เพิ่มยอดขายด้วยเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

ปัจจุบันเว็บไซต์ออนไลน์สำหรับธุรกิจ ไม่ได้เป็นเพียงแค่แหล่งอัปเดตข้อมูล ประวัติความเป็นมาและระบุที่ตั้งของธุรกิจเท่านั้นอีกต่อไป แต่ยังสามารถเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้พบเจอกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์อีกด้วย ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนและอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงคนจำนวนมากอย่างแพร่หลาย ทำให้ธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการที่ต้องการนำเสนอขาย หันมาให้ความสนใจทำการตลาดบนโลกออนไลน์มากขึ้น เทรนด์ของเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์จึงได้รับความสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากนักการตลาด อ้างอิงจากสถิติของทาง nasdaq คาดการณ์ว่าประมาณปี 2040 การสั่งซื้อสินค้าทั้งหมดจะดำเนินการผ่าน E-Commerce กว่า 95% เหมือนจะเป็นตัวเลขกว่าเกือบ 20 ปี แต่ก็สามารถการันตีได้ว่าแนวโน้มของตลาดบนโลกออนไลน์จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน แล้วตอนนี้คุณเข้าใจและรู้จักกับคำว่าเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ดีพอหรือยัง?

เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ คืออะไร

 

 

สำหรับเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ เว็บไซต์ขายของ เปรียบเสมือนสื่อกลางที่จะเชื่อมระหว่างธุรกิจและลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์เข้าด้วยกัน ถือเป็นการขยายและเพิ่มโอกาสในการพบเจอลูกค้ามากยิ่งขึ้น นำไปสู่การรู้จักสินค้า ซื้อขายสินค้า ปิดการขายและเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลักษณะของหน้าเว็บไซต์ ฟังก์ชั่นต่าง ๆ จะถูกออกแบบมาให้สามารถใส่รายละเอียดของแบรนด์ สินค้า ราคา และรายละเอียดอื่น ๆ ตามที่ต้องการได้ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อด้วยตัวเอง หรือผ่านทีมขายที่พร้อมคอยให้บริการ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทาง อีกทั้งยังสามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

 

ประโยชน์ของ เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

 

นอกจากเรื่องแนวโน้มการซื้อขายของบนโลกออนไลน์ที่เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ก็ประกอบไปด้วยประโยชน์หลายอย่างที่ช่วยให้ธุรกิจที่ต้องการขายสินค้าหรือบริการ สามารถปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

สามารถซื้อของได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาเปิด-ปิด

 

 

สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านออฟไลน์ มักจะมีเวลาเปิดร้าน-ปิดร้านที่ชัดเจน ทำให้บางครั้งอาจจะพลาดลูกค้ากลุ่มที่ไม่สะดวกใช้บริการในเวลาร้านเปิด สำหรับเว็บไซต์ขายของจะเข้ามาตัดปัญหาด้านนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะสามารถเปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ออนไลน์ตอนไหน จากมุมไหนของโลก ก็สามารถดูรายละเอียด และซื้อสินค้าได้ทุกเวลา

 

ประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าสถานที่ ลดต้นทุนได้เยอะ

 

 

หลายธุรกิจมีหน้าร้านเป็นของตัวเองและขยับขยายมายังโลกออนไลน์ แต่ก็ยังมีธุรกิจอีกหลายธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ในไทย ที่ต้องการเริ่มต้นด้วยการมีหน้าร้านออนไลน์เลย เพราะกลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ อยู่ในนี้ การมีเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของตัวเอง ประหยัดค่าใช้จ่ายพวกเช่าสถานที่ ค่าทำเล และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดไปได้เยอะมาก เพราะทุกอย่างทำได้ผ่านโลกออนไลน์  โดยสามารถเป็นเจ้าของเว็บไซต์ขายของออนไลน์ได้ 2 รูปแบบ

 

  • จ้างโปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดเองตั้งแต่ต้น ข้อดีคือได้เว็บไซต์สวยงามตามที่ต้องการ ข้อเสียคือใช้เวลานาน มีค่าใช้จ่ายสูงและหากมีข้อผิดพลาดระหว่างใช้ จำเป็นต้องจ้างโปรแกรมเมอร์ไว้เพื่อให้คอยมอนิเตอร์ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

  • เลือกใช้บริการเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูป จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเขียนโค้ดไปได้เยอะเลยทีเดียว เพราะจะมีบริการให้เลือก Theme หน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ สามารถ Customize ได้เอง ใช้งานง่าย มีระบบมาตรฐานและยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

 

เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจได้

 

 

คิดง่าย ๆ ว่า จากเดิมที่ธุรกิจองคุณมีหน้าร้านออฟไลน์อย่างเดียว แต่วันนี้ได้ขยับขยายมาบนโลกออนไลน์ที่มีกลุ่มคนเข้าถึงจำนวนมาก และในกลุ่มคนนั้นมีกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจอยู่ เมื่อธุรกิจพาตัวเองเข้ามาในช่องทางที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้อยู่เป็นประจำ ก็เปรียบเสมือนการเพิ่มช่องทางการมองเห็นและพบเจอกันแบรนด์ได้ง่ายขึ้น นำไปสู่การเข้ามาเยี่ยมชม ชื่นชอบสินค้าหรือบริการและเกิดการซื้อขายในอนาคตได้

 

เสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้

 

สิ่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ​สำหรับธุรกิจที่ต้องการมีตัวตนบนโลกออนไลน์ เพราะเมื่อลูกค้าไม่ต้องออกจากบ้านเพื่อมาซื้อสินค้าหรือบริการ เขาจะเมคชัวส์ว่าร้านค้าของคุณเชื่อถือได้แค่ไหน ด้วยการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine ต่าง ๆ เพื่อเช็คพิกัดหรือข้อมูลของธุรกิจนั้นๆ ประกอบการพิจารณานั่นเอง

 

ข้อมูลต่างๆ ถูกบันทึกลงเว็บไซต์ สามารถนำมาวิเคราะห์ วางแผนการตลาดได้

 

เมื่อมีเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์และมีการทำธุรกรรมต่าง ๆ จะเกิดการบันทึกข้อมูลเก็บไว้เป็นสถิติในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะหากใช้บริการเว็บไซต์ออนไลน์สำเร็จรูปที่มีระบบเก็บข้อมูลที่ได้มาตรฐาน คุณจะสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นที่เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง และเชื่อถือได้มาใช้วางแผนการตลาดในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมายิ่งขึ้นต่อไปได้

 

ควบคุมได้ เหมือนบ้านของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพา Social อื่น ๆ

         

ทุกวันนี้มีหลายธุรกิจใช้ Social เป็นช่องทางหลักในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger , Instagram หรือ LINE Official Account เป็นต้น แต่หากวันไหน Social เหล่านี้เกิดขัดข้องหรือล่มนั่นหมายความว่าในวันนั้นทั้งวัน คุณอาจจะพลาดออเดอร์ที่เข้ามา ทำให้รายได้หยุดชะงัก

 

นี่เป็นสิ่งที่ธุรกิจควรคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลายธุรกิจจึงหันมาเปิดเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของตัวเองเพื่อขายสินค้าหรือบริการ เพราะสามารถควบคุมได้ เมื่อเกิดขัดข้องสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที เปรียบเสมือนบ้านของธุรกิจและยังสามารถเชื่อม Social ต่าง ๆ เข้ามายังหน้าเว็บไซต์ได้อีกด้วย เมื่อเรามีเครื่องมือการตลาดที่ควบคุมได้เอง ทำให้ไม่ต้องกังวลเวลา ช่องทาง Social Media อื่น ๆ ขัดข้องนั่นเอง

 

หลายธุรกิจจึงเลือกใช้บริการแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ เพราะสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่าย มีความสวยงาม ทันสมัย มีฟังก์ชั่นครบ ตอบโจทย์ทั้ง SMEs ได้อย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะบริการ R-Shop หนึ่งในเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One จาก Readyplanet เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการและต้องการนำเสนอขายบนโลกออนไลน์ สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้น วันนี้มีวิธีสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย R-Shop มาฝากกันด้วย ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ R-Shop แบบเข้าใจง่าย ๆ สักนิด

 

 

R-Shop คือ แพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ ที่มาพร้อมเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One ทำเว็บไซต์ เพิ่มช่องทางการขายใหม่ ที่ออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง สามารถเชื่อมต่อกับระบบต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น R-Widget, สะสมแต้ม PointSpot, Order Management, ปุ่มติดต่ออัจฉริยะสำหรับเว็บยุคใหม่, R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย, Chatday และอีกมากมาย ช่วยทำให้ธุรกิจสามารถรองรับลูกค้าได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวบนโลกออนไลน์

 

วิธีการสร้างร้านค้าออนไลน์ ด้วย R-Shop

 

1. เริ่มสมัครใช้งานเว็บไซต์  R-Shop กับ Readyplanet

 

การสมัครใช้งานเว็บไซต์ R-Shop สามารถทำได้ง่าย ๆ และเริ่มใช้ฟรี โดยสามารถลงทะเบียนผ่าน 3 ช่องทาง

 

  • ลงทะเบียนด้วย Facebook

 

  • ลงทะเบียนด้วย Google

 

  • ลงทะเบียนด้วย Email

 

หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมและซื้อทันที เบอร์โทร 02-016-6789 หลังจากที่คุณกดลงทะเบียนผ่านช่องทางใด ช่องทางหนึ่ง ระบบจะให้คุณกรอกเบอร์โทร และเลือกจำนวนพนักงานในบริษัท หลังจากนั้น คลิกสมัคร

 

2. เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

 

 

หลังจากที่สมัครเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเข้าสู่หน้าหลักของ Readyplanet Marketing Platform และคลิก R-Web เพื่อเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ ตั้งค่าแก้ไขเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ทันที โดยใน R-Web คุณสามารถเพิ่มเมนูประเภทต่างๆ เช่น ได้ 8 ประเภท คือ บทความ , Landing Page , เมนู Tag , หมวดหมู่สินค้า , ป้ายกำกับสินค้า , เมนูข้อความ , เมนูลิงค์ , เมนูสมาชิก  สามารถเข้าไปแก้ไขและจัดการข้อมูลส่วนเนื้อหาได้ทั้งหมด และเลือก Customize หน้าตาของเว็บไซต์ให้สวยงาม ทันสมัยได้แบบที่แบรนด์ของคุณอยากให้เป็น รองรับการทำ SEO, การใช้เครื่องมือของ Google และเชื่อมต่อกับ Social Networks ต่าง ๆ ได้ เชื่อมต่อกับ R-Shop ได้ง่ายดาย พร้อมฟังก์ชั่นเสริมอื่น ๆ อีกมากมาย

 

3. วิธี Set สินค้าในระบบ R-Shop

 

คุณสามารถจัดการสินค้าในร้านค้าออนไลน์ระบบ R-Shop ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มหมวดหมู่สินค้า, เพิ่มหมวดหมู่ย่อย, แก้ไขหมวดหมู่สินค้า, เรียงหมวดหมู่สินค้า และลบหมวดหมู่สินค้า ดังนี้

 

วิธีจัดการหมวดหมู่สินค้า

 

 

สำหรับการจัดการหมวดหมู่สินค้าหลักของเรา หรือการเริ่มต้นจัดการสินค้าจะเรียกว่า Main Category  สามารถกดเลือก “+เพิ่มหมวดหมู” เพื่อเพิ่มสินค้าแต่ละชิ้นได้

 

เมื่อต้องการ เพิ่มหมวดหมู่สินค้า สามารถคลิก "เพิ่มหมวดหมู่" ได้ โดยจะสามารถใส่รายละเอียดได้ ตั้งแต่ ชื่อหมวดหมู่ (บังคับกรอกข้อมูลทุกครั้ง), ชื่อ Folder ที่จะใช้กำหนดชื่อของ URL ของหมวดหมู่สินค้าได้ตามที่ต้องการ เมื่อใส่ข้อมูลเรียบร้อยแล้วคลิก "บันทึก"

 

 

หากต้องการแก้ไขหมวดหมู่สินค้า  สามารถคลิกที่หมวดหมู่สินค้าที่ต้องการแก้ไข จากนั้นคลิกสัญลักษณ์ดินสอที่อยู่ด้านข้างชื่อหมวดหมู่เพื่อแก้ไข สิ่งที่สามารถแก้ไขได้จะมี ชื่อหมวดหมู่, ชื่อ Folder (Static URL), รายละเอียด และยังเลือกจัดการย้ายหมวดหมู่สินค้าได้อีกด้วย เมื่อเพิ่มข้อมูลเรียบร้อยแล้ว คลิก “บันทึก”

 

หากต้องการให้สินค้าเป็นระบบระเบียบมากขึ้น สามารถเรียงหมวดหมู่สินค้าได้ ด้วยการคลิก  "เรียงหมวดหมู่"  เลือกได้ทั้งเรียงจากเก่าไปใหม่-จากใหม่ไปเก่า และสามารถเลือกแบบ “กำหนดเอง” ตามต้องการได้ด้วย เมื่อเรียงหมวดหมู่ได้ตามต้องการเรียบร้อยแล้วคลิก "เผยแพร่" 

 

ในกรณีที่ต้องการ ลบหมวดหมู่สินค้า ก็สามารถทำได้โดยคลิกที่หมวดหมู่สินค้า จากนั้นคลิกสัญลักษณ์ถังขยะและเลือก “ลบ” เพื่อยืนยันการลบหมวดหมู่ 

 

 


สามารถดูวิธีการจัดการสินค้าโดยละเอียดได้ที่ : R-Shop Products Management

 

4. วิธีใส่รายละเอียดสินค้า รูปภาพ ชื่อสินค้า ราคาสินค้า สต็อกสินค้า

 

นอกจากการจัดการเพิ่มสินค้าแบ่งหมวดหมู่ แก้ไขและลบสินค้าต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ และ R-Shop สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยมคือฟังก์ชั่นการใส่รายละเอียดของสินค้า รูปภาพ ชื่อสินค้า ราคาสินค้า และจำนวนสต็อกของสินค้า โดยทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

 

สามารถเพิ่มสินค้าใหม่ได้ โดยการคลิกเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการเพิ่มสินค้าใหม่ จากนั้นคลิก “เพิ่มสินค้า” เมื่อเสร็จเรียบร้อย จะปรากฏหน้าต่างที่สำหรับตั้งค่าและใส่รายละเอียดสินค้าเบื้องต้น ตามด่านล่าง

 

 

1. รูปภาพ  คุณสามารถคลิกและแก้ไข อัปโหลดรูปได้ตามที่ต้องการ โดยอัปโหลดได้ครั้งละหลายรูป สูงสุดถึง 30 ภาพ ต่อสินค้า โดยมีขนาดรูปที่แนะนำคือ 1500x1500 px พร้อมรองรับนามสกุล .jpg หรือ .png กำหนดขนาด ไม่เกิน 5 MB 

 

2. ชื่อสินค้า สามารถกำหนดชื่อสินค้าได้สูงสุดไม่เกิน 200 ตัวอักษร 

 

3. รหัสสินค้า*  เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา จัดการและจดจำได้มากยิ่งขึ้น สามารถกดหนดรหัสสินค้าเองได้ โดยใช้ตัวอักษรหรือตัวเลข สูงสุดไม่เกิน 255 ตัวอักษรและต้องไม่ซ้ำกัน

 

4. รายละเอียดสินค้า  สำหรับส่วนนี้สามารถกรอบข้อมูลได้ด้วยการใช้เครื่องมือ กรอก Text Editor และยังปรับตกแต่งตัวอักษรเพิ่มเติมได้อีกด้วย

 

5. รูปแบบการกำหนดราคา  อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการตั้งราคา คุณสามารถเลือกรูปแบบการกำหนดราคาได้ 2 แบบ คือ ราคาสำหรับการซื้อต่อชิ้น หรือ ราคาสำหรับการซื้อตามจำนวน

 

6. น้ำหนัก ส่วนนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถใช้คำนวณค่าจัดส่งได้

 

7. สต๊อก สำหรับธุรกิจที่มีระบบให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ด้วยตนเอง จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณสามารถเปิดการใช้การระบบสต๊อก เพื่อใช้ใส่จำนวนคงเหลือของสินค้า เมื่อมีคนซื้อสินค้าจำนวนสินค้าจะถูกหักจากสต๊อกอัตโนมัติ ลดความยุ่งยากที่ต้องคอยหักเองซ้ำ ๆ และเมื่อสินค้าหมดสต๊อก ระบบจะแสดงสถานะว่าสินค้าหมดทันที

 

8. สถานะสินค้า  คุณสามารถกำหนดได้ว่าต้องการแสดงสถานะสินค้าแต่ละชิ้นบนหน้าเว็บไซต์ได้ โดยมีทั้งหมด 2 รูปแบบ

 

  • สถานะแสดง คือ แสดงผลสินค้าชิ้นนั้นบนหน้าเว็บไซต์ตามปกติ

 

  • สถานะซ่อน เลือกเพื่อไม่ให้แสดงผลในหมวดหมู่สินค้าบนหน้าเว็บไซต์ 

 

9. ป้ายกำกับ  ใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น คุณเพิ่งอัปโหลดสินค้าตัวล่าสุดเพิ่มเข้ามา สามารถใส่ป้ายกำกับสินค้าว่า ใหม่ล่าสุด เพื่อให้ทุกคนรู้ อีกทั้งยังสามารถบอกได้ว่า สินค้าชิ้นไหนขายดี หรือแนะนำ เป็นต้น

 

10. จำนวนสินค้าที่ขายไปแล้ว  ส่วนนี้จะสามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า คุณมีการซื้อขายสินค้าจริง และมีคนสนใจสินค้าของคุณจริง สามารถระบุจำนวนที่ขายจริงบนเว็บไซต์ได้

 

11. ชื่อ Folder (Static URL)  คุณสามารถตั้งค่า Static URL ให้กับหน้าสินค้านั้น ๆ ได้ ง่ายต่อการค้นหา จำจดลิงก์  โดยสามารถใส่เฉพาะตัวอักษรหรือตัวเลขและเครื่องมือ – เท่านั้น ห้ามมีช่องว่างใด ๆ

 

12. กลุ่มสินค้า  ทุกครั้งที่เพิ่มสินค้าเข้าไป สามารถคลิกเลือกหมวดหมู่สินค้าที่ต้องการให้สินค้าชิ้นนี้อยู่ได้

 

13. รูปแบบการสั่งซื้อ สำหรับธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการแล้ว สามารถกำหนดได้ 2 รูปแบบคือ ปุ่มสั่งซื้อ ที่สามารถสั่งซื้อได้ทันที และ สามารถเลือกได้ 2 รูปแบบ คือ ปุ่มสั่งซื้อ หรือ แบบฟอร์มติดต่อกลับ ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มไว้สำหรับติดต่อกลับ มักใช้ในกรณีที่สินค้าหรือบริการนั้น ๆ จำเป็นต้องมีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจซื้อเพิ่มเติม

 

14. สินค้าที่เกี่ยวข้อง  หลังจากที่ลูกค้าพิมพ์ค้นหาสินค้าด้วยชื่อสินค้า รหัสสินค้า หรือแม้กระทั่งคลิกค้นหาก็ตาม คุณสามารถเพิ่มการแสดงผลสินค้าชิ้นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ จะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มยอดขายอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าต้องการซื้อโต๊ะไม้สีขาวและกดพิมพ์ค้นหา คุณสามารถเพิ่มสินค้าชิ้นอื่นที่เกี่ยวข้องเช่น เก้าอี้ไม้สีขาว พรมสีขาว เป็นต้น

 

หลังจากที่กรอกรายละเอียดสินค้าอย่างครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว แล้ว คลิกปุ่ม "บันทึกการตั้งค่าเบื้องต้น" ได้เลย

5. การเชื่อมระบบ R-Shop ไปให้ไปแสดงอยู่ในหน้าเว็บไซต์

 

 

หลังจากที่จัดการสินค้าและตั้งค่าต่าง ๆ ในส่วนของ R-Shop เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถคลิก ที่ R-Web ตามรูป เพื่อเป็นการเชื่อม R-Shop เข้าไปไปแสดงผลอยู่บนหน้าเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์

 

6. การติดตั้ง R-Widget เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน

 

สำหรับ R-Shop สามารถติดตั้ง R-Widget เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในใช้งานได้ โดยระบบจะสร้างลิงก์รายการสั่งซื้อของสินค้าต่าง ๆ ในร้าน และสามารถส่งลิงก์ดังกล่าวให้กับลูกค้าเพื่อดำเนินการสั่งซื้อได้ โดยลิงก์จะถูกส่งไปยังช่องทางแชทต่าง ๆ  เช่น Chatday, LINE, Facebook Messenger เป็นต้น

 

ยกตัวอย่างการส่งลิงก์รายการสั่งซื้อผ่าน Chatday

 

เมื่อทีมขายคัดลอกลิงก์รายการสั่งซื้อของ R-Shop ไปส่งยัง Chatday ให้ลูกค้าดำเนินการสั่งซื้อ หลังจากที่คลิกลิงก์จะขึ้นหน้าต่างรายการให้ลูกค้าตรวจสอบก่อนยืนยันการสั่งซื้อ หรือซื้อสินค้าอื่น ๆ เพิ่มเติม ลูกค้าจะสามารถกรอกข้อมูลที่อยู่ เลือกรูปแบบการจัดส่ง เลือกวิธีการชำระเงิน และกดยืนยันการสั่งซื้อ หลังจากนั้นร้านค้าจะได้รับอีเมลรายการสั่งซื้อของลูกค้า และเข้าไปตรวจสอบในระบบ R-Shop เกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ ได้ ทั้งเป็นระบบและประหยัดเวลา รวมถึงข้อมูลไม่ตกหล่นอีกด้วย

 

7. วิธีใช้และจัดการ Order Management

 

 

สำหรับรายการสั่งซื้อทั้งหมดของระบบ R-Shop จะถูกส่งไปยังระบบ R-CRM และสามารถจัดการบริหารรายการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คุณสามารถคลิกเมนู "จัดการ" เพื่อไปยังระบบบริหารจัดการรายการสั่งซื้อ จะขึ้นหน้าต่างคล้าย ๆ กับ Inbox ของ Email

 

 

โดยใน Order Management คุณจะสามารถค้นหารายการสั่งซื้อและข้อมูลผู้ติดต่อ, จัดการรายการสั่งซื้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดูรายละเอียดรายการสั่งซื้อและทะเบียนลูกค้า, จัดการสถานะรายการสั่งซื้อ, เพิ่มบันทึกและส่งอีเมล, เพิ่มป้ายกำกับ, ตั้งค่าเวลาแจ้งเตือน, พิมพ์ที่อยู่ในการจัดส่ง รวมถึงย้ายรายการสั่งซื้อและส่งต่อได้ อีกทั้งการสามารถเลือกดูรายการสั่งซื้อ โดยแบ่งเป็นสิทธิ์ระดับผู้ใช้, สิทธิ์ระดับผู้ดูแล หรือเลือกดูตามสถานะการสั่งซื้อได้ด้วย

 

เห็นได้ชัดว่า R-Shop ของ Readyplanet คือแพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ ที่มาพร้อมเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One สำหรับทำเว็บไซต์ สามารถช่วยเพิ่มช่องทางการขายใหม่ได้ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับระบบต่าง ๆ มียิ่งเสริมให้การขายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น R-Widget, สะสมแต้ม PointSpot, Order Management, ปุ่มติดต่ออัจฉริยะสำหรับเว็บยุคใหม่, Chatday และอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง R-CRM แพลตฟอร์มบริหารจัดการลูกค้า ทีมขาย และการตลาดตอบโจทย์สำหรับธุรกิจที่มีทีมขายและกำลังทำโฆษณาออนไลน์ เพราะมีสินค้าหรือบริการที่ต้องนำเสนอขาย รวมถึงลูกค้าต้องการระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อ ช่วยให้ทีมขายสามารถติดตามงานขายในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ วัดผลได้จริง มีสถิติสำคัญสำหรับหัวหน้าทีมขาย และผู้บริหาร ในการทำ Data-Driven เพื่อบรรลุเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น เมื่อธุรกิจมีเครื่องมือที่สุดยอดเป็นอาวุธ ย่อมไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน

 

สมัครใช้งาน Readyplanet Marketing Platform ฟรี 

Readyplanet Marketing Platform คือแพลตฟอร์มการขายและการตลาดแบบ All-in-One ที่ครอบคลุมทั้งการโฆษณา เว็บไซต์ และระบบลูกค้าสัมพันธ์ ให้ธุรกิจของคุณ Go Online และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยเครื่องมือ Marketing Tech ที่มีคุณภาพและทรงพลัง บริหารจัดการง่าย ไร้กังวล ในที่เดียว