จับลูกค้าอยู่หมัด ในยุค Digital Disruption

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยน ในยุคสมัยที่การตลาดออนไลน์ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป แน่นอนว่าผู้บริโภคฉลาดขึ้น การแข่งขันของแบรนด์ต่าง ๆ ในการเจาะใจกลุ่มผู้บริโภคก็เข้มข้นขึ้น แม้ว่าการตลาดออนไลน์จะไม่ “mass” เท่าสื่อ traditional media เป็นเหตุให้ต้นทุนในการลงสื่อมีกลไกการใช้เงินที่แตกต่างออกไป โดยเน้นการเข้าถึงที่หลากหลายบนต้นทุนที่เรียกว่าใช้ได้เฉพาะเจาะจงยิ่งกว่าเก่า แต่การใช้ต้นทุนกับสื่อออนไลน์ในยุค digital disruption ที่เรียกได้ว่าแบรนด์ต่าง ๆ ล้วนหันมาทำการตลาดออนไลน์ ทำให้เกิดการใช้ต้นทุนที่สูงขึ้น บนสื่อที่หลากหลายขึ้น ทั้งยังมีการวางกลยุทธ์แข่งขันกันจากแบรนด์ต่าง ๆ เรียกได้ว่าทุกนาที

Journey กลุ่มผู้บริโภคบนโลกออนไลน์

กว่าจะถึงกระบวนการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์ การได้เงินจากผู้บริโภคมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แบรนด์มักต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นหลายตอน ทำไมบางแบรนด์ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ ในขณะที่บางแบรนด์แทบไม่เป็นที่รู้จัก หากศึกษากระบวนการก่อนผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้า/บริการแล้วล่ะก็ อาจช่วยให้วางกลยุทธ์ดักผู้บริโภคได้ตรงจุดยิ่งกว่า

Awareness

Awareness หรือการสร้างการรับรู้ โดยการทำให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้การมีอยู่ของสินค้าและบริการ ทั้งในช่องทางออนไลน์ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และอื่นๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ต่างๆ

Involvement

Involvement คือขั้นตอนที่ทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับการโฆษณา เช่น การกด Like Share Comment โพสต์บนเฟซบุ๊ค การกด Favourite หรือ Retweet ในทวิตเตอร์ หรือแม้แต่การส่งต่อข่าวสารผ่านช่องทางแชท เช่น ไลน์

Active Consideration

เมื่อกลุ่มเป้าหมายเริ่มสนใจสินค้าและบริการ สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายทำก็คือ การค้นหาสินค้าผ่าน Search Engine เพื่อนำไปสู่ Website, Facebook, Youtube และอื่นๆ เพื่อเปรียบเทียบสินค้าและดูรีวิวจากผู้ใช้จริง ซึ่งหลายๆ แบรนด์เริ่มนำ Blogger และ Youtuber มาใช้ในการในการรีวิว โปรโมตสินค้า เพราะมีความน่าเชื่อถือที่มากกว่าคำอวดอ้างจากแบรนด์ รวมถึงประสบการณ์การใช้งานสินค้าและบริการนั้นๆ

Purchase

การซื้อขายสินค้าและบริการในยุคดิจิตอล นอกจากการซื้อขายผ่านร้านค้าแล้ว อีกช่องทางสำคัญที่กำลังเป็นที่นิยม กับการซื้อสินค้า นั่นก็คือช่องทางออนไลน์ สั่งซื้อสินค้าได้แม้มีมือถือเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น Website, Marketplace, Facebook Fanpage ฯลฯ

Consumption

อีกหนึ่งขั้นตอนดูแลลูกค้าหลังการขาย เมื่อลูกค้าพบปัญหา ทางแบรนด์ก็สามารถแนบคู่มือการใช้งาน คำถามที่พบบ่อย รายละเอียดต่างๆ ในเว็บไซต์ หรือลงวิดีโอสาธิตการใช้งานสินค้า ให้ลูกค้าศึกษาก็ได้เช่นกัน

Relationship Building

นอกเหนือจากการดูแลลูกค้าหลังการขาย ยังสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าหลังจากที่ลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว สามารถทำได้ผ่าน Facebook Fanpage หรือ Line Official Account เพื่อเป็นการอัพเดตข่าวสาร สินค้าและบริการใหม่ๆ โปรโมชั่นดึงดูดใจ ทำให้ลูกค้าติดตามแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

Product Advocacy

นอกจากการใช้สื่อช่องทางต่างๆ แล้ว การกระตุ้นให้ลูกค้าบอกต่อสินค้าก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ เมื่อกลุ่มเป้าหมายได้เห็นรีวิวจากลูกค้าจริง ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งวิธีสร้างการบอกต่อ อาจจะชักชวนลูกค้าทำกิจกรรม เช่น รีวิวสินค้า ติด Hashtag หรือ Tag แบรนด์นั้นๆ ลงโซเชียลมีเดียวร่วมด้วย อาจมอบส่วนลดพิเศษเพื่อตอบแทนลูกค้า เป็นต้น

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์เจาะใจผู้บริโภคยุคดิจิทัล

เมื่อรับรู้กระบวนการก่อนตัดสินใจซื้อของกลุ่มผู้บริโภคแล้วก็ได้เวลาที่แบรนด์จะต้องมาวางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ในการเข้าถึง กระตุ้นการซื้อ และสร้างเกิดการซื้อซ้ำ โดยช่องทางยอดนิยมที่ใช้ในกระบวนการการตลาดออนไลน์ก็หนีไม่พ้นเหล่า Social Media ทั้งหลาย เช่น Facebook, Instagram, YouTube ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้าง Awareness ได้ง่าย

หากแบรนด์สร้างกลยุทธ์โดยใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ครบครันเจาะในแต่ละช่วงเวลาได้ถูกต้อง ยิ่งเพิ่มโอกาสในการขาย และเพิ่มรายได้จากการซื้อซ้ำหรือ up-sell ได้มากกว่า

 

สำหรับเครื่องมือการตลาดที่ครอบคลุมทุกกระบวนการ ทาง ReadyPlanet ขอนำเสนอ

ReadyPlanet Marketing Platform ให้แบรนด์เจาะกลุ่มผู้บริโภคได้ง่าย ใช้งานสะดวก วัดผลได้จริง ในต้นทุนที่คุ้มค่า