รับมืออย่างไร กับเทรนด์ Social Media ที่เปลี่ยนไปในปี 2021

เป็นที่ทราบกันดีว่าในปี 2020-2021 สิ่งที่ประเทศไทยและทั่วโลกได้รับผลกระทบนั้นคือโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ส่งผลกับเศรษฐกิจและผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจเองต้องปรับตัวตามไปด้วย ดังนั้นจึงควรมีแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนใหญ่แล้วคงหนีไม่พ้นการทำธุรกิจทั้งรูปแบบ Offline และ Online บน Social Media สถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรการใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากผลสำรวจของ Datareportal's July 2020 Digital ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามใช้เวลากับโซเชียลมีเดียมากขึ้นจากสถานการณ์ COVID-19 ดังนั้นลองมาดูกันว่าปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีอะไรที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงกันบ้าง

ความท้าทายของผู้ประกอบการเองในปี 2021 คือต้องตามให้ทันพฤติกรรมผู้บริโภคและเข้าใจ Customer Jouney ของเราอย่างแท้จริง เพื่อหาวิธีปรับมุมมองแล้วไปต่อ ทำให้เราควรพร้อมตั้งรับสำหรับแนวทางการตลาดเชิงสัมพันธ์เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าของคุณมากยิ่งขึ้น 

 

นอกจากนี้ยังพบสถิติว่า 63% ของผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย เชื่อถือรีวิวจากลูกค้าด้วยกันเองเป็นอันดับแรก เช่น การได้รับเรตติ้งที่สูงและน่าเชื่อถือ รวมถึงสถิติ 50% จากการดูข้อมูลผ่านเว็บไซต์ธุรกิจอีกด้วย

 

ลองมาดูแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงบน Social Media ที่ Readyplanet นำมาฝากกัน 

  

1. เพิ่ม Shop Online ให้ครบทุกช่องทาง

 

 

ในปี 2020 ที่ผ่านมา เชื่อว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ย่อมใช้งานแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, Line หรือ Instagram ด้วย และฟีเจอร์เหล่านี้ได้มีการอัปเตดอย่างสม่ำเสมอ หนึ่งในนั้นคือ Shop ที่ช่วยให้การซื้อขายระหว่างร้านค้าออนไลน์และลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น การเพิ่ม Shop ยังไม่พอ ล่าสุดทาง Instagram ยังย้ายตำแหน่งเมนู และทำให้ไอคอนร​ูป Shopping Bag เห็นโดดเด่นชัดเจนมากยิ่งขึ้น Facebook เองก็ยังสามารถคลิกจาก Shop บนหน้าเพจเพื่อติดต่อผู้ขายสั่งซื้อและโอนเงินได้เช่นกัน ภาพรวมของปีนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้น ความสะดวกสบายที่ลูกค้าสามารถเข้าชมและเลือกซื้อได้ตามต้องการ และอีกแพลตฟอร์มที่ขาดไปไม่ได้นั่นคือเว็บไซต์ หรือบางคนอาจมีการใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป ที่เป็นช่องทางหลัก แบ่งเป็นสัดส่วนเข้าใจได้ง่ายกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทั้งนี้อย่าลืมเลือกเว็บไซต์ที่ได้คุณภาพรูปแบบ Responsive Website ที่มีการปรับรูปแบบการใช้งานไปตามแต่ละอุปกรณ์ หรือ Placement จะได้ไม่ต้องเจอปัญหาลูกค้าหงุดหงิดจนกดออกจากเว็บไป 

 

2. บริการ Delivery ที่เติบโต ใช้แพลตฟอร์มไหนแล้วเวิร์ค

 

 

อย่างที่ทราบกันดีว่าในช่วงสถานการณ์แบบนี้การที่ธุรกิจหันมาทำออนไลน์และมีบริการส่งถึงปลายทางช่วยทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทอาหาร ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น หลายคนเริ่มมีการหันไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อเป็นตัวเลือกการสั่งซื้อให้กับลูกค้า แต่ข้อมีข้อด้อยตรงที่บางรายมีการเก็บค่าบริการหรือหักเปอร์เซ็นต์จากยอดขายไปด้วยเช่นกัน หรือบางธุรกิจห้างร้านค้าที่ทำ Delivery เป็นของตัวเอง ด้วยปริมาณสินค้าจำนวนมากและมีเว็บไซต์ที่รองรับการสั่งซื้อและเลือกชำระเงินได้ทันที ทำให้สะดวกและไม่ต้องผูกขาดกับตัวกลางได้เหมือนกัน 

 

ดังนั้นธุรกิจของคุณต้องเลือกและพิจารณาดูว่ารูปแบบใดที่เหมาะสม หากมีสินค้าค่อนข้างหลากหลาย และคนรู้จักธุรกิจประมาณหนึ่ง พร้อมทำ การตลาดเพื่อโปรโมตบริการดังกล่าว การใช้แพตลฟอร์มของตัวเองอย่างเว็บไซต์ที่สามารถสั่งซื้อพร้อมเงื่อนไขการจัดส่งที่สะดวก ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว และปัจจุบันยังมีบริการแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ ที่ราคาไม่สูงมากและยังมีเครื่องมือการตลาดที่สำคัญแบบครบวงจร ช่วยสร้างยอดขายได้อีกทางหนึ่ง

 

3. สื่อสารแบบ Two-Way Communication 

 

 

แน่นอนว่าการสื่อสารจากแบรนด์หรือคอนเทนต์ ที่เล่าออกไปเป็นสิ่งสำคัญมาก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในปีนี้จึงไม่ใช่การสื่อสารทางเดียวระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคอีกต่อไป แต่เป็นการสื่อสารแบบ Two-Way เช่น จบด้วยประโยคปลายเปิดหรือ Content ที่ถามความคิดเห็น ให้ลูกค้าได้มีส่วนในการตัดสินใจ เพื่อสร้าง Engagement ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียหรือบนเว็บไซต์ของธุรกิจคุณเองก็ตาม และยิ่งเนื้อหานั้นตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นย่อมเกิดการแชร์ต่อ และช่วยสร้าง Brand Awareness ได้ดีอีกด้วย

 

รวมไปถึงการที่แบรนด์สร้างความใส่ใจประเด็นสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น เพื่อเข้าถึงใจลูกค้าของคุณได้ดี รายงานข้อมูลด้านสื่อประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ของ Merkle พบว่า 56% ของผู้บริโภคระบุว่าพวกเขาไม่เชื่อถือต่อธุรกิจที่นิ่งเฉยกับประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้น ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะใช้การสื่อสารนี้แสดงความชัดเจนกับกลุ่มเป้าหมายของคุณเอง อาจจะเป็นการรับมือกับสถานการณ์ในช่วงนี้ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าก็ได้เช่นกัน

 

4. ใช้ Influencers สร้างความสัมพันธ์มากกว่าเดิม

 

 

แน่นอนว่าการใช้ Influencer นั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก ในปีที่ผ่านมาเราจะเห็นได้จากหลากหลายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการรีวิวสินค้าใน Format ต่าง ๆ ทั้งภาพ วิดิโอ หรือทำ Content ที่แปลกแหวกไอเดียให้เกิดการจดจำ เมื่อมีข้อดีแล้ว ย่อมมีข้อเสียที่เจ้าของธุรกิจควรพิจารณาควบคู่กันไปด้วย การเลือก Influencers ให้เหมาะสมกับทิศทางการตลาดของแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ค่อนข้างมีอิทธิพลกับผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก จากเดิมที่เราอาจเลือกจากยอดผู้ติดตามและหน้าตาคาแรคเตอร์ที่ใช่แล้ว ในปีนี้ควรเพิ่มประเด็นเรื่องความสัมพันธ์กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น หาวิธีการทำงานร่วมกันในระยะยาว ให้ธุรกิจของคุณเปรียบเหมือนสิ่งหนึ่งในชีวิตของ Influencers เหล่านั้น 

 

วงการ Influencer ยังไม่ใช่แค่เลือกจากความดังหรือเป็นดาราที่มีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่มีการเจาะกลุ่มเฉพาะทางที่ลึกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นักบิน แพทย์ เชฟ ที่เป็นบุคคลจริงในสายอาชีพนั้น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มลูกค้าและสัมผัสได้ถึงความจริงใจของแบรนด์ ประเด็นนี้สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกันได้เลย 

 

5. รับมือกับการสร้าง Loyalty Customer  

 

 

อย่างที่ทราบกันดีว่า แพลตฟอร์มฟรีที่ใช้งานนั้น แม้จะมีการใช้ฟรีและจ่ายเพียงแค่ค่าโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า แต่มักมีการปรับอัลกอริทึ่มต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ที่บางครั้งก็ส่งผลดีหรือส่งผลกระทบกับธุรกิจโดยตรงจนต้องรีบหาทางรับมือกันถ้วนหน้า อย่างล่าสุดแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook จะเตรียมทำการนำปุ่มกด Like ออกจากหน้าเพจ (ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะได้รับการอัปเดตนี้แล้ว) และเหลือเพียงปุ่มกดติดตาม หรือ Follower เท่านั้นดังนั้นเมื่อคนเข้ามายังแพลตฟอร์มและเกิดการติดตามแล้ว อย่าลืมสร้าง Loyalty Customer เช่น การนำลูกค้าคลิกไปยังเว็บไซต์ธุรกิจ หรือสร้าง Blog เพื่อให้ได้รับข่าวสารและโปรโมชันจากทางแบรนด์ได้ก่อนใคร 

 

เราสามารถติด Call-to-Action เพื่อนำลูกค้าไปยังเว็บไซต์และกระตุ้นด้วยการสร้างสิทธิพิเศษให้ลูกค้าสมัครสมาชิก สะสมแต้ม หรือกลับมาซื้อสินค้าซ้ำได้อีกครั้ง ดังนั้นเว็บไซต์จึงต้องรองรับการใช้งานแบบมีประสิทธิภาพ อย่าง R-Web แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ จาก Readyplanet นอกจากช่วยสร้างความน่าเชื่อถือเพราะเป็นแพลตฟอร์มของแบรนด์โดยตรงแล้ว ยังพร้อมออนไลน์ 24 ชั่วโมงและฟังก์ชันที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในปี้นี้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อลูกค้าเข้ามายังเว็บไซต์ ฟีเจอร์ Chatday แพลตฟอร์มบริหารแชททุกช่องทางในที่เดียว ยังเป็นหน้า Conversation ที่เชื่อมต่อแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างดี ที่สำคัญคือฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดยังสามารถแชทได้จากหลายช่องทาง เช่น แชทจากหน้าเว็บไซต์, แชทจาก Line OA, แชทจาก Facebook Messenger ได้สะดวกในที่เดียว (สามารถใช้งานได้แล้ววันนี้ ตั้งแต่แพ็กเกจ Premium ขึ้นไป) 

 

6. ทำ Personalization เก็บ Data เพื่อสร้างความพิเศษ

 

 

การเปลี่ยนแปลงอีกสิ่งหนึ่งคือ ในปีที่ผ่านมาหรือช่วงก่อนหน้านี้ หลาย ๆ แบรนด์เข้าใจว่าการเข้าถึงลูกค้าให้มากยิ่งดี ต้องการยอด Impression หรือยอด Reach ในการทำโฆษณา แต่ปีนี้ต้องเลิกเน้น Mass Target แล้วมาเจาะกลุ่มเป้าหมายในตรงและลึกยิ่งขึ้น การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีด้วยการทำ Personalisation ที่มีการช่วยเก็บข้อมูลว่าใครกันแน่ที่เป็นกลุ่มลูกค้าของเราจริง ๆ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ และสร้างโฆษณาออกมาได้เจาะจงและตรงจุด ช่วยกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย สิ่งนี้รับมือได้ง่ายขึ้นเพียงมี R-Dynamic ระบบโฆษณาแบบ Dynamic Retargeting แสดงโฆษณาตรงใจ เร่งการตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น 

 

ปัญหาจากการที่ลูกค้าคลิกเข้าเว็บไซต์ จากนั้นเพิ่มสินค้าลงตะกร้าหรือไม่ทำการชำระเงินเสียที R-Dynamic จะช่วยสร้างโฆษณาติดตามผู้ที่เคยเข้ามาเว็บไซต์รายบุคคลแบบอัตโนมัติ กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อหรือติดต่อได้เร็วขึ้น และเมื่อใช้ควบคู่กับการทำโฆษณาออนไลน์ สามารถช่วยเพิ่ม CTR ของ Display Ads และ Social Ads ได้ถึง 150-300% 

 

การวางกลยุทธ์การตลาดในปี 2021 เป็นสิ่งสำคัญมาก ธุรกิจควรศึกษา Customer Jouney เองด้วยและดูว่าสิ่งที่ทำไปตอบโจทย์มากแค่ไหน ดังนั้นการมี Customer Data จะช่วยให้ข้อมูลในส่วนนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ก็ช่วยให้ธุรกิจของคุณได้เปรียบคู่แข่งไปมากกว่าเดิมเช่นกัน

 

แผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในปีนี้สามารถเลือกหยิบนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับธุรกิจของคุณได้ตามต้องการ เพราะแต่ละประเภทธุรกิจและกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันย่อมหมายถึงผลลัพธ์ในวิธีการเดียวกันจะแตกต่างกันไปด้วย พยามยามมองให้เป็นภาพใหญ่และหาโอกาสในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงอย่าลืมที่จะมีแพลตฟอร์มของตัวเองไว้เพื่อความอุ่นใจและความน่าเชื่อถือ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือส่งผลกระทบกับการช้อปออนไลน์ในรูปแบบใด Readyplanet จึงแนะนำ R-Web แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ เพื่อเป็นตัวเลือกในการเสริมทัพธุรกิจของคุณให้แข็งแกร่งขึ้นในปีนี้ และมั่นใจได้ว่ากว่า 10,000+ ธุรกิจ เลือกใช้แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ของเรดดี้แพลนเน็ตเพื่อให้ธุรกิจเติบโต

 

R-Web เป็นมากกว่าแค่เว็บไซต์ ทรงพลังด้วยเครื่องมือการตลาดครบครัน
R-Web คือหนึ่งในเครื่องมือของ ReadyPlanet Marketing Platform ที่นอกจากจะทำเว็บไซต์ง่ายแล้ว ยังมาพร้อมเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่วันแรก จนกลับมาซื้อซ้ำ และกลายเป็นลูกค้าประจำที่ผูกพันกับธุรกิจของคุณ
 

 

 Updated: 23 February 2021 | Produced by: Dujnapa Chauthamcharoen