8 สัญญาณที่บอกว่า ควรทำเว็บไซต์ใหม่ได้แล้ว
การออกแบบเว็บไซต์ให้มีความ Effective และอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ ย่อมสร้าง Traffic หรือการเข้าถึงเว็บ นำกลุ่มเป้าหมายที่เป็นทั้งลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาเยี่ยมชมจนเกิดการสั่งซื้อสินค้า แต่จะเป็นอย่างไรหากเว็บไซต์ของคุณไม่มีการอัปเดตมาเป็นเวลานานแล้ว ลองนึกภาพดูว่าหากต้องการเข้าไปซื้อสินค้าหรือบริการหนึ่งเพื่อนำมาใช้กับบริษัท คุณเริ่มเสิร์ชหน้า Google และคลิกเข้าเว็บไซต์จากผลการค้นหา เพื่อพบว่าเว็บไซต์มีดีไซน์ที่ไม่อัปเดตมา 5-10 ปี หรือการจัดเรียงเนื้อหาบนเว็บที่ทับซ้อนกัน อ่านยาก เกิดความสับสน ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบเว็บไซต์ธุรกิจของคุณว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องทำเว็บไซต์ใหม่ได้แล้ว
อัปเดตเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์
ในส่วนนี้เราจะกล่าวถึงคร่าว ๆ เรื่องของเทรนด์การออกแบบเว็บไซต์เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทรนด์ออกแบบเว็บไซต์ปี 2021
- การใช้สีอ่อนและสีเข้มตัดกัน
การเลือกใช้โทนสีที่ตัดกัน จะช่วยให้เว็บไซต์หรือข้อมูลบางส่วนโดดเด่นขึ้นมา ทำให้เว็บของคุณดูน่า สนใจมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีการใส่ภาพเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย
- การเบลอพื้นหลัง
การทำเว็บไซต์เบลอพื้นหลังในหน้าแรก หรือแบบซอฟต์โฟกัสช่วยให้มองหน้าเว็บได้สบายตาขึ้น โดยพื้นหลังมีการไล่เฉดสีเพิ่มความน่าสนใจ
- มี white space ที่เหมาะสม
การทำเว็บให้คลีน สบายตา ช่วยให้ลูกค้าสามารถอ่านข้อมูลหรือเลือกดูสินค้าได้ง่ายขึ้น แบรนด์ของคุณใส่โทนสีที่เป็น CI หลักได้ แต่ลองเพิ่ม white space เพื่อช่วยให้รูปภาพหรือเนื้อหาโดดเด่นขึ้น
หลังจากทราบเทรนด์ออกแบบกันไปคร่าว ๆ แล้ว Readyplanet จะมาบอก 8 สัญญาณที่ชี้ว่า เว็บไซต์ธุรกิจของคุณควรทำใหม่เพื่อให้เว็บมีความน่าสนใจและมีโอกาสเพิ่มทราฟฟิกมากขึ้นกันได้แล้ว
1. เว็บไซต์ไม่ Responsive
เว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ควรมีรูปแบบการแสดงผลที่รองรับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเองที่มีการใช้งานผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นสมาร์ทโฟน ดังนั้นหากเว็บไซต์ของคุณรองรับการแสดงผลผ่านคอมพิวเตอร์ ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่แล้ว ซึ่งปัจจุเองก็มีแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์มากมายที่รองรับการแสดงผลและช่วยให้เว็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น หมดปัญหาเมื่อลูกค้าต้องการดูสินค้า หรือแม้แต่ต้องการดูที่ตั้งร้านค้าที่เป็นหน้าร้านแบบออนไลน์ ก็คลิกและไปยังหน้า Map ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์
2. เว็บไซต์ยังใช้โปรแกรม Flash
เมื่อประมาณปีที่แล้ว ทาง Adobe ได้ประกาศยกเลิกใช้โปรแกรม Flash ในกรสร้างเว็บไซต์ เนื่องด้วยปัญหาด้านความปลอดภัย ทำให้มีการบล็อกการแสดงผลของ Flash Player บนเว็บบราวเซอร์ทุกเวอร์ชัน เมื่อลูกค้าเข้ามายังเว็บของคุณที่ยังใช้โปรแกรมนี้ อาจส่งผลให้เนื้อหาบางส่วนไม่แสดงผลอัตโนมัติ ซึ่งอาจทำให้ผู้เยี่ยมชมได้รับ Experience ที่ไม่ดี และออกจากหน้าเว็บไปในที่สุด ทางที่ดีหันมาใช้เว็บไซต์ รูปแบบ HTML5 หรือแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่รองรับการแสดงผลเนื้อหาบนเว็บ โหลดไวไม่ต้องรอนาน ช่วยลดปัญหาระหว่างการเข้าชมเว็บได้ดีขึ้นด้วย
3. ไม่อัปเดตข้อมูลเป็นเวลานาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า นอกจากดีไซน์หรือภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ที่ควรอัปเดตบ้างเพื่อสร้างความประทับใจหรือประสบการณ์ที่ดีจากผู้เยี่ยมชมแล้ว ข้อมูลบนเว็บหรือ Contents ต่าง ๆ ก็ควรมีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอด้วย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสินค้าหรือบริการ ที่ควรมีการอัปเดตสถานะแบบเรียลไทม์ กดดูจำนวนสินค้าได้ทันที หรือหากมีเนื้อหา Blog ที่ให้ความรู้ ควรมีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน และคอยตรวจสอบเนื้อหาว่ายังคงสดใหม่ใช้งานได้ หรือต้องเพิ่มเติมให้ทันกับกระแสปัจจุบัน เป็นต้น หากเว็บไม่ได้อัปเดตข้อมูลนานเกินไป ถึงเวลามองหาแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และจัดวางเนื้อหากันใหม่แล้ว
4. Link ไม่สามารถใช้งานได้
ไม่ว่าจะเป็น Internal Link หรือ External Link ที่มีการเชื่อมต่อแต่ละหน้าเว็บเพจไปยังหน้าอื่น ๆ บนเว็บไซต์ Link ดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสร้าง Traffic ในเว็บ การเชื่อมโยงเนื้อหาแต่ละส่วนช่วยให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเราใช้เวลาอยู่บนหน้าเว็บนานขึ้น ซึ่งเป็นการบอกอัลกอริทึ่มของ Google เองว่า ผู้คนกำลังสนใจเว็บไซต์ของเรานั่นเอง หาก Link ต่าง ๆ ในเว็บของคุณไม่สามารถใช้งานได้จริง ย่อมไม่เกิด Action ใด ๆ และทำให้ลูกค้าใช้เวลาในเว็บได้น้อยลง ส่งผลกับ Traffic นั่นเอง
5. ดีไซน์เว็บไซต์ไม่ทันสมัย
ดีไซน์เปรียบเหมือน First Impression ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ ความประทับใจแรกจะส่งผลไปยังพฤติกรรมหรือการตัดสินใจในครั้งต่อ ๆ ไปด้วย แต่เราไม่ได้หมายความว่าทุกเว็บไซต์จะต้องวางดีไซน์ที่ทันสมัยในรูปแบบเดียวกันไปทั้งหมด เพราะสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมตามเอกลักษณ์และประเภทของกลุ่มธุรกิจด้วยเช่นกัน เช่น หากคุณเป็นธุรกิจความสวยความงาม หรือแบรนด์เครื่องสำอางค์ เว็บไซต์ยังคงใช้ฟ้อนต์อ่านยาก เล่นเงาเยอะ ๆ หรือจัดวางภาพไม่เป็นระเบียบ นั่นหมายถึงควรใส่ใจและปรับปรุงดีไซน์เว็บไซต์ใหม่ได้แล้วบางกรณีอาจมีการรีแบรนด์หรือปรับดีไซน์ให้ดูน่าสนใจและเข้ากับยุคสมัยปัจจุบันมากขึ้น ทั้งนี้ควรศึกษาด้วยว่ากลุ่ม Target หรือเป้าหมายที่แท้จริงของเราเป็นใคร และสินค้า, บริการ รวมถึงภาพลักษณ์แบรนด์ที่ส่งผลมายังรูปแบบของเว็บไซต์นั้น มีความเหมาะสมและดึงดูดกลุ่มคนเหล่านั้นมากแค่ไหน
6. ไม่เชื่อมต่อข้อมูล Social Media
ยุคนี้ถือเป็นจุดศูนย์รวมของเทคโนโลยี และธูรกิจเมื่อทำออนไลน์ไม่ได้หมายความว่าจะทำบนแพลตฟอร์มใดอย่างเดียวเสมอไป ไม่ว่าคุณจะวางกลยุทธ์ในการดึงกลุ่มเป้าหมายมายังหน้าเว็บไซต์เพื่อเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพด้วยวิธีไหน เว็บไซต์เป็นตัวกลางที่ดีที่จะระบุช่องทางการติดต่อผ่าน Social Media ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE OA, Twitter หรืออื่น ๆ และต้องสามารถคลิกไปยังแต่ละชาแนลได้ด้วยการเชื่อมต่อข้อมูลผ่าน Social Media แพลตฟอร์มอื่น ๆ จะช่วยเพิ่ม Traffic ที่ดีให้กับแต่ละแพลตฟอร์มอีกด้วย หรือบางเว็บที่เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สามารถแชทกับธุรกิจโดยให้เลือกช่องทางได้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดต่อและสอบถามข้อมูล มีโอกาสปิดการขายได้ง่ายขึ้น หากเว็บของคุณยังไม่มีในส่วนนี้ ถึงเวลาต้องอัปเดตหรือปรับเปลี่ยนกันหน่อยแล้ว
7. เว็บไซต์ไม่มีระบบ Online Shopping
หลายคนคงเคยได้ยินช่องทาง E-Commerce ที่เป็นรูปแบบในการขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ดังนั้นระบบการซื้อขายจะทำให้สามารถสั่งซื้อและชำระเงินได้ทันที ช่วยให้ผู้ประกอบการและลูกค้าสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่ง E-Commerce เป็นที่นิยมมาอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาไม่กี่ปีนี้ เว็บไซต์ของคุณเองก็ต้องมีพัฒนาการตามไปด้วย หมดยุคที่จะให้ดูสินค้าผ่านหน้าเว็บและคลิกไปยัง External Link หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพื่อสั่งสินค้าอีกแล้วเนื่องจากการคลิกสั่งสินค้าช่องทางอื่นจะทำให้แทร็กข้อมูลจาก Google Analytics (GA) ได้ค่อนข้างยาก ซึ่ง GA คือโปรแกรมสำหรับติดตามผลและดูข้อมูล Flow การเข้าชมหน้าเว็บรวมถึงบอก Traffic เว็บว่ามีคุณภาพหรือไม่ เมื่อเว็บไซต์ของคุณมีหน้า Add to Cart หรือเพิ่มสินค้าลงตะกร้า ระบบจะสามารถจับข้อมูลได้ว่าลูกค้าได้มาถึงจุดนี้ที่เป็น Customer Jouney หรือไม่ และหากไม่มีการชำระเงินเป็นที่ปัจจัยใด ต้องปรับปรุงจุดไหน เป็นต้น ถ้าเว็บของคุณไม่มีระบบ Online Shopping และไม่สามารถใส่โค้ดเพิ่มได้ เราขอแนะนำแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่มีระบบเพิ่มร้านค้าออนไลน์ อัปเดตสถานะสินค้าเพื่อให้ลูกค้าสั่งซื้อและเกิดยอดขายกันดีกว่า
8. ไม่มีการติดตั้ง SEO
SEO หรือ Search Engine Optimization คือการจัดอันดับบน Search Engine ของ Google ที่ตรวจจับจาก keywords ที่เลือกใช้ การเลือกคีย์เวิร์ดที่ใช่จะส่งผลกับ organic traffic ให้กับเว็บของคุณ และการติดตั้ง Meta Tags จะช่วยส่งผลกับ SEO ด้วยเช่นกัน Meta Tags ที่เราเห็นในรูปแบบ HTML หรือที่เรียกว่า Meta Data เปรียบเหมือนภาษาที่ช่วยให้ Search Engine และ Web Crawlers อ่านแล้วเข้าใจว่าเว็บไซต์กำลังบอกเกี่ยวกับอะไร และใช้เครื่องมือ Meta Data ช่วยในการจัดอันดับการค้นหา และดึงข้อมูลมาแสดงผลหลังจากมีคนเสิร์ช Meta Tags จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยจัดอันดับการค้นหา ซึ่งสามารถเพิ่มคีย์เวิร์ดสำคัญเพื่อช่วยในเรื่องของ SEO ได้อีกด้วย คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ หากเว็บไซต์คุณไม่มีในส่วนนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องอัปเดตกันครั้งใหญ่
Readyplanet ขอแนะนำ R-Web แพลตฟอร์มแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ตั้งแต่ปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ลูกค้าเสิร์ชเจอบนหน้า Google และทรานฟอร์มธุรกิจรูปแบบออนไลน์พร้อมขาย 24 ชม.แล้ว R-Web ยังมาพร้อมฟังก์ชันอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจของคุณ ด้วยระบบ Smart Theme เทคโนโลยีที่จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ ทำเว็บไซต์ และออกแบบเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง รองรับ Responsive Design, มีระบบจองบริการออนไลน์ เว็บไซต์ปลอดภัย และมีมากกว่า 10,000 ธุรกิจที่ไว้วางใจทำเว็บไซต์กับ Readyplanet เริ่มต้น Go Online ได้อย่างไร้กังวล ด้วย R-Web แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ ที่มาพร้อมเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One เช่น R-Shop ร้านค้าออนไลน์, R-Widget ปุ่มติดต่ออัจฉริยะสำหรับเว็บยุคใหม่, R-CRM แพลตฟอร์มบริหารงานขาย และอีกมากมาย เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ได้เลยวันนี้