10 Checklist เตรียมความพร้อมก่อนสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ คืออะไร

เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ การสร้างเว็บไซต์จุดประสงค์เชิงธุรกิจ เปรียบเสมือนการเปิดร้านผ่านออนไลน์ลูกค้าสามารถเลือกชมสินค้า ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่หน้าร้าน และในบางธุรกิจมีเพียงแค่การขายผ่านเว็บไซต์ร้านค้าเท่านั้น  ไม่ต้องค่าเช่าที่หน้าร้าน

จากผลสำรวจเมื่อปีที่ผ่านมา 83% ของคนไทย มีพฤติกรรมบริโภคสินค้าและบริการผ่านออนไลน์ ซึ่งมีแนวโน้มโตขึ้นในทุกปี และเหตุผลหลัก ๆ ที่เป็นข้อดีของการมีเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ คือ

• เพิ่มโอกาสในการขาย ยิ่งเรามีช่องทางหลากหลายลูกค้าก็ยิ่งเข้าถึงได้มากขึ้น เพราะพฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้าแต่ละราย เลือกแพลตฟอร์มที่ไม่เหมือนกัน

• ภาพลักษณ์ของแบรนด์ เว็บไซต์บทความ รูปภาพประกอบที่สวยงาม จะทำให้แบรนด์ดูน่าสนใจและมีความน่าเชื่อถือ

• ระบบข้อมูลเว็บไซต์ นำมาวิเคราะห์แผนการตลาด เนื่องจากสามารถตรวจดูสถิติเวลาเข้าชม ความสนใจต่าง ๆ มาทำการตลาดได้

• ประหยัดค่าเช่าสถานที่ ช่วงนี้ทำเลดี ๆ ค่าที่ก็แพง เว็บไซต์ก็เป็นทางเลือกที่จะทำให้เราประหยัดค่าเช่าที่ แถมยังเข้าถึงลูกค้าได้ทุกพื้นที่ แบบนี้ประหยุดต้นทุนไปได้เยอะเลย

• ความปลอดภัยของข้อมูล ถ้าข้อมูลอยู่ใน Social Media Platform เนื่องจากผู้ใช้เยอะ อาจจะเกินเหตุไม่คาดคิด เช่น การปรับกฎเกณฑ์การแสดงข้อมูลของเพจเราให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ความกังวลนี้จะหมดไปเพราะเรามีเว็บไซต์ที่พร้อมให้บริการตลอด

เมื่อรู้เหตุผลเบื้องต้นแบบนี้แล้ว เริ่มอยากมีเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ให้แบรนด์ตัวเองกันแล้วใช่ไหม

Readyplanet เตรียม 10 Checklist ที่จะทำให้แบรนด์ของได้เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเว็บไซต์ ดังนี้

1. วัตถุประสงค์ของการทำเว็บไซต์

เริ่มจากการลิสต์วัตถุประสงค์ของแบรนด์ว่าทำเว็บไซต์ร้านขายออนไลน์เพื่ออะไร เพราะวัตถุประสงค์เปรียบเสมือนการกำหนดแนวทางและทิศทางของเว็บไซต์จะออกมาในรูปแบบใด มีผลต่อการทำการตลาดและเป็นตัววัดผลความสำเร็จของการสร้างเว็บไซต์

2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

ข้อนี้แบรนด์ควรสำรวจจุดประสงค์ของสินค้าให้แน่ชัดว่า “ผลิตออกมาเพื่อขายใคร” แล้วสถิติลูกค้าปัจจุบันของเราคือใคร ตรงกันไหม การที่เราต้องรู้กลุ่มเป้าหมายชัดเจนมันมีผลต่อการออกแบบดีไซน์เว็บไซต์ สีสัน รูปภาพ บทความ และหลาย ๆ แบรนด์อาจจะประสบ ปัญหาจุดนี้อยู่ ซึ่งการเลือกกลุ่มเป้าหมายมีเคล็ดลับเล็กๆ จาก Facebook Business สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำโฆษณาหรือการสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ได้

ยกตัวอย่าง กรณีแบรนด์ที่มีลูกค้าอยู่แต่ยังไม่มีเว็บไซต์ ให้เลือกพิจารณาจากยอดขายปัจจุบัน ว่าเป็นนักช้อปในช่วงวัยไหนหรือพิจารณาจากผู้ติดตามใน Social Media ก็ได้

3. เลือกใช้แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย

ยุคสมัยเปลี่ยนเทคโนโลยีก็ก้าวหน้าขึ้น ผู้ประกอบการบางรายยังมองว่าการทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์มีค่าใช้จ่ายสูงและเกินความจำเป็น ซึ่งในปัจจุบันการทำเว็บไซต์ง่ายมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่มี ค่า Server ค่า Domain ค่าออกแบบ ค่าจิปาถะอีกมากมาย ตัวอย่างเช่น R-Web แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ ของ Readyplanet ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่าย เป็นแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One มีหลายฟีเจอร์ที่จะช่วยตอบโจทย์มือใหม่สร้างเว็บไซต์ มีธีม รูปภาพให้เลือกหลายแบบ ที่สำคัญยังมีให้ใช้บริการฟรีอีกด้วย

4. เตรียมชื่อเว็บไซต์

การเตรียมชื่อเว็บถ้าในกรณี เพิ่งเริ่มสร้างแบรนด์หรือจะรีแบรนด์ เทคนิคนี้ก็ปรับใช้ได้ ควรเลือกชื่อที่ง่ายต่อการจดจำ และเป็นอัตลักษณ์ต่อแบรนด์ชัดเจน ไม่กำกวมที่ออกเสียงคล้ายคลึงกับแบรนด์อื่น

5. การออกแบบโลโก้

ไม่ควร Copy หรือคล้ายกับแบบอื่นเพราะจะทำให้ลูกค้าที่สนใจจำผิดได้ ที่สำคัญเรื่องลิขสิทธิ์ก็เช่นกัน แนะนำให้ลองใช้หลักเกณ์สั้น ๆ ช่วยในการออกแบบ ดังนี้

• จดจำง่าย ไม่ว่าโลโก้ของแบรนด์คุณจะอยู่บนที่ใด ก็จดจำได้ มองครั้งแรกต้องรู้เลยว่าแบรนด์อะไร

• สื่อความหมาย ส่วนใหญ่แล้วโลโก้ของแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่ประสบความสำเร็จมักมีลูกเล่นซ่อนความหมายไว้ในโลโก้จึงไม่จำเป็นต้องดูดีอลังการ แค่สื่อความหมายสื่อแบรนด์ก็เพียงพอแล้ว

• ตัวอักษรบนโลโก้ รูปแบบโลโก้ที่ใช้ฟ้อนต์ ควรคำนึงถึงระยะห่างตัวอักษร ความหนาบาง ไม่ให้รู้สึกรกหรืออึดอัดจนเกินไป จะช่วยทำให้โลโก้ของคุณดูดีและน่าจดจำมากขึ้น

• สีสัน และ Effect สี ก็เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบโลโก้ แต่ในส่วนของสีเองก็สามารถถือถึงอารมณ์ความรู้สึกและความหมาย ควรเลือกสีที่สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ ไม่ควรใช้สีรุ้ง สังเกตได้จากแบรนด์ดัง จะมีเพียง 1-2 สีเท่านั้น รวมถึงการใส่ Effect จะทำให้โลโก้ดูยากแล้วยังไม่สามารถสื่อถึงแบรนด์ได้

6. โครงสร้างของเว็บไซต์

ในอีกความหมายหนึ่ง คือ การจัดลำดับเนื้อหาความสำคัญในเว็บไซต์ให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เข้าใจง่าย ควรคำนึงถึง 3 ข้อหลัก ๆ

• การใช้งานง่าย รองรับทั้งรูปแบบการใช้งานผ่าน Smart Phone และ PC

• เอกลักษณ์ ควรมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงแบรนด์ เช่น สีของแบรนด์

• เชื่อมต่อถึงลิงก์ต่าง ๆ ซึ่งลูกค้าบางรายเข้าเว็บไซต์มาแล้วอยากจะเช็คว่าแบรนด์มีตัวตัวบน Social Media จริงไหมหรือลูกค้าอยากจะเชื่อมต่อไปหน้าสั่งซื้อ ก็ควรสะดวกเผื่อความประทับใจของลูกค้าเมื่อเข้ามาในเว็บ

7. เรื่องเล่าของธุรกิจหรือแบรนด์

ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาค้นหาเราผ่านเว็บไซต์ หลักแล้วเขาอยากรู้จักตัวตนของแบรนด์ ประวัติของแบรนด์ ข้อดีของการเล่า Storytelling ให้แบรนด์ คือ การสร้างแตกต่างที่น่าสนใจ เพิ่มความน่าเชื่อถือของสินค้าไว้ให้ลูกค้าประกอบการตัดสินใจซื้อ และที่สำคัญลูกค้าจะรู้สึกถึงความเอาใจใส่

8. รูปภาพ และคำอธิบายสินค้า

พฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านทางออนไลน์ ต้องการให้เห็นรายละเอียดรูปของสินค้าอย่างชัดเจน เหมือนการเห็นของจริง ซึ่งตอนนี้หลายแบรนด์ของก็ได้ฟังก์ชันใหม่ๆ เพิ่มประสบการณ์ช้อปปิ้ง เช่น เทคโนโลยี AI กับแบรนด์ลิปสติก ให้ลูกค้าได้ลองเทียบสีลิปที่ตนเองชอบผ่านหน้ากล้องมือถือ ในส่วนคำอธิบายสินค้าควรใส่ให้ระเอียด ขนาดเท่าไร น้ำหนักสินค้า ส่วนผสมต่าง ๆ รวมถึงราคาต้องชัดเจน ลูกค้าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและตัดสินใจเร็วมากขึ้นอีกด้วย เพิ่มเทคนิคให้สินค้าแบรนด์ดูน่าซื้อ สามารถอ่านบทความ 7 ขั้นตอน ทำสินค้าบนเว็บไซต์ ให้น่าซื้อ เพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่

9. ช่องทางการชำระเงิน

ตัวอย่าง ระบบการชำระเงินของ R-Shop

เมื่อลูกค้าสนใจเข้ามาเลือกซื้อสินค้าแล้ว ขั้นตอนที่สำคัญคือการชำระเงิน  ถ้าขั้นตอน การชำระมีความยุ่งยากและดูไม่น่าเชื่อถือ มีส่วนทำให้ลูกค้ายกเลิกออเดอร์ในตะกร้าได้ เพราะฉะนั้นควรใส่รายละเอียดในช่องทางการชำระเงินให้ครบถ้วน เพิ่มตัวเลือกหลาย ๆ รูปแบบให้ลูกค้าได้มีทางเลือกที่หลากหลาย

10. ช่องทางการติดต่อ

หลายครั้งที่ลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อสินค้าจากแบรนด์เรา อาจจะเป็นเพราะเราไม่มีข้อมูลช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน ยิ่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง แต่ความน่าเชื่อถือในเว็บน้อย ทำให้พลาดโอกาสได้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งควรจะมีในข้อมูลการติดต่อหลัก ๆ เลย คือ ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ การที่มีเบอร์ติดต่อชัดเจนบางครั้งลูกค้าอาจจะอยากติดต่อสั่งซื้อในปริมาณมาก ๆ อย่ามองข้ามรายละเอียดเล็กน้อย เราอาจจะผ่านยอดขายใหญ่ก็ได้

อันที่จริงแบรนด์ของคุณไม่ต้องรอ Checklist ให้ครบ 10 ข้อแล้วค่อยเริ่มสร้าง ควรเริ่มตั้งแต่ 4 ข้อแรกได้เลย และค่อยทำข้ออื่น ๆ ควบคู่ต่อไปหลังจากนี้ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งเป็นผลดีแก่แบรนด์คุณเอง ยุคนี้สมัยนี้การเลือกใช้แพลต์ฟอร์มที่ง่ายต่อการทำเว็บไซต์ก็มีอยู่มาก อย่าง Readyplanet มีแพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์ที่ทำการตลาดแบบ All-in-One ได้อีกด้วย ฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์และผู้ประกอบการนิยมใช้กันมาก ช่วงนี้คงจะไม่พ้นกระแสตอบรับจาก R-Shop แพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ ที่จะช่วยให้การสร้างร้านค้าบนออนไลน์ง่ายนิดเดียว R-Shop มีหลากหลายฟังก์ชัน เช่น การตั้งค่า สกุลเงินการชำระ, ตัวเลือกขนส่งและค่าขนส่ง การเพิ่มหมวดหมู่สินค้า การสร้าง Section ได้อีกตามต้องการ หรือ ระบบการจัดการคำสั่งซื้อ เชื่อมเข้ากับระบบ R-CRM ง่ายต่อการบริหารและค้นหาข้อมูลลูกค้าอีกด้วย

พร้อมหรือยัง? ที่จะเริ่มสร้างเว็บไซต์ในแบรนด์ของคุณ