7 ฟีเจอร์สำคัญที่เว็บไซต์ควรมี
เว็บไซต์ คือ ร้านค้าใหญ่ที่อยู่บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าสินค้าจะเป็นแบบใด การสร้างร้านค้าให้น่าซื้อน่าดู คือหัวใจของการตกแต่งเว็บไซต์ ศิลปะในการจัดวาง UX/UI จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยการซื้อและการจดจำแบรนด์ในแบบที่จัดวางไว้ บทความนี้จึงจะพูดถึงฟีเจอร์สำคัญบนเว็บไซต์ที่ควรมี ที่ช่วยให้ดีไซน์บนเว็บไซต์ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง
1. Drag & Drop
เป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่ทุกเว็บไซต์ต้องมีเพราะสะดวกทีมงานที่ต้องอัพข้อมูลเป็นอย่างมาก เนื่องจากการใส่ข้อมูลบนเว็บไซต์ต้องใช้ปริมาณมากเพื่อให้เว็บไซต์เติบโต ทั้งการดีไซน์เว็บไซต์ ตัวคอนเทนต์บทความ รูปภาพ ซึ่งสัปดาห์นึงต้องใช้เป็นสิบคอนเทนต์ การขยับข้อมูลโยกไปมาได้ จะช่วยให้การทำงานหลังบ้านง่ายขึ้น แถมทางอ้อมยังช่วยให้เว็บไซต์เร็วขึ้นอีกด้วย
2. สามารถติดตั้ง SEO ในแต่ละหน้าได้
SEO เหมือนการสร้างแรงดึงดูดเพื่อเข้าหากลุ่มเป้าหมายผ่านคอนเทนต์บนเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยเก็บลูกค้าผ่าน Google ที่ลูกค้าเสิร์ชหาคีย์เวิร์ดมา ซึ่งคีย์เวิร์ดเป็นได้ทั้งกลุ่มคำ หรือประโยค เพราะลูกค้ามักเสิร์ชสิ่งที่เข้ามาแก้ปัญหามากกว่าคำหนึ่งคำ โดย SEO ที่สามารถสร้างบนเว็บได้คือ
- คอนเทนต์บนเว็บไซต์
- ชื่อหัวข้อบนเว็บไซต์
- ชื่อรูปภาพ
- ชื่อลิงค์บทความ
กล่าวง่าย ๆ คือส่วนใดที่สามารถเขียนได้ ก็สามารถสร้าง SEO ได้เช่นกัน SEO จึงเป็นเครื่องมือหลักในการหาลูกค้าผ่านเว็บไซต์ เป็นฟีเจอร์ที่ห้ามพลาดไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่สร้างมาเพื่อกดสั่งซื้อสินค้าหรืออ่านข้อมูดใด ๆ ก็ตาม
3. แบบฟอร์มที่เชื่อมต่อกับระบบ Lead Management
ตอนนี้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเกือบทุกแพลตฟอร์ม ทำให้ลูกค้ามีหลายช่องทางที่สามารถติดต่อสื่อสารได้ ซึ่งตรงนี้เองที่จะเป็นจุดเชื่อมระหว่างแบรนด์และลูกค้า บนเว็บไซต์จึงต้องมี Lead Management หรือช่องทางการติดต่อทั้งหมดที่สามารถติดต่อแบรนด์ได้ ควรใส่ไว้ที่ท้ายบทความเนื้อหาสำคัญ หรือช่องทางการชำระเงินต่าง ๆ เผื่อลูกค้ามีปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการสอบถามก็สามารถติดต่อได้ทุกทางตามที่ลูกค้าสะดวก เป็นเซอร์วิสที่สำคัญ หากเข้าถึงแบรนด์ง่ายก็จะช่วยแก้ไขปัญหาลูกค้าได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ก็ต้องมีระบบเก็บข้อมูลสำคัญของลูกค้าเพื่อเป็นฐานข้อมูลไปสู่กลยุทธ์การตลาด หรือข้อเสนอการปรับปรุง ทั้่งช่วยให้ลูกค้าสะดวกและพัฒนาคุณภาพของแบรนด์อีกด้วย
4. ระบบซื้อสินค้าออนไลน์
การซื้อออนไลน์แทบจะเป็นช่องทางการซื้อหลักสำหรับกลุ่มลูกค้าในไทยเป็นที่เรียบร้อย เพราะทั้งสะดวก ราคาถูก ซื้อได้ทุกที่ตลอดเวลา ร้านค้าออนไลน์จึงเป็นช่องทางการซื้อ 24 ชม. ที่แบรนด์ต้องมีซัพพอร์ตลูกค้า ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซื้อผ่านออนไลน์เกือบทุกอย่างทั้ง อาหาร ข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกซ์ หรือแม้กระทั่งต้นไม้ ออนไลน์จึงเป็นกลยุทธ์หลักที่แบรนด์หันมาใช้กันเยอะที่สุด ซึ่งข้อดีหลักของออนไลน์คือสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้ทั้งข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการซื้อ เพื่อให้แบรนด์สามรถทรีตลูกค้าได้ทั้งเก่าและใหม่ในเวลาเดียวกัน ซึ่งการจะสร้างร้านค้าออนไลน์ไม่ได้ยากเหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะมี R-Shop แพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ ที่มาพร้อมกับเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One สะดวกผู้ซื้อและง่ายต่อผู้ขาย
5. ระบบแนะนำสินค้าใกล้เคียง
ฟีเจอร์นี้น้อยคนมากที่จะรู้ว่าพลังว่าสำคัญมากแค่ไหนหากไม่เคยขายสินค้าเอง เพราะฟีเจอร์สินค้าใกล้เคียงนี้ไม่ใช่แค่ช่วยให้ลูกค้ารู้จักทางเลือก แต่จะช่วยให้ลูกค้าเกิดการเปรียบสินค้าแบบสมบูรณ์ เกิดการแข่งขันทางร้านค้าทางด้านราคาแบบชัดเจน เพราะลูกค้าจะเทียบกับสินค้าที่มีความใกล้เคียงกันทางด้านดีไซน์ ส่วนสุดท้ายหรือแรก ๆ ที่ลูกค้ามักเทียบเลยคือราคา แสดงว่าเมื่อลูกค้าอยู่จุดนี้จะเกิดการสั่งซื้อทันทีไม่ว่าร้านใดร้านนึง ฟีเจอร์นี้จึงช่วยกระตุ้นการซื้อกับลูกค้าแบบชัดเจน แถมยังช่วยให้ร้านค้าแอคทีฟในแพลตฟอร์มนั้น ๆ อีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้มีแค่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเท่านั้นที่จะทำได้ ซึ่ง R-Shop ก็เป็นอีกแพลตฟอร์มที่มีบริการนี้รวมถึงเครื่องมือการตลาดครบถ้วน ช่วยให้ร้านค้ากระตุ้นการสั่งซื้อของลูกค้าได้อย่างดี
6. ช่องทางการชำระเงินออนไลน์
ขั้นตอนสุดท้ายของการสั่งซื้อ ก็คือการชำระเงิน หลายแบรนด์เลือกจะประหยัดต้นทุนโดยการให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าผ่านไลน์ของร้านค้าหรือทักเฟสบุ้ค ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ผิดมาก เพราะสร้างความวุ่นวายให้กับการสั่งซื้อ เป็นการเพิ่มอีกขั้นตอนที่ลูกค้าไม่ชอบมากที่สุด เพราะกว่าจะทัก รอร้านค้าตอบ แค่ปล่อยเวลาไม่กี่วินาทีลูกค้าก็สามรถเปลี่ยนเป็นไม่ได้ซื้อได้ทันที ฟีเจอร์การชำระเงินบนเว็บไซต์จะช่วยให้ขั้นตอนการซื้อสมบูรณ์ไม่ต้องไปแพลตฟอร์มไหนอีก เป็นอีกฟีเจอร์สำคัญที่แบรนด์ห้ามปล่อยผ่านเด็ดขาด
7. มีช่องทางการติดต่อได้ 24 ชม
อีกฟีเจอร์สำคัญที่แบรนด์ใหญ่ ๆ ใช้กันคือ บริการตอบแชทลูกค้า 24 ชม. ไม่ว่าลูกค้าสั่งซื้อเวลาใดก็สามารถตอบสนองได้ทันที ฟีเจอร์นี้เหมือนสร้างความอุ่นใจให้ลูกค้า เหมือนมีพนักงานคอยตอบคำถามลูกค้าตลอดเวลา อย่างเช่น สินค้าชิ้นนี้มีพร้อมส่งหรือเปล่า มีสีอะไรบ้าง ต่อให้มีข้อมูลบอกแล้ว ลูกค้าก็อยากถามเพื่อความชัวร์ ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งหากแบรนด์มีหลายช่องทางในการซื้อก็ไม่ต้องกังวลเพราะ Chat Center จะรวมทุกการตอบแชทไว้ในที่เดียว ลดความผิดพลาดของแอดมิน เพิ่มความราบรื่นในการทำงาน แชทได้ทั้งจาก LINE OA และ แชทจาก Facebook Messenger เชื่อมต่อง่าย ตอบแชทได้แบบมือโปร
ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นฟีเจอร์ที่สร้างมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า รวมถึงกระตุ้นการสั่งซื้อให้มากขึ้นกว่าเดิม การมีเว็บไซต์ที่ดีทั้งสวยงามและใช้งานง่ายคือเว็บไซต์ที่น่าเข้ามากที่สุด การสร้างเว็บไซต์ จึงเป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก และตอนนี้การสร้างเว็บไซต์ก็ง่ายมาก อย่าง R-Web แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ ที่มาพร้อมกับเครื่องมือการตลาดแบบครบถ้วน ต่อให้ไม่มีความรู้มาก่อนก็สามารถสร้างได้อย่างง่ายดาย แถมช่วยให้คุณขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้เป็นอย่างดี
Updated: 29 June 2021 | Produced by: Ploynaphat Wattanachodjirachai