Dynamic Retargeting เทคนิคเพิ่มผลลัพธ์โฆษณาออนไลน์ กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อมากขึ้น
โฆษณาออนไลน์ของคุณยังได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจใช่หรือไม่? ผู้ประกอบการหลายท่านที่กำลังลงโฆษณา Google หรืออาจลงโฆษณา Facebook ควบคู่ด้วย ไม่ว่าจะเพื่อโปรโมทเว็บไซต์ของตัวเองก็ดี หรือ Facebook Page ก็ดี น่าจะเจอปัญหาคล้ายกันที่อาจทำให้เริ่มท้อใจในการทำธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ไปแล้ว นั่นคือเรื่องการใช้งบประมาณโฆษณาที่สูงมากขึ้น และไม่ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตามต้องการ Readyplanet จะขอแนะนำเทคนิคการทำ Dynamic Retargeting เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาออนไลน์ของคุณ กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าและบริการคุณมากขึ้น
หากจะวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้โฆษณาออนไลน์ไม่ได้ผลเท่าที่ควร สาเหตุเกิดจาก 2 ส่วนหลัก คือ
- การโปรโมทเว็บไซต์ด้วยการลงโฆษณา Google และ Facebook มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายสวนทาง
- ค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากในการออกแบบภาพโฆษณาที่สูงขึ้น เช่น ลงโฆษณา Facebook โดยใช้หลาย ๆ ภาพ เพื่อทดสอบความพึงพอใจว่า ภาพใดที่จะดึงดูดลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ก็จะต้องทำออกมาหลาย ๆ แบบเพื่อทดสอบ และแน่นอนว่า คุณต้องมีต้นทุนและการใช้ทรัพยากรบุคคลไปกับเรื่องนี้มากขึ้น
Dynamic Retargeting คืออะไร? จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์โฆษณาออนไลน์ได้อย่างไร?
ก่อนอื่น จะขอกล่าวถึงการทำ Retargeting แบบทั่วไปกันแบบไว ๆ เพื่อให้คุณได้เห็นภาพความแตกต่างของการทำโฆษณาออนไลน์แบบ Retargeting ทั่วไป กับการทำแบบ Dynamic Retargeting ได้ชัดเจน
การทำ Retargeting แบบทั่วไป คือการ Target คนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะลงโฆษณา Google หรือลงโฆษณา Facebook ก็ตาม ล้วนสามารถทำ Retargeting ได้ โดยให้โฆษณาของเราติดตามไปแสดงให้คนกลุ่มนี้ได้เห็นอีกหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้ติดต่อ หรือเพิ่มปริมาณการขาย ที่อาจใช้เวลาในการตัดสินใจนาน หรือจำเป็นต้องมีการเข้าชมหลายครั้ง กว่าลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ ข้อด้อยของการ Retargeting แบบทั่วไป คือ โฆษณาสินค้าที่เราสร้างไว้เพื่อการ Retargeting อาจจะยังไม่ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายบางคน
ส่วนการทำ Dynamic Retargeting นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยสามารถสร้างโฆษณาให้แสดงข้อมูลตามผลิตภัณฑ์ หรือหน้าที่ลูกค้าเคยเข้าไปเยี่ยมชมแล้ว ไม่ว่าจะในเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งการทำโฆษณาออนไลน์แบบ Dynamic Retargeting จะช่วยให้คุณนำเสนอโฆษณาที่ปรับเปลี่ยนได้ตรงใจกับลูกค้าของคุณมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ สามารถเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) หรือผลสำเร็จของแคมเปญ (Conversion) ให้สูงขึ้นได้
การทำ Dynamic Retargeting นั้น สำหรับผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจออนไลน์มือใหม่ อาจจะดูยุ่งยากและซับซ้อนมากอยู่ สามารถจำแนกปัญหาได้ดังนี้คือ
- คุณต้องเตรียมรูปภาพสินค้าจำนวนมาก ตามขนาดที่เหมาะสมสำหรับโฆษณา Google และ Facebook
- ต้องอาศัย Programmer ให้ช่วยแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์ให้ หรือไม่คุณก็ต้องเรียนรู้เรื่องการตั้งค่าและต้องเข้าใจ HTML Code เป็นอย่างมาก เนื่องจากการติดตั้งโค้ดที่แตกต่างกันในแต่ละหน้าของผลิตภัณฑ์อาจมีความซับซ้อน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่กำลังใช้อยู่
- ต้องอาศัย Programmer ให้ช่วยสร้างข้อมูล Feed ตามเงื่อนไขที่ Google และ Facebook กำหนด เพื่อให้สร้างโฆษณาได้
เครื่องมือที่ช่วยให้การทำ Dynamic Retargeting ง่ายกว่า ประหยัดกว่า และได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น
จากที่ได้กล่าวไป หากต้องใช้แรงคนในการเรียนรู้ HTML ติดแท็กผลิตภัณฑ์ในแต่ละหน้าให้ครบ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ต้องคอยมาข้อมูลเปลี่ยนใหม่ ทั้งในฟาก Google และ Facebook และหากมีข้อมูลในเว็บไซต์เป็นหลายสิบ หลายร้อยหน้า งานนี้ก็คงเป็นเรื่องวุ่นวาย และเกินกำลังคนที่จะทำแน่นอน
Readyplanet จึงขอแนะนำ R-Dynamic ระบบโฆษณา Dynamic Retargeting เครื่องมือ Marketing Tech ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาการลงโฆษณาออนไลน์ ที่ใช้ได้ทั้ง 2 แพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะลงโฆษณา Google หรือลงโฆษณา Facebook สามารถทำ Dynamic Retargeting โปรโมทเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ช่วยให้งบประมาณค่าโฆษณาของคุณลดลง
R-Dynamic ระบบโฆษณา Dynamic Retargeting คือเครื่องมือการสร้างโฆษณาออนไลน์แบบ Dynamic Retargeting ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการ Retargeting ทั่วไป ที่นอกจากจะช่วยให้โฆษณาของคุณติดตามลูกค้าเป็นรายบุคคลได้แล้ว ยังสามารถช่วยสร้างโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าแบบอัตโนมัติ (Automated Personalized Ads)
5 เหตุผลที่ทำไมคุณต้องเลือก R-Dynamic ให้ธุรกิจคุณ
1. ลดต้นทุนค่าโฆษณาออนไลน์ของคุณ ระบบจะติดตามลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสูงให้กลับมาแบบอัตโนมัติ
2. สามารถสร้างโฆษณาได้ตรงใจลูกค้าของคุณมากขึ้น นำเสนอได้เป็นรายบุคคล
3. เพิ่มอัตราการคลิกโฆษณา (CTR) ส่งผลให้มีโอกาสได้ลูกค้ามากขึ้น
4. ลดขั้นตอนการดีไซน์โฆษณาที่ต้องสร้างให้มีหลากหลายรูปแบบ
5. ลดเวลาการเซ็ตแคมเปญโฆษณาทั้ง 2 แพลตฟอร์ม (Google และ Facebook) เพราะ R-Dynamic ให้คุณจัดการได้ในที่เดียว
Updated: 10 August 2020 | Produced by: Harnchai Chaitusaney