รีวิว R-Message เครื่องมือทำ SMS & Email Marketing ในที่เดียว

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• R-Message คืออะไร?
• R-Message ทำอะไรได้บ้าง?
  
  • 1. ใช้ทำ SMS Marketing
  • 2. ใช้ทำ Email Marketing
• ข้อดีของการใช้ R-Message ในการทำ Email Marketing และ SMS Marketing
• สรุป

R-Message คืออะไร?

R-Message คือเครื่องมือสำหรับส่งข้อมูล ข้อความ ข่าวสารและโปรโมชั่นต่างๆ ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ ในรูปแบบของ SMS หรือ Email อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการทำตลาดเชิงรุกเพื่อดึงดูดลูกค้า กระตุ้นยอดขาย และทำให้ธุรกิจมองเห็นเส้นทางในการโปรโมทสินค้าได้มากยิ่งขึ้น โดย R-Message จะเน้นการส่งข่าวสารและข้อความไปยังลูกค้าเฉพาะกลุ่มเพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจง ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษที่ทางธุรกิจหรือแบรนด์ได้มีความใส่ใจและให้ความสำคัญ นั่นจึงช่วยให้ธุรกิจสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม จนนำไปสู่การซื้อซ้ำอย่างสม่ำเสมอและกลายเป็น Brand Loyalty ในที่สุดนั่นเอง

R-Message ทำอะไรได้บ้าง?

1. ใช้ทำ SMS Marketing

SMS Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดอย่างหนึ่งในการนำเสนอสินค้าหรือบริการผ่านข้อความสั้น (SMS) เพื่อแจ้งข้อมูลสินค้าบริการ ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์หรือโปรโมชั่น สิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งการส่งข้อความสั้น ๆ แบบนี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและเร็วขึ้น เนื่องจากเป็นการส่งข้อความผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าลูกค้าจะมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นช่องทางออฟไลน์ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอินเตอร์ก็มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับข้อความที่เราส่งไปอย่างแน่นอน

โดย R-Message จะมีฟังก์ชั่นที่สามารถใช้ในการส่ง SMS มากมาย ซึ่งเมื่อเราเข้ามาในระบบแล้วเลือกเมนู แคมเปญ SMS ที่แถบเมนูด้านซ้าย จากนั้น ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม “สร้างแคมเปญ” เพื่อเริ่มสร้างแคมเปญ SMS ตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ โดยจะมีขั้นตอนการสร้างตามตัวอย่างดังต่อไปนี้ 

1. แคมเปญ : สามารถใส่ชื่อแคมเปญที่จะส่งข้อความได้

2. ชื่อผู้ส่ง : ระบุชื่อผู้ส่งได้ตามต้องการ

3. ชื่อธุรกิจ : โดยเบื้องต้นแล้วระบบจะใช้ชื่อธุรกิจตามการตั้งค่าที่เมนู ตั้งค่าธุรกิจ แต่ทั้งนี้ ท่านสามารถแก้ไขชื่อธุรกิจตามต้องการได้

4. เครดิตที่ใช้ส่งข้อความ ; 

• จำนวนเครดิตที่ใช้ต่อ 1 ผู้รับ = 0.60 x จำนวน Chunk*
• จำนวนเครดิตที่ใช้ส่งทั้งหมด = จำนวนเครดิตที่ใช้ต่อ 1 ผู้รับ x จำนวนผู้รับ 
  • *Chunk เป็นหน่วยในการนับจำนวนตัวอักษรของข้อความ SMS โดยมีรายละเอียดดังนี้
          - ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ไม่มีอักขระพิเศษ 1 Chunk = 160 ตัวอักษร
            หากข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นหลาย Chunk จะนับเป็น 153 ตัวอักษร = 1 Chunk
          - ตัวอักษรที่มีภาษาอื่น ๆ รวมกับอักขระพิเศษ 1 Chunk = 70 ตัวอักษร
            หากข้อมูลถูกแบ่งออกเป็นหลาย Chunk จะนับเป็น 67 ตัวอักษร = 1 Chunk

จากรูปด้านล่าง จำนวนตัวอักษรที่เหลือที่สามารถพิมพ์ได้ใน Chunk นั้น ๆ ในรูปจะเป็น 62/5 ก็คือ ข้อความทั้งหมดนับเป็น 5 Chunk โดยใน Chunk ที่ 5 ยังเหลือตัวอักษรที่สามารถพิมพ์ได้อีก 62 ตัวอักษร ซึ่งมีวิธีการคำนวณเครดิตดังนี้ จำนวนเครดิตที่ใช้ทั้งหมด = 5 x 0.6 = 3.0 เครดิต

5. กลุ่มผู้รับ : สามารถเลือกกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้ โดยดึงข้อมูลมาจากใน R-CRM หรือจะสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ขึ้นแล้วนำเข้าระบบเองโดยตรง

6. ข้อความ : เนื้อหาข้อความที่ต้องการจะส่ง SMS ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

7. ลิงก์ : กรอกลิงก์ที่ต้องการ (ถ้ามี) เพื่อให้ลูกค้าคลิกและนำไปสู่เว็บไซต์ของธุรกิจ โปรโมชั่น หรือหน้ากิจกรรมต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ได้

8. ข้อความส่วนท้าย : หากมีข้อความอะไรที่อยากจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ สามารถระบุเป็นข้อความ ส่วนท้ายตรงนี้ได้เลย เช่น วันหมดอายุของโปรโมชั่น เงื่อนไขการใช้สิทธิพิเศษ รายละเอียดการติดต่อ

ในส่วนกรอบสีแดง ตามตัวอย่างรูปด้านล่าง เป็นการเพิ่มลิงก์สำหรับยกเลิก SMS สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ

นอกจากนี้ R-Message ยังสามารถทดสอบส่ง SMS ได้ด้วยว่า หากตั้งค่าและกรอกข้อมูลทั้งหมดไปแล้วจะปรากฏข้อความออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถกรอกเบอร์โทรศัพท์ที่ต้องการใช้ทดสอบได้เลย 

หากต้องการอ่านขั้นตอนการใช้งาน R-Message แบบละเอียดรวมถึงเทคนิคการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับสร้างแคมเปญเพื่อส่ง SMS สามารถได้เพิ่มเติมที่นี่ รีวิว R-Message เครื่องมือส่งข้อความ SMS มัดใจลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

2. ใช้ทำ Email Marketing

Email Marketing คือการทำการตลาดผ่านทาง Email เพื่อแจ้งข้อมูล อัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าบริการ ข้อมูลการติดต่อสื่อสารและกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น การสื่อสารทางธุรกิจสำหรับลูกค้าองค์กรหรือลูกค้าบุคคลบางกลุ่ม มักจะนิยมใช้ Email ในการรับข่าวสาร ดังนั้นข้อความต่างๆ ที่เราสื่อสารออกไปผ่านช่องทางนี้ จะค่อนข้างมีความเป็นทางการหรือกึ่งทางการกว่าการทำ SMS Marketing ที่มีความเฉพาะเจาะจงไปที่ตัวลูกค้าบุคคลเป็นหลัก สามารถใช้ลูกเล่นจากฟีเจอร์ต่างๆในระบบได้มากกว่า เช่น การใส่รูปภาพ การวางปุ่ม Call to action เป็นต้น แต่จุดเด่นที่เหมือนกันทั้ง Email และ SMS ก็คือ การทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ได้รับข้อความที่เราส่งไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบสนองได้ดี สามารถวัดอัตราการตอบสนองได้เพื่อนำผลไปวิเคราะห์ ประเมินตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดในแต่ละครั้งเพื่อวางแผนการทำแคมเปญอื่นต่อไปในอนาคต

โดย R-Message จะมีฟังก์ชั่นเพื่อใช้ในการส่ง Email คือเมื่อเข้าสู่ระบบ R-Message เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู แคมเปญอีเมล ที่แถบเมนูด้านซ้ายจากนั้น ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม “สร้างแคมเปญ” เพื่อเริ่มสร้างแคมเปญอีเมล ตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ โดยจะมีขั้นตอนการสร้างตามตัวอย่างดังต่อไปนี้ 

1. แคมเปญ : สามารถใส่ชื่อแคมเปญที่จะส่งอีเมลได้

2. ชื่อผู้ส่ง : ระบุชื่อผู้ส่งได้ตามต้องการ

3. อีเมลผู้ส่ง : สามารถกรอกอีเมลที่ต้องการได้ เมื่อกรอกเสร็จแล้ว ระบบจะส่งรหัสยืนยันไปทางอีเมลที่กรอกไว้ เพื่อยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัย

4. เครดิตที่ใช้ส่งอีเมล : เราจะคิดจำนวนเครดิตที่ใช้ต่อ 1 ผู้รับ อยู่ที่ 0.12 x จำนวนผู้รับ

5. กลุ่มผู้รับ : สำหรับธุรกิจที่ใช้งานระบบ R-CRM สามารถเลือกกลุ่มผู้รับจากในระบบทะเบียนลูกค้าได้เลย หรือสามารถสร้างกลุ่มผู้รับใหม่ได้จาก Custom Segment ซึ่งการสร้างใช้วิธีการเดียวกับการสร้างกลุ่มใน SMS โดยการ import ข้อมูลเข้ามา

6. หัวข้อ : ระบุหัวข้อที่จะใช้ในการส่งอีเมลตามที่ต้องการ และควรตรงกับเนื้อหาในอีเมลด้วย

7. เนื้อหา : เราสามารถสร้างเนื้อหาได้โดยการคลิก “สร้างเนื้อหา” จากนั้น ระบบจะปรากฏ template ให้เราเลือก เพื่อให้เสามารถแก้ไขเนื้อหาในอีเมลได้ตามที่เราต้องการ โดยมีองค์ประกอบฟังก์ชั่นในการใช้งาน ตามหมายเลข 1-7 ตามรูปตัวอย่างด้านล่างนี้

          1. Text : สำหรับใส่ข้อความเนื้อหาในอีเมล สามารถคลิกและลากเพื่อเพิ่มข้อความลงไปได้ โดยสามารถปรับแต่งรูปแบบ สีสัน ขนาด เหมือนกันกับเวลาเราเขียนในอีเมลทั่วไป

         2. Boxed Text : กล่องข้อความ สามารถปรับสีพื้นหลังและรูปแบบตัวอักษร รวมถึงขอบและเส้นต่าง ๆ
       3. Divider : กรอบสำหรับแบ่งเนื้อหาแต่ละย่อหน้า
       4. Image : สามารถอัปโหลดรูปภาพมาลงได้

          5. Button : ปุ่ม CTA หรือ Call to Action ใช้สำหรับกระตุ้นการตัดสินใจ เอาไว้ใช้ในแคมเปญการตลาด
          6. Spacer : เป็นการเพิ่มพื้นที่ระยะห่างระหว่างบรรทัด
          7. Social Sharing : ใช้สำหรับแชร์ข้อมูลไปยังโซเชียลมีเดีย

นอกจากนี้ ยังสามารถทดสอบส่ง, ตั้งเวลาในการส่ง ได้เช่นเดียวกับการส่ง SMS ซึ่งหน้าตาของอีเมลที่จัดส่งไปจะเป็นดังรูปตัวอย่างข้างล่างนี้

ข้อดีของการใช้ R-Message ในการทำ Email Marketing และ SMS Marketing

เมื่อได้เห็นตัวอย่างวิธีการใช้งาน R-Message เครื่องมือการทำการตลาดทั้งในรูปแบบการส่ง SMS และ Email กันไปแล้ว แน่นอนว่าระบบนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมายที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้การทำการตลาดของธุรกิจท่านทำได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว 

1. ใช้งานง่ายผ่านเว็บไซต์

R-Message จะมีการรวมฟังก์ชั่นการใช้งานทั้ง SMS Marketing และ Email Marketing อยู่ในที่เดียว ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องคอยทำข้อมูลแยกและสวิตซ์หน้าจอการทำงานไปมา อีกทั้งแต่ละฟีเจอร์ยังเป็นการออกแบบมาให้ครอบคลุมกับการใช้งานเฉพาะของธุรกิจไทยอีกด้วย

2. จัดกลุ่ม Segment ลูกค้าได้

การจัดกลุ่ม Segment ลูกค้าได้นั้น ถือว่าเป็นไฮไลท์หนึ่งของ R-Message เพราะในการทำ Email Marketing หรือ SMS Marketing เราสามารถเลือกส่งข้อความให้กลุ่มลูกค้าที่ได้แบ่งกลุ่มไว้แล้วได้เลย โดยอาจจะแบ่งตามประเภทลูกค้า พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า หรือจะเพิ่มข้อมูลของกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยการสร้าง Custom Segment ขึ้นมาตามวัตถุประสงค์ของธุรกิจเราได้ตามต้องการ ซึ่ง R-Message จะมีไฟล์ Template ตัวอย่างให้สามารถดาวน์โหลดไปใช้งาน เพื่อเตรียมข้อมูลก่อนที่จะ Import ข้อมูลเข้าไปยัง Segment ในระบบ R-Message ต่อไป

3. เปลี่ยน Sender Name ได้

โดยปกติในระบบ R-Message ชื่อผู้ส่งจะขึ้นเป็น InfoSMS แต่ทั้งนี้ คุณสามารถเปลี่ยนชื่อผู้ส่งได้ โดยการติดต่อเจ้าหน้าที่ Customer Support ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งการเปลี่ยนชื่อนั้นจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจว่าข้อความถูกส่งมาจากธุรกิจของคุณโดยตรง มีความปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ

4. รองรับ Link Tracking

R-Message มีการรองรับ Link Tracking ที่จะสามารถวัดผลได้ว่ามีลูกค้าสนใจและกดลิงก์ที่แนบไปมากน้อยแค่ไหน โดยจะประมวลผลออกมาเป็นจำนวนครั้งในการคลิกลิงก์และเปอร์เซ็นต์คลิกลิงก์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำผลตรงนี้มาวิเคราห์ เพื่อวางแผนและพัฒนาการตลาดให้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อไป

5. สามารถตั้งเวลาส่งได้

R-Message สามารถกดส่ง SMS หรือ Email ได้ทันทีตามต้องการ หรือจะเลือกกำหนดวันและเวลาที่ต้องการส่ง ได้เองเช่นกัน โดยเมื่อมีการตั้งเวลา จะมีหน้าต่างขึ้นเพื่อแสดงรายละเอียดข้อมูลจำนวนผู้รับ เครดิตที่ใช้ ตามรูปตัวอย่างด้านล่างนี้เพื่อเป็นการแจ้งข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้แน่ใจก่อนทำการส่งนั่นเอง

6. มีรายงานวัดผลสถิติสำคัญต่าง ๆ

R-Message สามารถติดตามผลการส่ง SMS และ Email ได้ผ่านระบบรายงานสถิติ link tracking ตรงเมนูแดชบอร์ด อีกทั้งยังสามารถดูข้อมูลสถิติการส่ง เพื่อเปรียบเทียบยอดการส่งแต่ละเดือนและวางแผนการตลาด งบประมาณในการจัดส่งให้เหมะสมต่อไป

สรุป

R-Message เป็นเครื่องมือสำหรับทำการตลาดเชิงรุกที่น่าสนใจในปัจจุบัน ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายและทำให้เกิดการซื้อซ้ำอยู่เสมอ โดยการทำงานการตลาดที่ยุ่งยากในแต่ละวันก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ได้โดยการเลือกใช้วิธีส่งข้อความผ่าน SMS และ Email ด้วย R-Message เพื่อส่งข้อความหรือข้อมูลข่าวสารที่มีความสำคัญออกไปให้ลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจเป็นที่น่าพึงพอใจ

สำหรับการเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นการทำ SMS Marketing หรือ Email Marketing ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการดำเนินงานของธุรกิจว่าสินค้าบริการเหมาะสมกับการทำการตลาดรูปแบบไหน กลุ่มลูกค้าเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะธุรกิจประเภทใด การเลือกใช้งาน R-Message เพื่อทำการตลาดก็จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับท่านได้แน่นอน เพราะด้วยตัวระบบถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การสร้างกลุ่ม Segment ลูกค้า การส่ง SMS หรือ Email ที่มีค่าใช้จ่ายตามจริง หรือเมื่อส่งข้อความไปแล้ว ยังสามารถติดตามผลผ่านการประมวลผลออกมาในรูปแบบของสถิติได้ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจให้ก้าวหน้าและได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย

สนใจใช้งาน R-Message

สำหรับท่านที่สนใจใช้งาน R-Message ในการทำ SMS Marketing และ Email Marketing กับฐานลูกค้าของท่าน สามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับไปเพื่อแนะนำวิธีกรใช้งานและค่าบริการ คลิกที่นี่เพื่อกรอกแบบฟอร์ม และหากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำการใช้งานเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงาน Readyplanet ได้ตลอด 24 ชม. ที่เบอร์ 02-016-6789