้องมีเครื่องมืออย่างระบบ CRM เข้ามาช่วยบริหารจัดการ Lead เพื่อไม่ให้ Lead ตกหล่น ทีมขายสามารถติดตาม Lead แต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปิดการขายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- Lead Management คืออะไร?
- ทำไมธุรกิจต้องมีการบริหารจัดการ Lead อย่างเป็นระบบ?
- ประโยชน์ของการบริหารจัดการ Lead อย่างเป็นระบบด้วย R-CRM
- สรุป
Lead Management คืออะไร?
Lead Management หรือ การบริหารจัดการ Lead เป็นกระบวนการจัดการ ดูแลและติดตามลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ที่มาจากช่องทางต่างๆไม่ว่าจะเป็นทั้งการหากลุ่มเป้าหมาย การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพิจารณาว่าลูกค้าจะมีโอกาสซื้อมากเพียงใด และการติดตามเพื่อเปลี่ยนสถานะ ว่าที่ลูกค้าให้เปลี่ยนเป็นลูกค้าที่แท้จริง อีกทั้งการบริหารจัดการ Lead ยังช่วยให้ทีมขายสามารถจัดการกับปริมาณการขายที่สูงขึ้น ข้อมูลที่มากขึ้น ในขณะที่ยังคงทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมเพื่อดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมธุรกิจต้องมีการบริหารจัดการ Lead อย่างเป็นระบบ?
การบริหารจัดการ Lead อย่างเป็นระบบ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ทีมขายได้ Lead ที่มีคุณภาพแล้ว ยังช่วยในเรื่องการจัดการข้อมูล Lead ที่มีรายละเอียดมากมาย ได้จัดลำดับความสำคัญของ Lead เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขายที่ดีที่สุด และยังช่วยให้ทีมขายสามาถค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลของ Lead ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งหากมีการเก็บและการบริหาร Lead อย่างเป็นระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลต่างๆ ที่คุณรวบรวมไว้เกี่ยวกับ Lead อาจมีประโยชน์ในการให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ที่อาจจะสามารถเปลี่ยนทิศทางของบริษัทให้เติบโตมากขึ้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ก็เป็นได้
การจะได้ Lead ที่มีคุณภาพต้องอาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือในการจัดการ Lead ที่ง่ายต่อการใช้และครอบคลุมช่วยให้คุณจัดการ Lead ประเภทต่างๆ ได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น วันนี้เลยอยากจะมาแนะนำ R-CRM เป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการงานขาย ที่มีฟีเจอร์สำคัญที่จะมาช่วยบริหารจัดการ Lead ให้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ
ประโยชน์ของการบริหารจัดการ Lead อย่างเป็นระบบด้วย R-CRM
R-CRM มีฟีเจอร์สำหรับใช้ในการบริหารจัดการ Lead อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้น ระหว่างการขาย ไปจนถึงขั้นตอนปิดการขาย โดยเมื่อธุรกิจได้รับ Lead มา และมีการนำเข้าสู่ระบบ CRM แล้ว จากนั้นก็เข้าสู่ ขั้นตอนของการจัดการกระบวนการขายเพื่อดูแล ติดตามลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วยฟีเจอร์ใน R-CRM ไม่ว่าจะเป็น Lead Information, เพิ่มบันทึกสำคัญต่างๆ ของ Lead แต่ละราย, การสร้างใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้, การส่งอีเมลและแนบไฟล์ ผ่านระบบ R-CRM ได้ทันที, การแจ้งเตือนเมื่อต้องมีการติดตาม Lead เพิ่มเติม และ การเช็คอินเมื่อเซลส์ต้องมีออกไปพบลูกค้านอกสถานที่ เป็นต้น ซึ่งเมื่อทีมขายได้ใช้ฟีเจอร์เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าธุรกิจจะได้รับประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดีมากมาย ดังต่อไปนี้
1. ช่วยให้ธุรกิจเจอลูกค้าที่ใช่ได้เร็วขึ้น
การที่ว่าที่ลูกค้ายอมมอบข้อมูลติดต่อให้กับเราแล้วนั้น ทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่าเราได้กลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของเราแล้ว แต่จะใช้ลูกค้าตัวจริงหรือไม่ ก็ต้องการการบริหารจัดการ Lead ผสมผสานเททคนิคการขายของเซลส์เองเพื่อโน้มน้าวให้ได้ ซึ่งระห่างทาง Lead จะยังอยู่ในช่วงของการตัดสินใจ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หน้าที่ของเซลส์คือการนำเสนอข้อมูล แนะนำประโยชน์ จริงใจ และให้ความสำคัญกับว่าที่ลูกค้ากลุ่มนี้เพื่อการตัดสินใจซื้อของ Lead รายนี้และกลายเป็นลูกค้าของธุรกิจตัวจริงได้อย่างง่ายดาย
โดยลักษณะของคนที่เป็นลูกค้าที่ใช่ของธุรกิจเรา คือ กลุ่มคนที่มีความสนใจ มีความต้องการคุณสมบัติบางสิ่งบางอย่าง เพื่อนำไปใช้พัฒนา ปรับปรุงหรือแก้ปัญหาที่ลูกค้ามีอยู่ และหากสินค้าของเรา สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ ลูกค้ามีกำลังซื้อมากพอ บวกกับได้รับการติดตามดูแลที่ดีจากทีมขาย ก็จะยิ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นความต้องการของ Lead รายนี้จนเกิดเป็นการตัดสินใจซื้อ และเปลี่ยนสถานะเป็นลูกค้าที่ใช่ของธุรกิจเรานั่นเอง โดยการจะหาลูกค้าที่ใช่สำหรับธุรกิจนั้นต้องมาพร้อมกับการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ครบถ้วน ไม่ตกหล่น ค้นหาง่าย จัดการสะดวก
2. เข้าใจ Customer Insights ได้ดี ต่อยอดได้
ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวลูกค้า หรือพฤติกรรมของลูกค้า จะทำให้เราสามารถจัดการ Lead แบ่งกลุ่มและจัดเรียงความสำคัญของลูกค้าตามพฤติกรรม หรือกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างเหมาะสมและเป็นหมวดหมู่ได้ ยิ่งธุรกิจสามารถแบ่งกลุ่มได้ชัดเจน ก็จะยิ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นและตรงความต้องการของลูกค้ามากขึ้นด้วยเช่นกัน
โดยธุรกิจที่ใช้ R-CRM ในการจัดเก็บข้อมูลเพื่อความสะดวก ซึ่ง R-CRM ก็มีฟีเจอร์ที่สามารถแยกลูกค้าโดยการติดป้ายกำกับตามแหล่งที่มาของข้อมูลได้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด และสามารถใช้เพื่อเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญของธุรกิจต่อไป
3. เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้ถูกจังหวะ
เวลาคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจจะทำให้คุณได้มาหรือเสียลูกค้าดีๆ ไปได้ ดังนั้นฟีเจอร์ Sales Pipeline จาก R-CRM จะเข้ามาช่วยในการติดตามสถานะลูกค้าลูกค้า รวมทั้งผู้บริหารหรือผู้จัดการฝ่ายขายก็สามารถติดตามความคืบหน้าในการปิดการขายของเซลส์ๆได้ด้วยการดูในระบบ R-CRM ผ่านตัว R-Insights
เมื่อมีการตเรียมข้อมูลและวางแผนการติดตามลูกค้าแล้ว อย่าลืมว่าเรื่องจังหวะก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งฟีเจอร์ Reminder ใน R-CRM ก็จะช่วยให้เซลส์ตั้งค่าเพื่อให้ไม่ลืมการติดตามลูกค้าในช่วงเวลา และจังหวะที่เหมาะสม และธุรกิจก็จะคลายความกังวลที่จะเสียโอกาสในการปิดการขายไปได้เลย
4. สร้างยอดขายของธุรกิจได้เพิ่มมากขึ้น
แน่นอนว่าถ้าธุรกิจมีข้อมูลของ “ว่าที่ลูกค้า หรือ Lead ” อยู่ในมือ พร้อมทั้งมีทีมเซลล์และระบบการบริหารจัดการ Lead ที่มีคุณภาพแล้ว สิ่งที่เซลส์ต้องให้ความสำคัญอีกอย่างก็คือ เลือกวิธีการนำเสนอสิ่งที่ตรงกับความสนใจ ความต้องการของว่าที่ลูกค้า หากเราสามารถวิเคราะห์จากข้อมูลที่เรามีได้ จะทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มว่าที่ลูกค้าได้มากกว่าเดิม มีโอกาสปิดการขายได้ และสร้างยอดขายของธุรกิจได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งง่ายกว่าการหากลุ่มลูกค้าใหม่ที่อาจจะไม่ได้มีความสนใจในธุรกิจของเรา นอกจากจะไม่ได้เพิ่มยอดขายแล้วยังเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย
5. ยกระดับความเป็นมืออาชีพของทีมขาย
ทีมขายสามารถบริหารจัดการบริหาร Lead ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เครื่องมืออย่าง R-CRM ก็จะช่วยให้ทีมขายทำงานได้สะดวกขึ้น ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ รวดเร็วขึ้น และจัดการ Lead ได้อย่างครบถ้วน ข้อมูลไม่ตกหล่น ลดความผิดพลาดที่อาจะเกิดจากการมีรายชื่อ Lead จำนวนมาก ซึ่งระบบ R-CRM จะช่วยเข้ามาอุดรอยรั่วจุดนี้ให้กลายเป็นจุดแข็งและทำให้ทีมขายสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ทำงานได้อย่างมืออาชีพ ที่สำคัญผู้บริหารก็สามารถวัดผลการทำงานของทีมขายได้ผ่าน R-CRM ทันที
6. ผู้บริหารและผู้จัดการฝ่ายขายสามารถดูข้อมูลหรือรายงานเกี่ยว Lead ได้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบได้
R-CRM ถูกออกแบบมาช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นภาพรวมข้อมูลหรือรายงานเกี่ยว Lead โดยผู้บริหารสามารถดูการทำงานของทีมขายได้อย่างละเอียดว่ามีการดูแลลูกค้า หรือติดตามลูกค้าได้ในระดับไหนแล้ว ปิดการขายได้เท่าไหร่ รวมถึงสามารถดูระยะเวลาได้อย่างละเอียด อีกทั้ง R-CRM ยังสามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญที่สามารถนำเอาข้อมูลเหล่านั้นไปวางแผนในการพัฒนาทีมขายได้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในอนาคต
สรุป
นอกจากการที่ธุรกิจได้มาซึ่งข้อมูล Lead จำนวนมาก เพื่อค้นหาลูกค้าตัวจริงนั้น ระหว่างทางของกระบวนการขาย ทีมขายจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ Lead อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งการรักษาและนำข้อมูลมาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีระบบบริหารจัดการ Lead ที่มีประสิทธิภาพ อย่าง R-CRM ที่รวมเครื่องมือที่ทีมขายจำเป็นต้องใช้ในการบริหารจัดการ Lead ไว้อย่างครบครัน จะช่วยให้ทีมขายทำงานได้อย่างเป็นระบบ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ลดความผิดพลาดที่เกิดจากบุคคล Lead ได้รับการติดตามที่ดีและสามารถเปลี่ยนสถานะกลายเป็นลูกค้าได้อย่างง่ายดายและธุรกิจคุณก็จะสามารถครองใจลูกค้าได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสในการปิดการขายอย่างได้ผล อีกทั้งผู้บริหารก็สามารถบริหารทีมขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งผลให้องค์กรมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
สมัครใช้งาน Readyplanet R-CRM
R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement
ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี