ข้อผิดพลาดที่ทำให้ผู้เข้าเว็บ ใช้เวลาในเว็บไม่ถึง 5 นาที

1. เว็บไซต์ของคุณโหลดช้าหรือเปล่า

ความเร็วในการโหลดข้อมูลคือด่านแรกที่ลูกค้าต้องเจอเมื่อกดคลิกเข้ามา และก็เป็นจุดวกกลับของลูกค้าเช่นกัน เพราะการที่ลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ก็เพื่อมารับข้อมูลอะไรบางอย่างทันที ซึ่งความล่าช้าเพียงไม่กี่วิก็ทำให้ลูกค้ากดออกได้เลย เว็บไซต์ที่มีความเร็ว ชนิดคลิกปุ๊ปข้อมูลพร้อมโชว์ทันที จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้าอยากจะกดอ่านข้อมูลในเว็บต่อ แต่ถ้าต้องรอโหลดข้อมูลนาน ๆ ก็อาจจะบั่นทอนความอยากรู้อยากซื้อของลูกค้าลง ความเร็วของเว็บจึงเหมือนประตูบ้าน ถ้าเปิดยากไป ลูกค้าก็ไปเปิดประตูอื่น โดยค่า Page Speed นี้ยังส่งผลต่อการทำ SEO บนเว็บไซต์ด้วย ซึ่งกูเกิ้ลจะมีคะแนน Page Speed เพื่อให้เว็บรับรู้ถึงสถานะความเร็วของการเข้าเว็บ ซึ่งสิ่งที่ส่งผลต่อความช้าเร็วของเว็บส่วนใหญ่คือ 

• คอนเทนต์ในเว็บมากเกินไป: ในหน้าคอนเทนต์จะมีทั้งเนื้อหาของคอนเทนต์และเนื้อหาของตัวเว็บหลัก แต่หากมีรูปภาพที่เยอะเกินไปกว่าเว็บจะรองรับ รวมถึงอินเตอร์เน็ตลูกค้าไม่ได้เร็วมากมาย จะยิ่งทำให้การเข้าเว็บช้าลง

• เว็บไซต์ที่ถูกใช้งานหนักเกินระบบจะรองรับ: หากเว็บไซต์ถูกใช้งานหนัก เช่น มีคนเข้ามาอ่านมากเกินไปหรือเข้ามาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ๆ หรือเรียกว่าเว็บล่ม จะส่งผลต่อการเข้าเว็บทันที ส่วนนี้ต้องการแก้ไขที่การโค้ดดิ้งหลังบ้าน ให้เตรียมเซิร์ฟเวอร์พร้อมสำหรับการเข้ามาของลูกค้าจำนวนมาก

• โฆษณาในเว็บเยอะเกิน: ถ้าใครเข้าเว็บไซต์ในไทยตอนนี้มักจะเห็นโฆณาเกือบจะ 70% ของหน้าเว็บทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Gift, Video ซึ่งต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดกว่าคลิปจะขึ้นอีก ทำให้การเข้าเว็บยิ่งช้าลงทันที

การมีเว็บที่ดีจึงต้องเร็ว มีคอนเทนต์ที่พร้อมต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาอ่านทันที ซึ่งการมีเว็บไซต์ที่ดีและที่เร็วนี้ จะสามารถสร้างได้หากมีเครื่องมือที่พร้อม R-Web จึงเป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่มาพร้อมกับเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One ครอบคลุมถึงการทำระบบลูกค้าสัมพันธ์ เป็นอีกสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่เร็ว สวย ข้อมูลครบและไม่ยุ่งยาก

2. เนื้อหาของ Content ดึงดูดพอหรือยัง

คอนเทนต์ที่ดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาที่ดีที่สุด คือคอนเทนต์ที่สร้างมาเพื่อให้ข้อมูลและแก้ปัญหาในบทความเดียว เพราะว่ามีให้มากกว่าที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกสัมผัสได้ถึงความน่าเชื่อถือ ความตั้งใจที่จะให้ข้อมูลของแบรนด์ อีกทั้งคอนเทนต์ที่ถูกสร้างบนเว็บไซต์หลัก ๆ คือต้องทำหน้าที่ผ่านการค้นหา Google ได้ดี ต้องทำ SEO บทความเพื่อกระตุ้นให้บทความไปอยู่หน้าแรกเมื่อลูกค้าค้นหาคีย์เวิร์ด บทความจะได้ง่ายต่อการค้นพบ การสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดจึงควรเริ่มจากการมีคีย์เวิร์ด ขึ้นมาก่อน และหาบริบทของบทความนั้นขึ้นมา และใช้คีย์เวิร์ดประโยคนี้ในการทำคอนเทนต์ เช่น คำว่า กระเป๋าแบรนด์เนม >> กระเป๋าแบรนด์เนมที่ซุปตาใช้กัน กระเป๋าแบรนด์เนมงบนักศึกษา สังเกตว่าคำเหล่านี้จะมีบริบทหรือกลุ่มเป้าหมายอยู่ด้วย เพื่อให้คอนเทนต์ทำงานได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายทันที โอกาสการคลิกเข้าเว็บไซต์ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

3. การดีไซน์ของเว็บไซต์

ดีไซน์เว็บไซต์ที่ดีคือดีไซน์ที่สวยงามถูกกลุ่มเป้าหมายและใช้งานง่าย UX / UI ต้องทำงานพร้อมกัน ขาดสิ่งใดไปไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้แบรนด์มักพลาด คือคำนึงแต่ความสวยของเว็บไซต์แต่ลืมเช็ค พฤติกรรมการใช้งานลูกค้า ทำให้ลูกค้าเข้ามาในเว็บครู่เดียวก็ออกไป แต่ดีไซน์ที่ดีกว่าเดิม จะต้องสร้างให้ลูกค้าอยากกดเข้าไปดูข้อมูลอื่น ๆ ต่อ (ส่วนนี้ต้องใช้การดึงดูดจากคอนเทนต์ด้วย) ซึ่งสามารถหลอกล่อได้ด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ลูกค้าที่อ่านคอนเทนต์ที่เข้ามาจะต้องอยากรู้ข้อมูลที่เราจะเสิร์ฟให้หลักการคิดคือ ถ้าอยากรู้แล้ว A แล้วจะอยากรู้อะไรอีก สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าอยู่เว็บไซต์ได้นานขึ้น ฟีเจอร์การเลือกคอนเทนต์ถัดไปที่ชอบอยู่ล่างสุด ที่จริงสามารถอยู่ระหว่างทางได้ เพราะโอกาสน้อยที่ลูกค้าจะอ่านจบ หรือมีให้เลือกว่าจะอ่านส่วนไหนของข้อมูลตั้งแต่เริ่มเนื้อหาคอนเทนต์  หรือหากพูดในเรื่องของการสั่งซื้อสินค้าบนเว็บ ก็ควรทำให้พร้อมต่อการจ่ายเงินทันที ซึ่งทั้งความสวยงามและใช้งานง่ายนี้ สามารถทำได้ง่ายๆ แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ R- Web เพราะมีดีไซน์ให้เลือกมากมาย รวมถึงฟีเจอร์ผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าเหมาะกับลูกค้าสินค้านั้น ๆ จึงตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการ

4. Mobile Friendly , Responsive Design

เว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายไม่ว่าจะเสพผ่านแพลตฟอร์มบนอุปกรณ์ใดก็ตาม จะยิ่งช่วยให้ลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์มากขึ้น เพราะรองรับลูกค้าได้หลายช่องทาง หากสังเกตคอนเทนต์จากแบรนด์ใหญ่จะพบว่า คอนเทนต์ 1 ชิ้นงาน จะถูกปรับไซต์หรือปรับคอนเทนต์เมื่ออยู่ต่างแพลตฟอร์มออกไป เนื่องจากแต่ละที่ก็จะมีขนาดสำหรับการเสพที่ดีต่างกัน โดยเฉพาะคอนเทนต์วิดิโอ หากเกิดการผิดไซต์ ผู้รับสารจะรู้สึกถึงความน่าดูลดลง เพราะขนาดคลิปไม่เหมาะสมต่อการรับสื่อ เช่น คลิปบน Youtube ต้องเปลี่ยนไซต์ถ้ามาอยู่บน Tiktok เพราะขนาดวิดิโอที่รับสื่อต่างกัน ถึงจะเป็นแพลตฟอร์มวิดิโอก็ตาม การคำนึงถึงขนาดการรับสารของแต่ละแพลตฟอร์มจึงสำคัญมาก หากอยากอยู่ในหลายช่องทางก็ต้องให้คุณค่าเรื่องขนาดการรับรู้ของแพลตฟอร์มนั้นด้วย

5. การผิดพลาดของข้อมูล

เมื่อไหร่ที่คุณมีเว็บไซต์ คุณต้องเช็คเว็บไซต์ตลอดเวลา เพราะความผิดของข้อมูลเกิดขึ้นได้ตลอด สิ่งนี้เกิดขึ้นได้กับทุกส่วน เช่น คอนเทนต์เนื้อหาผิด รูปภาพไม่ขึ้น แอดโฆษณาซ้อน ระบบสั่งซื้อซื้อไม่ได้ เว็บติดบั๊ค อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งคุณต้องรู้ก่อนลูกค้าจะรู้ปัญหา เพราะหากลูกค้ารับรู้เอง ความน่าเชื่อต่อแบรนด์จะลดลงทันที เหมือนไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูล ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคือบทเรียนแรก ๆ สำหรับผู้ประกอบการณ์มือใหม่ ยิ่งพึ่งเข้าการตลาดออนไลน์ครั้งแรก ปัญหาใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นมาได้ทุกวัน โดยเฉพาะปัญหาการสั่งซื้อสินค้า เพราะลูกค้ามักมีคำถามมากมายเพื่อต้องการให้ตัวเองตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี การมีเครื่องมือที่พร้อมต้อนรับคุณลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคนหรือบอทจึงสำคัญอย่างมาก R-Web จึงมีเครื่องมือใการกระตุ้นการตัดสินใจซื้ออย่าง R-Dynamic เครื่องมือสร้างโฆษณาที่จะแสดงโฆษณาตรงใจ เร่งการตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น ไม่ต้องมีโฆษณาให้หน้าเว็บโหลดนานอีกด้วย 

เว็บไซต์อยากให้มองว่าเป็นบ้านของแบรนด์ เป็นครอบครัวที่มีพนักงานหลายฝ่าย ทั้งแผนกคอนเทนต์ แผนกโฆษณา แผนกขาย ทุกฝ่ายสามารถเกิดปัญหาได้ตลอดเวลา แต่เพื่อทำให้บ้านน่าอยู่ก็ควรมีคนกลางที่จะช่วยให้แต่ละฝ่ายทำงานได้อย่างราบรื่น R-Web จึงเปรียบเหมือนกับฝ่ายที่คอยประณีประนอม ช่วยแก้ปัญหาไม่ว่าฝ่ายใดจะเกิดอะไรก็ตาม แถมยังคอยให้คำปรึกษาว่าควรเดินต่อไปในทิศทางไหน เป็นอีกเครื่องมือที่ดีพร้อมที่จะพัฒนาเว็บไซต์อยู่ตลอด