ส่อง 8 เทรนด์ธุรกิจ การตลาดและการขาย ในปี 2021

ในปี 2021 นี้มีเทรนด์ธุรกิจ การตลาดและการขายใดที่น่าสนใจบ้าง 

1. Online Store เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

แน่นอนว่าหากธุรกิจต้องการวางแผนที่จะ Go Online การหวังพึ่ง Social Media ช่องทางเดียว อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องนำมาคิดทบทวนกันใหม่ เพราะแม้ว่า Social Media จะเป็นเครื่องมือที่ดีแต่ก็มีการแข่งขันสูงเช่นกัน ทั้งยังต้องมีความเชี่ยวชาญ หรือมีความรู้เท่าทันต่อการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การใช้งานอยู่เสมอ จึงทำให้หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มหันมาสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อเพิ่มช่องทางการขายหลัก และรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่หันมาสั่งสินค้าและจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ประโยชน์ของการมีเว็บไซต์ธุรกิจ ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี และยังมีประโยชน์อีกหลายข้อ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่ มากไปกว่านั้นหากเว็บไซต์ของคุณสามารถมีระบบที่รองรับการทำ E-Commerce อย่างเต็มรูปแบบ นั่นก็คือ การทำให้เว็บไซต์ของคุณมีระบบร้านค้าที่พร้อมขายของเองได้เลย มีระบบจัดการออเดอร์สินค้า เพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการรายการสั่งซื้อ สามารถออกแบบหน้าตาของร้านค้าบนเว็บไซต์ได้และรายละเอียดสินค้าต่าง ๆ จะทำให้ช่วยลดขั้นตอนในการขายได้เป็นอย่างดี เราขอแนะนำ R-Shop แพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ ที่จะเป็นช่องทางขายใหม่ให้กับคุณได้แบบ 24 ชม. พร้อมกับเครื่องการตลาดแบบ All-in-One สามารถเชื่อมต่อทั้งบัตรสะสมแต้ม การติดต่อกับลูกค้า หรือการบริหารกับทีมเซลส์ ตอบโจทย์ทุก Consumer Journey

2. ช่องทางการขาย

หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจในการเพิ่มยอดขายและเปลี่ยนลูกค้าเป้าหมายให้เป็นลูกค้าที่แท้จริงได้ คือการใช้กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ธุรกิจของคุณมีตัวตนบนโลกออนไลน์ เป็นที่รู้จักของลูกค้าและเข้าถึงข้อมูลสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งการเพิ่มช่องทางออนไลน์ในการจำหน่ายสินค้าและบริการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่ผู้ประกอบการควรเลือกใช้แพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ร้านค้าออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของคุณ เพราะแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีอัลกอริทึมในการเข้าถึงแตกต่างกัน รวมทั้งมีข้อดี ข้อเสีย ที่ต่างกันด้วย หากคุณยังไม่มีไอเดียว่าช่องทางไหนเหมาะสำหรับธุรกิจของคุณ ลองอ่านบทความเปรียบเทียบชัด ๆ เปิดร้านค้าออนไลน์ผ่านช่องทางไหน ใช้อย่างไรให้สำเร็จ! เพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่ 

3. C-Commerce หรือ Conversational Commerce

พฤติกรรมผู้บริโภคไทยที่ผลสำรวจบอกว่า 60% ของคนไทยที่ช้อปออนไลน์ เคยแชทกับร้านค้าระหว่างการซื้อ และ 93% มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สามารถสร้างการพูดคุยกันได้มากกว่า *(ข้อมูลปี 2562 จาก Facebook ที่ได้ได้ร่วมกับบอสตัน คอนชัลคิ้ง กรุ๊ป BCG จัดทำแบบสำรวจการซื้อขายผ่านแชทออนไลน์) และจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้นที่ทำให้ผู้บริโภคต่างไม่ค่อยกล้าออกจากบ้าน จึงทำให้เอื้อต่อความต้องการซื้อสินค้าโดยมีการสัมผัสกันให้น้อยที่สุดและเพื่อเว้นระยะห่างการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางแชทเป็นหลักจึงเป็นทางเลือกที่มาแรงและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง Readyplanet จึงอยากแนะนำการสร้างเว็บไซต์เพื่อเป็นแหล่งซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่มีฟังก์ชันในเรื่องของการแชท หรือที่เรียกว่า Conversational Commerce มาช่วย Convert ให้เกิดยอดขายเพิ่มมากขึ้น เพราะลูกค้ามักจะเกิดความมั่นใจและกล้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้น ๆ หลังจากได้แชทพูดคุยกับเจ้าของสินค้าโดยตรง

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรูปแบบการซื้อขายออนไลน์แบบนี้ ลองเลือกดูว่าธุรกิจของคุณมีการสร้างเว็บไซต์พร้อมช่องทางแชทขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ใด เช่น การให้ข้อมูลของสินค้าหรือบริการ, การบริการหลังการขาย หรือรวมไปถึงการทำการตลาดในอนาคต เช่น การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย หรือสร้าง Customer Loyalty ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำในอนาคต แน่นอนว่าช่องทางแชทผ่านออนไลน์จึงเป็นช่องทางการติดต่อที่รวดเร็ว ช่วยเพิ่มโอกาสการขายและสามารถปิดการขายได้ในที่สุด ทั้งนี้ธุรกิจของคุณก็ต้องมีทีมงานที่พร้อมคอยตอบแชท เพื่อให้ข้อมูลลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว หรือหากนอกช่วงเวลาอาจมีข้อความอัตโนมัติ หรือ Auto-Reply แจ้งเตือนว่าจะรีบติดต่อภายหลัง

4. Live Commerce

การ Live เป็นเทรนด์การตลาดอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังมาแรง เพราะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ครบ ทั้งการเข้าถึง การให้ข้อมูล การมีส่วนร่วม สังเกตว่าทุกแพลตฟอร์มใช้ฟีเจอร์ Live ในการมีส่วนร่วมทั้งแพลตฟอร์ม Tiktok ที่พึ่งเพิ่มฟีเจอร์นี้มาไม่นาน, Shopee ที่สามารถกดสั่งซื้อสินค้าผ่านการ Live, Instagram ที่ใช้ Live ในการเพิ่มความน่าสนใจของเจ้าของแอคเคาท์ การ Live Commerce นี้จึงเป็นฟีเจอร์ที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยให้การตอบสนองกับลูกค้าได้ทันที สามารถปิดการขายได้มากกว่าการโปรโมตสินค้าหรือการโฆษณาแบบเดิม ยิ่งกระเเสโซเชียลตอนนี้ก็มีหลายคนที่ดังจากการทำ Live Commerce เช่น คุณพิมรี่พาย คุณบังขายอาหารตากแห้ง เเละยังผู้ประกอบการรายย่อยอีกมากที่ได้รายได้จากการ Live Commerce นอกจากนี้การ Live Commerce ยังเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ในอนาคตอีกหลายแพลตฟอร์มจะเพิ่มเข้ามาเป็นฟีเจอร์หลักอีกด้วย

5. Work Anywhere

อีกสิ่งที่ทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนพร้อมกันทันทีคือการ Work Anywhere ทำงานที่ไหนก็ได้ จะที่บ้าน คาเฟ่ ศูนย์หนังสือ ก็สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพเหมือนนั่งทำงานในออฟฟิศ ไม่ว่าจะห่างไกลเพียงใดก็สามารถติดตามความคืบหน้างานได้ทันที ซึ่งเหมาะมากสำหรับงานที่ต้องติดต่อกันหลายฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายสำคัญอย่างการตลาดและเซลส์ ที่ต้องประสานงานถึงแผนการตลาดและยอดขายว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ซึ่งในการทำงานจริงสองฝ่ายนี้แทบจะติดต่อกันตลอดเวลา แต่ถึงจะทำงานต่างที่กันก็สามารถติดตามงานกันได้ด้วย R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย แพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยเชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายนี้ทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบมาเพื่อบริหารงานขายโดยเฉพาะไม่ว่าจะมีเซลส์กี่ร้อยคนก็สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ สามารถวัดผลได้ ดูสถิติยอดขายสำคัญต่าง ๆ อย่างแม่นยำซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยพัฒนาแผนการตลาดให้ดียิ่งขึ้น

6. Video Content

ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มใด Video Content ยังเป็นเทรนด์ในการขายตลอด แต่ละช่วงจะแตกต่างกันที่คอนเทนต์ในคลิปมากกว่า ซึ่งช่วงสิ้นปีที่แล้ว ผู้บริโภคมีพฤติกรรมตอบรับกับการขายโดยตรงจากธุรกิจมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้คอนเทนต์วิดิโอจะเน้นไปที่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ทุกคนเคยเจอ หรือเรียกว่าคลิปที่เเสดงอินไซต์ออกมาจะช่วยให้คนดูรู้สึกเกี่ยวข้องประมาณ ฉันก็เป็น ฉันก็เคยเจอ ซึ่งตอนนี้ใคร ๆ ก็สามารถ Influencer ได้เองไม่จำเป็นต้องดาราหรือสวยหรูเสมอไป ทำให้วงการ Youtuber, Tiktoker, Influencer ยังได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่อง อีกประเด็นคือวีดิโอยังเป็นที่นิยมในการโปรโมท Ads อย่าง Facebook ซึ่งคุณสามารถใช้ Collection Ads โดยใช้ภาพปกเป็นวิดิโอ เพื่อเพิ่มจุดสนใจ และหลีดลูกค้าไปหาเว็บไซต์สั่งสินค้าได้ทันที สังเกตว่าทุกแพลตฟอร์มจะเชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อไปหาช่องทางที่สามารถชำระเงินได้ การมีเว็บไซต์หลักของเเบรนด์ที่สามารถจ่ายเงินได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

7. Big Data

กิจกรรมทางการตลาดและการขายของธุรกิจต่าง ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องอาศัย คือ Big Data หรือการใช้ข้อมูลที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของลูกค้า ข้อมูลยอดขายบริษัทหรือแม้กระทั่งข้อมูลของประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานขาย เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาใช้ประกอบและเป็นแนวคิดในการตัดสินใจว่าธุรกิจจะดำเนินไปในทิศทางใด สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นหรือยังไม่มีประสบการณ์ทางการขายออนไลน์มากนัก การดูข้อมูลเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ เพียงทราบว่า ลูกค้าที่ซื้อสินค้าคือใคร อายุเท่าไหร่ รู้จักสินค้าของคุณจากช่องทางไหน ซื้อสินค้าชนิดไหน กี่ชิ้น ซึ่งการจะเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์นี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนใด ๆ เพียงใช้แพลตฟอร์มที่เก็บข้อมูลลูกค้าและวิเคราะห์ให้อย่าง R-Insights หนึ่งในเครื่องมือภายใต้ R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ซึ่งเปรียบเสมือนสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูล สถิติต่าง ๆ ที่เข้ามาในแพลตฟอร์ม R-CRM ได้อย่างถูกต้อง เป็นระบบและครบถ้วน เพื่อนำ Data เหล่านั้นมาดูภาพรวมของธุรกิจ การขายที่ผ่านมาและนำไปวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้แม่นยำมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

8. Touchless Society

Touchless Society คือเทคโนโลยีไร้การสัมผัส ที่ตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุค COVID-19 มากที่สุด ทุกธุรกรรมการเงินไม่ว่าเป็น ระบบสมาชิก การเติมเงิน การสะสมคะแนน การตัดจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะจบในออนไลน์ทันที ลดการสัมผัสกับสิ่งอื่น ๆ ทำให้ลดการติดเชื้อโรคจากการสัมผัสสิ่งอื่นด้วย นอกจากนี้การรวมข้อมูลเป็นกลุ่มก้อนเดียวจะส่งผลง่ายต่อการทำ Big data มากเพราะสามารถดึงชุดข้อมูลได้ทันที ซึ่งเทคโนโลยีนี้คุณสามารถใช้งานได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์ม PointSpot ระบบสมาชิกสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร ระบบที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องลงแอปหรือพกบัตร ตอบโจทย์ธุรกิจในยุคดิจิทัลเป็นอย่างมาก ทั้งนี้การมีข้อมูลของลูกค้าในมือ จะช่วยช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

สังเกตว่าเทรนด์ที่เกิดขึ้นจะตอบสนองกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนหลังจากเกิด COVID-19 นี้ทั้งเว้นระยะห่างและทำธุรกรรมผ่านออนไลน์เป็นหลัก นอกจากนี้นโยบายรัฐบาลทำให้ทั้งประเทศเข้าสู่ออนไลน์แบบเต็มรูปแบบและมีประสบการณ์ในการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์โดยตรง ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าสู่ Online Marketing ได้ทันทีไม่ต้องกังวลว่าลูกค้าจะเข้าถึงคุณได้ยาก Readyplanet จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มและเครื่องมือการทำ Online Marketing ให้เข้าถึงและใช้งานง่ายมากขึ้น ที่แม้ธุรกิจที่ยังไม่เคยทำ Online Marketing มาก่อนก็สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเครื่องมือ Readyplanet Marketing Platform แพลตฟอร์มที่จะช่วย Online Marketing  แบบครบวงจร รวมถึงการทำ CRM ที่ช่วยเพิ่มสัมพันธ์กับลูกค้า จนเกิดการซื้อซ้ำในอนาคต วิธีนี้ทั้งไม่ว่าจะธุรกิจเล็กหรือใหญ่ต่างปรับตัวมาใช้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางขายหลัก เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจและรอดพ้นจากวิกฤต COVID-19 

Readyplanet Marketing Platform

แพลตฟอร์มการขายและการตลาดแบบ All-in-One ที่ครอบคลุมทั้งการโฆษณา เว็บไซต์ และระบบลูกค้าสัมพันธ์ 

ลงทะเบียนและเริ่มใช้ฟรี