ทำ SEO อย่างยั่งยืนอย่างไร ให้ได้มากกว่าติดอันดับ Google

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า SEO หากต้องมีธุรกิจหรือร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเอง แต่ยังมีข้อสงสัยว่าจะเริ่มต้นและทำอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ยิ่งหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของเว็บไซต์ การทำ SEO ยิ่งส่งผลดีในระยะยาว หรือเรียกได้ว่าเป็นการทำแบบ sustainable คือทำวันนี้เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีระยะยาว

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

วางแผนการทำ SEO ระยะยาว เพิ่มคุณภาพให้เว็บไซต์ เพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ได้ประสิทธิภาพเพื่อให้ติดอันดับบนผลการค้นหาในหน้า Search Engine (เช่น หน้าแรกของ Google) เพื่อเพิ่มการมองเห็นและจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ซึ่งจากการวิจัยพบว่า “71.33% ของการเสิร์ชจะทำการคลิกผ่าน Organic results ในหน้าแรก หรือที่เรียกว่าการคลิกแบบไม่ได้ใช้โฆษณาช่วยเพิ่มการมองเห็น และ 5.59% คลิกไปยังหน้าที่ 2-3 ของ search engine ในขณะที่โฆษณาจะได้รับการคลิกเพียง 15% ของผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้งานเหล่านี้จะคลิกจากสิ่งที่ต้องการหรือคำที่ค้นหาลงไปนั่นเอง ดังนั้น หัวใจสำคัญใน การทำ SEO คือ keyword ที่ตรงใจและเกี่ยวข้องกับธุรกิจ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการติดอันดับค้นหาและสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจของคุณเหนือกว่าคู่แข่งไปอีกขั้น

โดยพื้นที่หน้าค้นหา จะมีตำแหน่งหลัก ๆ ด้วยกัน 2 ประเภทคือ ผลการค้นหาแบบ Organic ที่ติดเสิร์ชโดยธรรมชาติ และ Google Ads ที่ใช้เงินโฆษณาช่วยเพิ่มการมองเห็น โดยจะคิดเป็น CPC (Cost per click) คือจ่ายเงินเมื่อมีการคลิกลิงก์นั้นเท่านั้น ซึ่งส่งผลโดยตรงกับสินค้าหรือธุรกิจที่ผู้บริโภคชอบค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ จึงเรียกได้ว่า SEO เปรียบเหมือนการเป็นเซลต์สำหรับเลือกสินค้า หรือ Search is the new consumer shelf

 

ทำไมธุรกิจควรเริ่มทำ SEO ให้เว็บไซต์ ?

  • เพิ่มการมองเห็นและเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ (ช่วยเพิ่ม traffic ที่ดี)
  • ช่วยให้ CTR สูง (Click through rate) เพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้อย่างมีคุณภาพ
  • ต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับการทำโฆษณา เพราะไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ Google Ads
  • ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มีคุณภาพและมีโอกาสซื้อสินค้าสูงเนื่องจากเสิร์ช keyword ที่ต้องการและพบสินค้าหรือบริการที่ตรงใจ
  • สร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจในระยะยาว เป็นการเริ่มต้นที่คุ้มค่า
  • สร้างความน่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในแง่ของความเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมนั้น

 

Google จัดอันดับผลการค้นหาในส่วน SEO อย่างไร ?

 

seo ranking in google

 

1. หน้าเว็บไซต์ 1 เว็บจะมีเว็บเพจประกอบอยู่หลากหลาย Google จะเข้ามาสกรีนและวิเคราะห์เนื้อหาแต่ละหน้า (บนเว็บเดียวกัน) ว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับอะไร มี keyword สำคัญแบบไหนบ้าง

2. เข้าสู่กระบวนการ Index คือ จัดแยกหมวดหมู่ว่าเนื้อหาประเภทไหน คือข้อมูลของเว็บไซต์สินค้าหรือบริการใด เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกเก้าอี้หรือการตกแต่งบ้าน คือเว็บไซต์เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

3. Google จัดอันดับเนื้อหา หรือการ ranking ว่าเว็บเพจไหนบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทั่วโลก มีคุณภาพและจะนำไปแสดงในผลการค้นหา ซึ่งใช้ปัจจัยหลายๆ ส่วนของอัลกอริทึ่ม Google เพื่อการประมวลผล เช่น ความหมายของเนื้อหา ความเกี่ยวข้องกันของเนื้อหาและเว็บไซต์ คุณภาพของเว็บ เช่น การปรับแต่งหน้าเว็บให้ user friendly ใช้งานง่าย รวมถึงพื้นที่ที่ผู้ใช้งานค้นหาและระยะเวลา เป็นต้น จากนั้น Google จะนำพฤติกรรมของผู้ใช้งานมาประเมินร่วมกัน

4. โชว์ผลการค้นหาตาม keyword ที่ได้มีการกำหนดไว้ในเนื้อหาของเว็บไซต์หรือเนื้อหาบนหน้าเว็บเพจ ซึ่งหากเว็บไซต์ของคุณอยู่หน้าแรก หรือหน้า 2-3 ถือว่ามีอันดับการติดเสิร์ชที่ได้คุณภาพ

ดังนั้นการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Google ประเมินเว็บไซต์ การเข้าชม และเนื้อหาบนหน้าเว็บเพจต่าง ๆ และสิ่งสำคัญในการทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นั่นคือการทำ “Content” ที่ดีนั่นเอง แล้วจะทำ content อย่างไรให้สื่อสารออกมาได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายและ Google ประเมินว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ

 

การทำ SEO ที่ดีและได้ผลในระยะยาวเพื่อให้มีการติดอันดับบนหน้าเว็บไซต์ผลการค้นหาแรก และตรงตามจุดประสงค์ของธุรกิจ จึงควรประกอบด้วยปัจจัย ดังนี้

1. Content คือเนื้อหาที่ดี มีคุณภาพ เกี่ยวข้องกับ keyword และตอบสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ

2. On-Page SEO คือปัจจัยภายในเพื่อปรับแต่งเนื้อหาและโครงสร้างต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ

3. Off-Page SEO คือปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา

 on-page-off-page-seo

 

 

ปัจจัยสำคัญในการทำให้ติดอันดับ SEO

1. Content ที่ดีน่าสนใจไม่ซ้ำใครบนเว็บไซต์ ช่วยให้ติดเสิร์ชอย่างมีคุณภาพ

เนื่องจากเราต้องการติดเสิร์ชหน้าแรกในการค้นหา จึงต้องทำความเข้าใจ 2 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ

  • กลุ่มเป้าหมายคือใคร คือรู้จักและเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายจะมีการค้นหาด้วยคำหรือข้อมูลอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือบริการของเรา เช่น ต้องการหาร้านล้างรถดีๆ เว็บไซต์จึงควรมีรายละเอียดบริการเกี่ยวกับการล้างรถ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่น ๆ สำหรับคนมีรถยนต์
  • อธิบายว่าเราคือใคร หลังจากเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาบนเว็บไซต์เราจะช่วยสร้างตัวตนและความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดีจากการเล่าว่า ธุรกิจและบริการของคุณคืออะไร ประวัติความเป็นมา สถานที่ตั้ง และข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่อาจนำไปสู่ keyword ที่คนต้องการด้วย

 

content-seo

 

2. On-Page SEO ปรับแต่งเว็บอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

คือการปรับแต่งภาพรวมของเว็บไซต์ และหน้าเว็บเพจแต่ละหน้าที่มีความสำคัญให้สัมพันธ์กันกับ keywords ที่กำหนดไว้ ซึ่งมีตัวอย่างและปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • การปรับโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อเพิ่มเว็บเพจ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการใส่ keywords ที่สำคัญลงไป เพิ่มการวิเคราะห์คำที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น
  • การเขียน content ในแต่ละเว็บด้วย keywords ที่เกี่ยวข้องแบบมีคุณภาพ เนื้อหามีสาระความรู้และให้ประโยชน์กับผู้อ่าน
  • การเขียน Title Tag, Meta Description, ด้วย keywords ที่กำหนด
  • การทำ internal links ไปหน้าอื่น ๆ ด้วย Anchor text เพื่อเพิ่มคุณภาพของเว็บไซต์ธุรกิจ เช่น มีหมวดหมู่ประเภทบทความในเว็บ เนื้อหาแต่ละบทความควรมี internal link จากคีย์เวิร์ดที่กำหนดเพื่อช่วยเพิ่ม CTR ให้กับเว็บไซต์ด้วย
  • การใส่ Keywords ใน URL ของเนื้อหานั้น เช่น ใส่เว็บไซต์ธุรกิจตรงคำว่า ติดต่อ ในเนื้อหา รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ


3. Off-page SEO เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดเสิร์ชมากขึ้น

คือ ปัจจัยภายนอกที่่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีขึ้น และช่วยให้เนื้อหา content บนเว็บไซต์ของคุณถูกค้นหาด้วยการทำ backlink เพื่อเชื่อมโยงที่มาของเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น ๆ โดยลิงก์ที่เป็น off-page SEO นั้นเป็นได้ทั้งลิงก์ที่เราสร้างขึ้นมาเอง หรือจะให้คนอื่นสร้างให้ได้เช่นกัน เช่น third party เป็นต้น

ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้ Google ประเมินว่าเว็บไซต์เป็นที่นิยมมากขึ้น น่าเชื่อถือ โดย Google Algorithm จะมาจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Article submissions, Social Media Platform เช่น Facebook/ Instagram / YouTube), Google My Business, E-Commerce หรือ Directories เป็นต้น

นอกจากเรื่องหลัก ๆ ที่อธิบายไปแล้วนั้น ยังมีรายละเอียดของการเลือก SEO Keyword รวมถึงการใช้เครื่องมือให้เป็นประโยชน์เพื่อหากลุ่มคำที่ใช่และตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการแก้ปัญหามากที่สุด และคีย์เวิร์ดประเภทไหนที่ทำให้เว็บไซต์มีการเยี่ยมชมที่ค่อนข้างดี ข้อมูลเหล่านี้จะต้องนำมาประกอบกันในการทำ SEO keyword บนเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพนั่นเอง

 

มองหาบริษัทรับทำ SEO ชั้นนำในไทย

 

smart seo readyplanet

 


Readyplanet ซึ่งเป็นบริษัท รับทำ SEO แบบวิถีใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพเว็บไซต์ของธุรกิจคุณในภาพรวม โดยเรามีกระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์ในระยะยาว เพื่อเพิ่มเพิ่มผู้เข้าชม และเพิ่ม Engagement ตลอดจน Conversions ต่าง ๆ ในเว็บไซต์ ให้ตอบโจทย์ธุรกิจ และ ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนผลการค้นหาบน Google โดยคำนึงถึง SEO Keyword ที่หลากหลายครอบคลุมทุก Purchasing Funnel รวมไปถึงเชื่อมต่อ การทำ SEO ช่องทาง Digital Presence อื่น ๆ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับ Report SEO Audit และการวิเคราะห์อย่างเต็มรูปแบบ

 

 

สำหรับผู้ที่สนใจบริการ Readyplanet Smart SEO เพื่อยกระดับคุณภาพเว็บไซต์ของธุรกิจ

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่