ใช้ Generative AI สร้างคอนเทนต์เว็บไซต์อย่างไร ให้แซงคู่แข่ง SEO
เมื่อพูดถึง Generative AI หรือที่มักเรียกกันย่อ ๆ ว่า Generative AI เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดทุกท่านคงไม่มีใครที่ยังไม่รู้จัก แถมเรายังได้ยินเรื่องการใช้งาน Generative AI ในทุกสาขาอาชีพอย่างกว้างขวางและขยายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Generative AI ในงานด้านการเงินการลงทุน, การใช้เทคโนโลยี Generative AI ในด้านการแพทย์, การใช้ AI ในการเขียนโปรแกรมมิ่ง ไปจนถึงการใช้ Generative AI ในด้านการขายและการตลาด นอกเหนือจากการพูดถึงเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแล้ว ในข่าวสารอีกมากมาย ยังพูดถึงผลกระทบของ Generative AI ที่จะเข้ามาแทนที่คนงาน และผลเสียของการใช้งาน Generative AI ในทางที่ผิดอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของ Generative AI ที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดและมีการเรียนรู้ข้อมูลอยู่เสมอ ทำให้ Generative AI ได้ถูกนำมาใช้ในการสร้างคอนเทนต์ SEO, บทความทางการตลาดเพื่อให้มีโอกาสติดอันดับที่ดี บน Google Search ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าการสร้างคอนเทนต์ด้วย Generative AI ให้น่าสนใจ มีประสิทธิภาพในการเชิงการตลาดและนำไปสู่การปิดการขายได้สำเร็จนั้นทำอย่างไรได้บ้างและที่สำคัญคือจะแซงคู่แข่ง SEO ได้อย่างไร ไปดูเทคนิคการทำ SEO ที่ Readyplanet นำมาฝากในวันนี้ได้เลยค่ะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- Generative AI กำลังจะเปลี่ยน Search Engine และพฤติกรรมลูกค้า
- Generative AI คืออะไร?
- Generative AI ทำงานอย่างไร?
- การสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ โดยใช้ Generative AI สำหรับการทำ SEO
- Google อนุญาตให้ใช้ Generative AI Content และจัดอันดับ SEO หรือไม่?
- ปัญหาที่เจอในการใช้ Generative AI ในการผลิต SEO Content
- เทคนิคในการเอาชนะคู่แข่งบน SEO ด้วย Generative AI คอนเทนต์
- ก้าวต่อไปของ Generative AI กับการทำ SEO
Generative AI กำลังจะเปลี่ยน Search Engine และพฤติกรรมลูกค้า ธุรกิจต้องรีบปรับกลยุทธ์ SEO ด่วน
คุณคิดว่าข้อความ A หรือ B ในรูปด้านล่างนี้ที่เขียนด้วย Generative AI?
(เฉลยคำตอบท้ายบทความ)
เมื่อพูดถึง Generative AI แล้ว เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดทุกท่านคงไม่มีใครไม่รู้จัก แถมเรายังได้ยินเรื่องการใช้งานในทุกสาขาอาชีพอย่างกว้างขวางและขยายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Generative AI ในด้านการเงินการลงทุน, เทคโนโลยี AI ในการแพทย์, การใช้ Generative AI ในการเขียนโปรแกรม ไปจนถึงการใช้ Generative AI ในด้านการสนับสนุนการขายและการตลาดของธุรกิจ นอกเหนือจากการพูดถึงเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและประโยชน์ของการใช้ Generative AI แล้ว ในข่าวสารยังพูดถึงผลกระทบของ Generative AI อีกมากมายในมุมมองต่าง ๆ ที่จะเข้ามาแทนที่พนักงานละผลเสียของการใช้งาน Generative AI ในทางที่ผิด
Generative AI คืออะไร?
ในขณะที่ AI (Artificial Intelligence) คือ ความสามารถในการเรียนรู้รูปแบบพฤติกรรมโดยคอมพิวเตอร์จากข้อมูลมหาศาลที่ใส่เข้าไป แต่ Generative AI คือ AI ที่สามารถสร้างข้อมูลขึ้นมาใหม่ได้จากการเรียนรู้เรื่องที่ผ่านมา โดยข้อมูล “สร้างใหม่” ดังกล่าวสามารถออกมาในรูปแบบ เสียง (เช่น เพลง) ตัวหนังสือ (เช่น บทความ หรืองานเขียน) รูปภาพ (เช่น ภาพถ่าย งานออกแบบตกแต่งภายใน) มัลติมีเดีย (เช่น คลิปวีดีโอ) ไปจนถึง Coding & Programming
Generative AI ทำงานอย่างไร?
Generative AI สามารถเรียนรู้รูปแบบ (Pattern), โครงสร้าง (Structure) และลักษณะ (Characteristics) ของข้อมูลที่ใช้ฝึกแล้วจึงสร้างผลลัพธ์เสมือนมนุษย์เป็นผู้รังสรรค์ได้ โดยไม่ต้องลอกเลียนงานอื่น ๆ (Authentic output) ยิ่ง Generative AI ถูกป้อนข้อมูลเข้าไปมากเท่าใด ก็จะช่วยให้ได้เรียนรู้และฝึกฝนการวิเคราะห์รูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูลมากเท่านั้น จนนำไปสู่การเพิ่มความชำนาญในการสร้างสรรค์ผลลัพธ์ด้วย
นอกจากนี้ การเรียนรู้ของ Generative AI ด้วย โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) ทำให้สามารถใช้งาน Generative AI ได้แบบ Low-code/ No-code ซึ่งหมายถึงการที่แอปพลิเคชันหรือโปรแกรมสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้โดยพึ่งพาการเขียนโค้ดน้อยที่สุด (Low code) หรืออาจไม่ต้องเขียนโค้ดเลยก็ได้ (No code) และ Generative AI ยังมีความสามารถในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) หรือภาษามนุษย์ ซึ่งช่วยให้มนุษย์สื่อสารกับ Generative AI ได้ด้วยการป้อนเพียงคำสั่งหรือสิ่งที่เราต้องการ (Prompt) ในรูปแบบภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารระหว่างกันทั่วไปแทนการเขียนโค้ดหรือโปรแกรมที่ยุ่งยาก ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์กับ Generative AI มีความคล้ายคลึงการสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง
(Source: Ahrefs SEO Summit 2023)
(Source: Ahrefs SEO Summit 2023)
(Source: Ahrefs SEO Summit 2023)
การสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ โดยใช้ Generative AI สำหรับการทำ SEO
ปัจจุบันนี้ ในด้านการทำ SEO ได้มีการนำ Generative AI มาใช้กันอย่างกว้างขวางในการสร้างปริมาณ เพิ่มคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการผลิตคอนเทนต์ อาทิเช่น บทความหรือรายละเอียดสินค้า การใช้ Generative AI มาช่วยในกระบวนการสร้างบทความ SEO ตั้งแต่การ Research Keywords, หาไอเดียหัวข้อบทความ เขียนเนื้อหาบทความ ทำรูป สามารถช่วยประหยัดเวลาได้มาก จากที่ต้องใช้เวลาทั้งหมด 22-31 ชั่วโมงต่อบทความ เหลือเพียงแค่ 7-8 ชั่วโมงต่อบทความเท่านั้น
(Source: Ahrefs SEO Summit 2023)
Google อนุญาตให้ใช้ Generative AI Content และจัดอันดับ SEO หรือไม่?
เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากว่า Google อนุญาตให้ใช้ Generative AI Content หรือไม่ และ Google จัดอันดับ SEO ให้ Generative AI Content หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อาจถกเถียงกันได้ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม Google ได้เปิดเผยใน Search Console Blog อย่างชัดเจนว่า Google ให้คะแนนและจัดอันดับให้คอนเทนต์คุณภาพสูง โดยไม่คำนึงว่าผลิตมาอย่างไร และในขณะเดียวกัน ก็ลงโทษ คอนเทนต์คุณภาพต่ำ โดยไม่คำนึงว่าผลิตมาอย่างไรเช่นกัน ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า นักการตลาดสามารถใช้ Generative AI Content ในเว็บไซต์ได้ตราบเท่าที่มีคุณภาพสูง คือมีความสดใหม่ ไม่ซ้ำกับใคร เนื้อหามีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
(Source: Ahrefs SEO Summit 2023)
ปัญหาที่เจอในการใช้ Generative AI ในการผลิต SEO Content
นักการตลาดทุกคนจะทราบว่าการใช้ Generative AI ในการสร้างเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งหากดูแบบผิวเผินจะได้ผลลัพท์ที่พร้อมใช้งาน แต่เมื่อมองลึกลงไป บ่อยครั้งจะพบว่าเราไม่สามารถนำงานชิ้นนั้นมาใช้งานได้ทันที และยังพบปัญหาในการนำ Generative AI มาผลิตคอนเทนต์เว็บไซต์อื่น ๆ โดยปัญหาที่อาจจะเจอได้ในการใช้ Genarative AI ในการผลิต SEO Content มีดังต่อไปนี้
- บทความขาดความ unique และไม่มีความโดดเด่น
- เนื้อหาไม่ลงลึกและไม่น่าสนใจมากพอ
- ภาษาไม่ใช่สไตล์ภาษาแบบที่องค์กรที่ต้องการ
- ไม่มีข้อมูลธุรกิจ ไม่รู้จักองค์กร
- ไม่รู้จักสินค้าและจุดแข็งของสินค้า
- ไม่รู้จักตลาดและคู่แข่ง
- ไม่รู้จักลูกค้า ทำให้สื่อสารไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายการตลาด
- ข้อมูลทางด้านการตลาดไม่อัปเดต
ซึ่งปัญหาข้างต้นเหล่านี้ ส่งผลให้เวลาที่นักการตลาดน่าจะได้ประหยัดเวลาในการทำ SEO โดยใช้ Generative AI กลับต้องเอามาเสียเวลาให้กับในการปรับปรุงแก้ไขคอนเทนต์และบทความจาก Generative AI เหล่านี้ให้สามารถนำไปใช้งานได้ ดังนั้นแนวทางเบื้องต้นที่จะนำไปใช้ในการใช้ Generative AI สร้างคอนเทนต์ ได้แก่
- การสร้าง prompt ที่ถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์และครอบคลุมความต้องการของเรา
- การพูดคุยกับ Chat หลาย ๆ ระบบและเอาข้อมูลมาเรียบเรียงต่อกันให้มีความไหลลื่น
- การ review และ edit โครงสร้าง และภาษา
- การแทรกข้อมูลบริษัท ข้อมูลสินค้า และจุดขายของสินค้า
- การใส่โครงสร้าง SEO และแทรกคีย์เวิร์ด SEO
คิดใหม่ทำใหม่ เทคนิคในการเอาชนะคู่แข่ง SEO ด้วย Generative AI คอนเทนต์
- ใช้เครื่องมือ SEO อาทิ Ahrefs, Moz, SEMrush เนื่องจากเครื่องมือเหล่านี้ให้ข้อมูล Insights ในการหาเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีความน่าสนใจโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
- ใช้เวลาที่ประหยัดได้ในการทำ Research ด้านคีย์เวิร์ดกลุ่มใหม่ ๆ และหัวข้อบทความที่โดดเด่นและดึงดูดความสนใจจากลูกค้า การวิเคราะห์คู่แข่ง และกลยุทธ์การเอาชนะคู่แข่ง
- เลือกใช้เครื่องมือ Generative AI หลาย ๆ เครื่องมือ เพราะเครื่องมือแต่ละตัวมีจุดเด่นและจุดอ่อนไม่เหมือนกัน Generative AI หลายตัวเก่งในเรื่องผลิตคอนเทนต์คุณภาพต่ำ และไม่ได้ช่วยสร้างคุณภาพและประสิทธิภาพให้นักการตลาดตามที่ต้องการ แต่เครื่องมือ Generative AI บางตัวสามารถช่วยให้งานเขียนของบริษัทเราโดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน
- เรียนรู้เครื่องมือ Genertive AI อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเครื่องมือแต่ละตัวมีการอัปเดตความสามารถอย่างรวดเร็ว และแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อดึงดูดการใช้งาน ดังนั้น Generative AI แต่ละตัว แต่ละแบรนด์ได้มีการพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดด จึงจำเป็นที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดต้องติดตามเทรนด์ รวมถึงความสามารถเหล่านี้ให้ทัน
- อัปสกิลทักษะการใช้ Prompt อยู่เสมอ เพราะบ่อยครั้งที่ Generative AI สร้างคอนเทนต์คุณภาพต่ำ ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากที่สกิลการสร้าง Prompt ของเรายังไม่ดีเท่าที่ควรนั่นเอง นอกจากนั้น ยังมีเครื่องมือสร้าง Prompt อีกมากมายหลายตัว ที่สามารถช่วยให้งานสร้าง Prompt ง่ายและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดก็ควรต้องศึกษาเพิ่มเติมไว้ด้วยเช่นกัน
ก้าวต่อไปของ Generative AI กับการทำ SEO
ถึงวันนี้ที่ใคร ๆ อาจจะมองว่า Generative AI พัฒนาก้าวกระโดดไปเร็วมาก ๆ แต่ความเป็นจริงก็คือยุคแห่ง Generative AI เพิ่งจะเริ่มต้นและสิ่งที่เห็นที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่การแตะผิวของเทคโนโลยีเท่านั้น ความเร็วของพัฒนาการจะก้าวกระโดดในไม่ช้านี้ Generative AI จะเรียนรู้ได้เพิ่มขึ้นเร็วขึ้น ด้วย Input/Output ที่หลายหลายรูปแบบมากขึ้น นอกจากนั้น Search Engine กำลังจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงพฤติกรรมลูกค้าของเราก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงตามในไม่ช้านี้เช่นกัน
ดังนั้น ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดที่ทำ SEO ที่ต้องมีการสร้างเนื้อหาใหม่และคอนเทนต์ใหม่ให้ธุรกิจอยู่ตลอดเวลา และยังไม่ได้เริ่มใช้ Generative AI ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มหันมาเรียนรู้ในด้านนี้ให้มากขึ้นหรือท่านใดได้ลองใช้แล้ว แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็ได้เวลาแล้วเช่นกันที่จะวางแผนเรียนรู้ให้จริงจังและจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะ Generative AI สามารถเพี่มประสิทธิภาพในการสร้างคอนเทนต์ใหม่และมีคุณภาพสูง ได้มากกว่า 10 เท่าตัว และธุรกิจที่ใช้งาน Generative AI ได้ดีกว่า จะมีความสามารถให้การเป็นผู้นำตลาดและเจ้าตลาดบน Search Engine และ SEO ได้ไม่ยาก
และจากคำถามข้างต้น ที่ถามไว้ว่า "คิดว่าข้อความ A หรือ B ในรูปด้านล่างนี้ที่เขียนด้วย Generative AI?" ซึ่งคำตอบก็คือ ทั้ง A และ B เป็นเนื้อหาที่ได้ Generative AI เหมือนกัน แต่มาจากคนละเครื่องมือกัน
สำหรับผู้ที่สนใจบริการ Readyplanet Smart SEO เพื่อยกระดับคุณภาพเว็บไซต์ของธุรกิจ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่