สรุปแนวทางพื้นฐานทำ SEO ยังไงให้ติดหน้าแรก Google

การทำ SEO ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำเว็บไซต์ให้เกิดการเยี่ยมชมที่ได้คุณภาพ และเป็นอีกทางที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับ Organic Search (การเสิร์ชหาเจอโดยธรรมชาติ) เพิ่ม Traffic และยังเพิ่มโอกาสในการค้นเจอที่หน้าแรกของ Google ด้วย หากคุณคือผู้ประกอบการที่มีเว็บไซต์และต้องการพัฒนาเว็บให้มี Reach และ Traffic ที่ดี ลองมาทำความรู้จัก SEO กันมากขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการธุรกิจของคุณกัน

 

SEO คืออะไร? 

 

seo search engine optimization

 

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมและมีคุณภาพโดยใช้คำค้นหาหรือ Keywords เป็นตัวช่วยในการเพิ่มโอกาสค้นหามากขึ้น ซึ่งในการคิด Keywords ควรต้องสัมพันธ์กับสินค้าหรือบริการ หรือปัญหาที่สิ่งเหล่านั้นสามารถช่วยแก้ไขได้ เป็นต้น ดังนั้นจึงควรคำนึงจากปัจจัยเหล่านี้

 

  • Quality of Traffic เป็นปัจจัยแรกที่ควรคำนึงถึง แม้ว่าจะมีผู้เยี่ยมเว็บไซต์ของคุณจริง แต่หาก Keywords ที่ใช้ไม่ตรงกันอาจทำให้ไม่ได้ลูกค้าที่แท้จริง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น มีคนคลิกเข้าเว็บไซต์ของคุณจากคำบน Google ว่า “ขนมปัง” ที่อาจเป็นชื่อบุคคลที่สนใจ แต่ Site พามาหน้าเว็บของคุณเพราะร้านคุณขายขนมปัง นั่นถือเป็น Traffic ที่ไม่ได้คุณภาพ

 

  • Quantity of Traffic ความถี่ในการเข้าชมหน้าเว็บไซต์ เมื่อมีการคลิกเข้าชมหน้าเว็บไซต์ถี่มากขึ้น จะส่งผลต่อ SERP หรือที่เรียกว่า Search Engine Results Page คือหน้าแสดงผลการค้นหาเมื่อคุณเข้าหน้าค้นหา Google นั่นเอง

 

  • Organic Result อย่างที่เราเกริ่นไปข้างต้น การทำ SEO จาก Keywords ที่ใช่จริง ๆ ช่วยให้เว็บไซต์ ติดอันดับการค้นหาที่หน้าแรกของ Google แบบ Organic ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้เงินบูทโฆษณา Google Ads ไปได้เลยทีเดียว 

     

 

ทำไมธุรกิจของคุณควรทำ SEO?

 

จากสถิติของ blucactus ระบุว่า “51% ของผู้ใช้งาน Smartphone ได้มีการค้นพบธุรกิจหรือสินค้าใหม่ ๆ เมื่อมีการค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือ” ดังนั้นลองคิดดูว่าโอกาสในการที่คุณจะได้ลูกค้าใหม่ ๆ เมื่อมีการค้นหาผ่านหน้า Google และพบ Keyword ที่ตรงใจ ผู้ใช้งานที่ใช้ผ่านมือถือตลอดเวลาและแทบจะ 24 ชั่วโมงมีโอกาสเข้าชมหน้าเว็บของคุณและหากมีความสนใจ ย่อมนำไปสู่การสั่งซื้อสินค้านั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นสถิติยังบอกอีกว่า “87% ของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน มีการใช้ Search Engine หรือเครื่องมือในการค้นหาอยู่ทุก ๆ วัน” 

 

ด้วยพฤติกรรมในชีวิตประจำวันนั้น ย่อมมีการค้นหาผลลัพธ์เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนใช้สินค้าหรือบริการอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการหารีวิวสินค้าและเปรียบเทียบคุณภาพ,ราคา ก่อนสั่งซื้อ หรือค้นหาหาบริการโรงแรม ที่พัก เที่ยวบิน เป็นต้น ยิ่งเว็บไซต์ของคุณมีการปรับแต่ง Search Engine โดยวิเคราะห์จาก Keywords ได้ดีและแม่นยำเท่าไหร่ ยิ่งสามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และยังส่งผลกับ Conversion rate ที่เป็นอัตราการคลิกแบบมีคุณภาพ เช่น การพากลุ่มเป้าหมายคลิก Action อื่น ๆ บนหน้าเว็บ เช่น คลิกเพิ่มสินค้าในตะกร้า คลิกสั่งซื้อ หรือแม้แต่กด Subscribes ติดตามจากเนื้อหาเว็บไซต์ที่หน้าสนใจก็ตาม      

                              

Organic Traffic ของเว็บไซต์ที่ดีควรจะอยู่ที่เท่าไหร่?                                                                                             

 seo organic search

 

ในความเป็นจริงแล้ว อาจจะไม่ต้องกำหนดตัวเลขที่ตายตัวมากเกินไป แต่ควร Optimize เว็บไซต์ผ่าน Google Analytics เพื่อเปรียบเทียบว่ามียอดเข้าเยี่ยมชมเท่าไหร่ แล้วลองดูว่ายอด Organic ที่ได้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อปรับแต่งหน้าเว็บไซต์รวมถึง Keyword และดูว่ามียอดการคลิกที่เพิ่มขึ้นไหม เป็นวิธีการวัดคุณภาพที่ดีเช่นกัน

Readyplanet มีข้อมูลการแนะนำเปอร์เซ็นต์ของยอดออร์แกนิคแต่ละธุรกิจมาฝากสำหรับเป็นไกด์ไลน์ดังนี้ “ยอดโดยรวมของ Organic Traffic ควรจะอยู่ที่ 16% โดยหากแบ่งออกเป็นแต่ละ Industry ได้ดังนี้ (อ้างอิงข้อมูลจาก merketingsherpa.com)

 

  • บริษัทมีเดียหรือสำหนักพิมพ์ : 20%

 

  • เอเจนซี่หรือบริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาร์เกตติ้ง : 20%

 

  • การศึกษาหรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร : 18%

 

  • เทคโนโลยี (ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ หรือ IT) : 15%

 

  • ธุรกิจอุตสาหกรรมหรือสินค้าอุปโภค-บริโภค : 15%

 

  • ริการเฉพาะทาง (การเงิน, กฎหมาย หรืออื่น ๆ) : 14%

 

  • ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง (retail & wholesale) : 11%

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำ SEO เป็นอีกช่องทางในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์แบบไม่ต้องเสียค่าโฆษณาได้อย่างยั่งยืนที่สุด และเพิ่มเครดิตที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจอีกด้วย หลังจากทราบถึงข้อดีของทำ SEO แล้ว ลองมาดูเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับแรก ๆ ในผลการค้นหากัน 

 

 

หลักพื้นฐานในการทำ SEO พร้อมเทคนิคทำอย่างไรให้ติดผลการค้นหาในหน้าแรก สำหรับคนที่อาจจะยังไม่เห็นภาพ ลองมาทำความเข้าใจเพิ่มอีกนิดเกี่ยวกับหลักพื้นฐานในการทำ SEO

 

หลักการในการทำ SEO แบ่งออกเป็น 2 ส่วน

โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. On-page Optimization และ  2. Off-Page Optimization

 

readyplanet on-page seo

 

1. On-page Optimization

 

คือ ปัจจัยภายในที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับผลการค้นหาได้ดีขึ้น และเป็นปัจจัยหลัก ๆ เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือก Keywords, Content หรือเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ อย่างที่เคยมีคำกล่าวว่า Content is the king ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ รวมถึงชื่อเว็บไซต์และคำอธิบายหน้าเว็บธุรกิจด้วย โดยมีเทคนิค ดังนี้

 readyplanet on-page seo search keyword

 

1.1 ศึกษาหา Keywords ที่ใช่

 

เทคนิคสำคัญที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายของคุณค้นหาเว็บไซต์เจอ สามารถใช้เครื่องมือค้นหา Keyword ที่ใกล้เคียง เช่น ทำธุรกิจร้านอาหาร ลองกำหนด Keyword ที่มีความเป็นไปได้ เช่น ร้านอาหาร ชลบุรี, ร้านอาหารทะเล ชลบุรี, เพื่อดูจำนวน Keyword และอัตราการแข่งขันว่าอยู่ในระดับใด หรือใช้ Google Trends เพื่อประกอบการพิจารณาได้เช่นกัน โดยกำหนด Keyword ที่ต้องการและดูอัตราการค้นหา หากคำไหนที่มีการค้นหาน้อยเกินไปแปลว่าโอกาสที่คนค้นหาเจอก็จะน้อยตามไปด้วย

 

 blog content สำหรับการทำ SEO

 

1.2 Content ต้องชัดเจน และสัมพันธ์กับ Keywords

 

การทำ SEO แบบ Organic Traffic ต้องใช้ระยะเวา ดังนั้น นอกจาก Keywords ที่นำผู้ชมเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ของเราแล้ว Content หรือไส้ในของเว็บเองจึงควรน่าสนใจและมีการใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มโอกาสในการแสดงผลเมื่อค้นหา เช่น แม้จะเป็นเว็บไซต์เฟอร์นิเจอร์ แต่คุณลองสังเกตว่าจะมีหมวดหมูบทความหรือ Blog เพื่อลงสาระความรู้เกี่ยวกับบ้าน ยิ่งไปกว่านั้น Google Bot เองจะชอบเว็บไซต์ที่มีบทความเยอะ ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือกับกลุ่มเป้าหมายและ Google อีกด้วย

 

 seo sitemap

 

1.3 วาง Sitemap ให้ดี

 

ใครที่ทำเว็บไซต์อยู่แล้วน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า Sitemap มันคือโครงสร้างเว็บไซต์ที่ช่วยทำให้เห็นขั้นตอนการทำงาน ว่ามีหมวดหมู่อะไรบ้างเพื่อให้ระบบ Search Engine ค้นหาเนื้อหาและทำการเรียนรู้หน้าเว็บต่าง ๆ ว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้ระบบการค้นหาของ Google จัดอันดับเว็บของเราและเลือกการแสดงผลให้อีกทีนั่นเอง หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ ที่มีการจัด Sitemap และจัดการหลังบ้านง่ายได้ด้วยตัวเอง ขอแนะนำ R-Web แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ ที่มาพร้อมเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One มีระบบ Smart Theme เทคโนโลยีที่จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ ทำเว็บไซต์ และออกแบบเว็บไซต์ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

 

r-wen resposive website 

 

1.4 Responsive Website และอย่ารอโหลดนาน

 

การคอยอัปเดตและพัฒนาเว็บไซต์ธุรกิจอยู่เสมอช่วยให้เว็บของคุณถูกจัดอันดับคุณภาพที่ดีมากขึ้น ยิ่งจากการใช้งานที่ได้เกริ่นไปข้างต้นว่ามีการใช้เครื่องมือค้นหาคำที่สนใจจากทั้งสมาร์ทโฟนและเดสก์ท็อป ดังนั้นเว็บไซต์จึงต้องอัปเดตเป็นรูปแบบ Responsive Website ได้แล้ว อธิบายให้เข้าใจง่ายคือเป็นเว็บไซต์ที่รองรับการแสดงผลทุกอุปกรณ์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น สามาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต เป็นต้น

 

1.5 ตรวจสอบคุณภาพด้วย SEO Audit 

 

SEO Audit คือ การเช็กประสิทธิภาพของคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์ของเราว่า ยังคงได้คุณภาพที่ดี และถูกหลัก SEO อยู่หรือไม่ และหน้าเว็บนั้นยังอยู่ในอันดับที่ดีของ Search Engine อยู่หรือเปล่า เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ความถี่ในการทำ SEO Audit จะมากน้อยแค่ไหนก็ได้หากคุณมีเวลามากพอ เช่น ตรวจสอบว่าคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์นี้ Traffic ตกลงหรือไม่ และควรจะ Rewrite หรือปรับปรุง-อัปเดตบทความให้สดใหม่มากขึ้นหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งหากไม่มีเวลาในการคอย Optimize ทาง Readyplanet มีบริการ Smart SEO SEO วิถีใหม่ ยกระดับคุณภาพเว็บไซต์ในภาพรวม  โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO โดยเฉพาะที่มีผลงานและความสำเร็จในการทำ SEO ให้กับองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยมากมาย 

 

seo audit

 

2. Off-Page Optimization

 

หรือ ปัจจัยภายนอกแต่ส่งผลกับการจัด Rank อันดับการค้นหาเช่นกัน ซึ่งคือวิธีการสร้าง Backlink จากแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์อื่น การสร้าง Backlink จากไซต์อื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยเพิ่มอันดับ SEO ของคุณได้จากอัตราการคลิก และเนื้อหาของเว็บไซต์จะเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพจากการดูเวลาที่ผู้เยี่ยมชมใช้ในการอยู่หน้านั้น ๆ เช่น การสร้าง Link กลับมายังเว็บไซต์สินค้าหรือบริการ ผ่านบทความที่ให้ประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย หรือการสร้างลิงก์บน Youtube เพื่อให้ผู้ชมมีการติดตามต่อไปช่องทางการขายที่สะดวกมากขึ้น นอกเหนือจากนี้การฝากลิงก์ผ่านเว็บไซต์ใหญ่ ๆ หรือ Influencer ก็ช่วยได้เช่นกัน Readyplanet แนะนำให้สร้างลิงก์และเก็บสถิติการคลิก เช่น จาก bitly โดยใช้ 1 ลิงก์ ต่อการสร้าง Backlink 1 เว็บไซต์ปลายทาง เพื่อให้สามารถวัดผลได้ว่า Convertion Rate หรือ Click Rate จากทางไหนดีกว่ากัน 

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีเว็บไซต์และกำลังหาวิธีทำ SEO เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระยะยาว สิ่งที่เราอยากให้ระมัดระวังคือ เรื่องการสร้างบทความหรือ Content โดยมี Keyword สำคัญ ไม่ควรไปคัดลอกบทความจากแหล่งอื่น เนื้อหาควรสดใหม่และกลุ่มเป้าหมายได้ประโยชน์ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใส่ Hidden Text หรือ Hidden Link คล้าย ๆ กับ Spam หรือรูปแบบของ Click Bait ที่ทำให้ผู้เยี่ยมชมกดเข้าไปลิงก์ดังกล่าวแบบไม่ได้ตั้งตัว ถือเป็น Click Rate ที่ไม่มีคุณภาพและไม่แนะนำเด็ดขาด การลงทุนย่อมไม่มีทางลัด ดังนั้นการทำ SEO จึงเปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดพืชเผื่อหวังต้นไม้ใหญ่ในวันข้างหน้า อย่าลืมนำไปปรับใช้กับธุรกิจกันดูตั้งแต่วันนี้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการทำเว็บไซต์ให้ได้คุณภาพพร้อมเทคนิคการทำ SEO กับ Readyplanet ได้เลย 

 

สำหรับผู้ที่สนใจบริการ SEO วิถีใหม่ ยกระดับคุณภาพเว็บไซต์ในภาพรวม

โดยบริษัททำ SEO มืออาชีพ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดย คลิกที่นี่

 

Updated: 07 April 2021 | Produced by: Ploynaphat Wattanachodjirachai