สร้างเว็บไซต์ด้วย แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ ฉบับรวบรัดแบบมือโปร
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำการตลาดออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจหรือบริการของคุณเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ดีโดยที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการทำตลาดแบบเดิมหรือ Offline Marketing รวมถึงสามารถเป็นการทำการตลาดที่ควบคู่ทั้ง Online และ Offline เพื่อวางกลยุทธ์แบบ O2O ที่สามารถทำการตลาดจากที่นึงเพื่อส่งต่อไปอีกที่หนึ่งก็ได้ การทำเว็บไซต์ธุรกิจจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
หลายคนเมื่อพูดถึงการสร้างเว็บไซต์ออนไลน์หรือการทำเว็บไซต์สำเร็จรูปจะรู้สึกว่าเป็นสิ่งไกลตัว เป็นแพลตฟอร์มที่ยังไม่จำเป็น แต่แท้จริงแล้วแฟลตฟอร์มเว็บไซต์สามารถทำการตลาดและเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้มากกว่าที่คุณคิด อีกทั้งการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ดูเป็นเรื่องยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายเยอะ การใช้เว็บไซต์สำเร็จรูปจึงเป็นตัวเลือกที่ดีและเหมาะกับธุรกิจตั้งแต่ SMEs ไปจนถึงระดับ Enterprise วันนี้ Readyplanet จะมาแนะนำแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์แบบมือโปร ที่ช่วยให้เว็บของคุณติดหน้าการค้นหาแสดงความเป็นมืออาชีพให้กับลูกค้าของคุณ
ข้อดีของการมีเว็บไซต์ธุรกิจ
1. สร้างโปรไฟล์ให้ธุรกิจ มีความน่าเชื่อถือ
จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมเสิร์ชหาข้อมูลเพื่อค้นหาและประกอบการตัดสินใจก่อนการซื้อสินค้าจริง หากผู้คนที่ค้นหาข้อมูลพบหน้าเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ พร้อมข้อมูลบริการ ประเภทสินค้า คำอธิบายเกี่ยวกับธุรกิจและช่องทางการติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ B2B หรือ B2C ก็ตาม ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เยี่ยมชมและเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจสั่งซื้อมากขึ้น
2. ปรับร้านค้าให้เป็นออนไลน์ พร้อมขาย 24 ชม.
ลองเปลี่ยนจากการมีหน้าร้านออฟไลน์ ที่ต้องมีการบริหารจัดการพนักงาน มีเวลาเปิด-ปิดทำการ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝง เป็นการเพิ่มเว็บไซต์ที่สามารถทำการซื้อขายได้ทันที ที่สำคัญยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียว เปรียบเทียบว่าช่วงเวลาที่คุณพักผ่อนแต่ระบบของเว็บสามารถเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อ และกดชำระเงินผ่านตัวเลือกที่หลายกหลาย ร้านค้าพร้อมทำการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายมากขึ้นและลดต้นทุนในการจ้างพนักงานเฝ้าหน้าร้าน
3. เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและตรงกลุ่ม
การรีเสิร์ช keywords ถือเป็นการบ้านอย่างหนึ่งในการเริ่มต้นทำเว็บไซต์ คีย์เวิร์ดเหล่านี้จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการค้นเจอและพบเจอเว็บไซต์ของคุณที่หน้า Search Engine หรือ Google และช่วยเพิ่ม Traffic ในการเข้าเว็บแบบมีคุณภาพ เพราะมีโอกาสที่คำค้นหาเหล่านั้นตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ ช่องทางนี้จึงเป็นการเข้าถึงแบบ Organic (โดยธรรมชาติ ไม่เสียค่าใช้จ่าย) สามารถใช้เครื่องมือของ Google เอง อย่าง Google Trends หรือ Google Keyword Planner ซึ่งหากต้องการได้กลุ่มลูกค้าที่รวดเร็ว การโฆษณา Google Ads เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน หากธุรกิจของคุณมีงบประมาณที่นำมาวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้ ใส่เว็บไซต์เป็นปลายทางรองรับโฆษณา เพื่อให้คนคลิกสั่งซื้อสินค้า และอย่าลืมปรับหน้าเว็บไซต์ให้ดีไซน์สวยงาม ได้คุณภาพ รองรับ Device ทุกประเภท ข้อดีของการใช้แพลตฟอร์มเว็บไซต์ที่ได้คุณภาพอีกอย่างหนึ่งคือ อาจมีการเก็บข้อมูลที่สามารถนำมา Analyst Data เพื่อต่อยอดและพัฒนายอดขายได้ดีขึ้น
แนะนำแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ฉบับมือโปร
สำหรับใครที่กำลังมองหาเว็บไซต์ธุรกิจที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง Readyplanet แนะนำแพลตฟอร์มเว็บไซต์ R-Web แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภทและมาพร้อมเครื่องมือการตลาดครบครันที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากที่คุณจดโดเมนเว็บไซต์เรียบร้อย ลองมาดูขั้นตอนสร้างเว็บแบบมืออาชีพกัน
1. เริ่มต้นสมัครใช้งานเว็บไซต์ R-Web
หลังจากมีชื่อโดเมนเว็บไซต์ (ชื่อโดเมนเว็บไซต์ จะนำมาผูกกับเว็บไซต์ได้หลังจากอัปเกรดเป็นแพ็กเกจตั้งแต่ Premium ขึ้นไป) ข้อมูลรายละเอียดสินค้าหรือบริการ กลุ่มเป้าหมายของคุณแล้ว เริ่มต้นทดลองใช้งาน R-Web ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเขียนโค้ด เพราะเว็บไซต์ของเราออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ง่าย อัปโหลดเนื้อหาต่าง ๆ เพียงล็อคอินเข้าระบบจะเจอรายการ R-Web แบบนี้
2. กำหนดโครงสร้าง วาง stie map เว็บไซต์
เพื่อให้หน้าเว็บของเราเป็นระบบมากขึ้น เช่นมีหน้าหลัก หน้าข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ หน้ารายการ สินค้าแบบแยกประเภท หน้าชำระเงิน เป็นต้น โดยแต่ละหน้ากำหนดชื่อเป็นภาษาอังกฤษตามด้วยภาษาที่เราสร้างเว็บ เช่น index, home, history ช่วยให้จัดการได้ดีในการทำเว็บและไม่ต้องเสียเวลารื้อในภายหลัง รวมถึง Lay Out และดีไซน์ภาพรวมต่าง ๆ
3. สร้างเว็บไซต์ด้วย R-Web
หลังจากเข้ามาที่ระบบ R-Web จะเห็นหน้าเมนูที่สามารถเพิ่มเติมหรือปรับแก้ไขได้ตามต้องการ เลือกเมนูได้ 8 ประเภท คือ บทความ ,Landing Page ,เมนู Tag ,หมวดหมู่สินค้า ,ป้ายกำกับสินค้า ,เมนูข้อความ ,เมนูลิงก์ , เมนูสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ Commerce หรือเป็นเว็บบล็อกก็ใช้งานได้ตามความต้องการ และอย่าลืมลิงก์หน้าเพจเชื่อมโยงกันแต่ละหน้าเพื่อคลิกหากันได้โดยไม่มีปัญหา
4. การจัดการข้อมูลเนื้อหาในเว็บไซต์
ขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณตัดสินใจอยู่ต่อหรือคลิกออกจากหน้าเว็บ นั่นคือหน้ารายการสินค้าหรือบริการ ที่มีภาพประกอบสวยงาม ชัดเจน ในส่วนนี้จะอยู่ในหน้าเมนูประเภท บทความ/สินค้า สามารถใส่รูปภาพประกอบเนื้อหา ได้หน้าละ 7 รูป ซึ่งรองรับทั้งแบบกดอัพโหลดรูปภาพ และแบบ Video โดยใช้ URL จาก YouTube เท่านั้น เพื่อให้ผู้เข้าชมคลิกดูวีดีโอบนเว็บไซต์ของคุณได้ทันทีและเพิ่มยอดเข้าชม (Views) ได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถลากเปลี่ยนสลับตำแหน่งของแต่ละรูปได้ หรือคลิกซ่อน หากไม่ต้องการให้แสดงรูปประกอบเนื้อหานั้น นอกจากนี้ยังมีส่วนเสริมอื่น ๆ เช่น Section แบบฟอร์, Section HTML
5. ขั้นตอนตั้งค่า SEO ช่วยให้ติดหน้าเสิร์ช
ที่ส่วนจัดการเว็บไซต์ จะปรากฎสัญลักษณ์ฟันเฟือง คลิกที่สัญลักษณ์ดังกล่าว และเมนู "ตั้งค่าสำหรับ SEO" ที่รองรับการใส่คีย์เวิร์ดให้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์แต่ละหน้า และแน่นอนว่าส่งผลกับการจัดอันดับเว็บไซต์ ของ Google แบบ Organic ในระยะยาว โดยหลัก ๆ จะมีในส่วนของ Title Tag, Meta Description และ Meta Keywords
6. ติดตั้ง R-Widget ติดต่อได้ทุกช่องทาง
แม้เว็บไซต์จะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ด้วยตัวเอง แต่ข้อเสียของเว็บไซต์ส่วนมาก คือ หาช่องทางการติดต่อยาก หรือไม่มีช่องทางการติดต่อ และสาเหตุนี้อาจทำให้เสียลูกค้าในอนาคต เว็บของเราจึงมีเครื่องมือรวมทุกช่องทางการติดต่อ ปรับแต่งได้ด้วยตัวเอง พร้อมระบบ Chat ที่สามารถจัดการจากเว็บ, LINE OA และ Facebook Messanger ได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังมี Cookie Consent Banner ที่ช่วยให้เว็บไซต์และผู้เยี่ยมชมของคุณปลอดภัยมากขึ้น
โดยสามารถเข้าไปจัดการได้ที่หลังบ้าน และดูข้อมูลสถิติของ Widget เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ของธุรกิจคุณ
7. เชื่อมต่อระบบ R-Shop คลิกซื้อสินค้า
มาถึงขั้นตอนสร้างแพลตฟอร์มร้านค้า โดยสามารถเพิ่มหมวดหมู่สินค้า หมวดหมู่ย่อย จัดเรียงเนื้อหา หรือแก้ไข รองรับรูปภาพนามสกุล (File type) .jpg หรือ .png ขนาดไฟล์ (File Size) ไม่เกิน 5 MB โดยสามารถใส่จำนวน ราคาสินค้า สต็อคสินค้าเพื่อแสดงให้ลูกค้าที่เข้าหน้าเว็บของคุณทราบสถานะขณะนั้นได้
8. เชื่อมต่อ R-CRM เพื่อจัดการ lead รายชื่อ
ออกแบบเพื่อธุรกิจที่มีทีมขายและรายชื่อลูกค้าจำนวนมากที่ต้องบริหารจัดการ สามารถเพิ่มข้อมูลสินค้าและบริการ สร้าง Quotation และ Invoice รวมถึงติดตามรายการขายและดูข้อมูลสถิติต่าง ๆ ได้ โดยคลิกที่ R-CRM จากหน้าล็อคอินหลัก และเลือกที่ปุ่มแฮมเบอร์เกอร์ (ขีดสามขีดด้านบนซ้าย) เพื่อเลือกรายการต่าง ๆ และจัดการให้เหมาะสมกับธุรกิจ
R-Web ยังสามารถเพิ่มฟังก์ชันอื่น ๆ เพื่อทำงานร่วมกับเว็บไซต์สำเร็จรูป ให้ธุรกิจหรือบริการของคุณพัฒนาและเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น วิธีการทั้งหมดสามารถสร้างแพลตฟอร์มเว็บไซต์ของตัวคุณเองได้อย่างง่ายดา่ย ไม่ยุ่งยาก ดีไซน์สวยงาม และเครื่องมือต่าง ๆ ช่วยให้ปิดการขายได้ลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น มาพร้อมรูปแบบ Responsive Website ที่รองรับการใช้งานผ่านอุปกรณ์ทุกชนิด ช่วยให้ลูกค้าของคุณซื้อสินค้าได้ทันที กดดูรายละเอียดหรือไปยังช่องทางติดต่ออื่น ๆ ก็ไม่ยาก
