ใช้เครื่องมือ Google Analytics ปรับรูปแบบ Content บนเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น
ปี 2017 คือปีที่ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอยู่บนโลกดิจิทัล ต้องให้ความสำคัญกับ Content Marketing มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีธุรกิจมากมาย ที่กระโดดเข้ามาสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัล เพื่อสื่อสารการตลาดกับผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่บนแพลตฟอร์มในโลกเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ตใบนี้ ทำให้การสร้างความโดดเด่น และแตกต่างจากคู่แข่งกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งการทำ Content Marketing คือตัวช่วยสำคัญ ที่จะทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ของคุณ และมีโอกาสเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของคุณเมื่อพวกเขาเกิดความต้องการได้ หากคุณสร้างสรรค์ Content ได้ตรงใจพวกเขาค่ะ
Content Marketing เป็นการสื่อสารทางการตลาด ที่เน้นให้ความสำคัญกับ “เนื้อหา (Content)” มาเป็นอันดับแรก โดยให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จนถึงการสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางต่างๆที่เหมาะสม และอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ว่าเหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับ Content ไม่ว่าจะเป็น ภาพ เสียง วิดีโอ หรือ slideshow นั้นเป็นเพราะว่า การทำ Digital Marketing ในปัจจุบันนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคเป้าหมายเป็นหลัก เพราะในยุคนี้เราไม่สามารถที่จะเพียงแค่ทำโฆษณาบนสื่อต่างๆ และผู้บริโภครับรู้ แล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะดลกออนไลน์ เปลี่ยนให้แบรนด์กลายเป็นแค่ ‘ตัวเลือก’ ที่มีโอกาสถูกปฏิเสธจากลูกค้าได้ง่ายเพียงไม่กี่คลิก
และการที่คุณจะสร้าง Content ให้มีคุณค่า ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้นั้น คุณจำเป็นต้องวัดผลลัพธ์ของ Content แต่ละชิ้นที่คุณสื่อสารออกไป ซึ่งเครื่องมือที่จะช่วยคุณได้ คือเครื่องมือวัดผลสุดโด่งดังจาก Google หรือ Google Analytics นั่นเองค่ะ
Google Analytics ช่วยผู้ประกอบการ ทำ Content บนเว็บไซต์ได้ดีกว่าเดิม
Google Analytics คือ เครื่องมือของ Google ที่ช่วยเก็บข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ปรับปรุงในส่วนงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาด การซื้อโฆษณา การปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์ การหาสิ่งที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์สนใจ เช่น สินค้า บริการ รวมถึงเนื้อหาต่างๆที่ปรากฎบนเว็บไซต์ ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์จาก Google Analytics ในการพัฒนา Content ของคุณได้ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ดูความนิยมของเนื้อหาผ่าน เวลา และจำนวนครั้งที่เข้าชมเว็บไซต์
ผู้ประกอบการที่เขียนเนื้อหาลงบนเว็บไซต์ สามารถตรวจสอบความนิยมเนื้อหาของคุณได้ ผ่านเมทริคง่ายๆ 2 ตัวด้วยกัน คือ
Average Time On Page หรือ เวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้อยู่ในเว็บไซต์แต่ละหน้า โดยคุณสามารถใช้เมทริคนี้ในการวัดว่า ผู้อ่านสนใจในเนื้อหาที่คุณเขียนมากแค่ไหน จากการใช้เวลาอยู่ในหน้าเว็บไซต์เพื่ออ่านบทความนั่นเอง
Page Views หรือ จำนวนครั้งของการถูกเรียกดูเว็บไซต์ ที่คุณสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ว่าเนื้อหา หรือเว็บไซต์หน้าใดที่มีจำนวนครั้งในการถูกเรียกดูสูงบ้าง เพราะมันสามารถตีความได้ว่าบทความใดของคุณที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมนั่นเอง
ดังนั้น หากคุณพบว่า เนื้อหาชนิดใด หรือหัวข้ออะไรที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้เวลาในการอ่าน หรือมีจำนวนการเข้าชมที่สูง คุณก็สามารถเก็บสถิตินั้นๆ เอาไว้ แล้วสร้าง Content ที่มีความใกล้เคียงกันออกมา อาจจะใกล้เคียงทางด้านรูปแบบการจัดวาง หรือทำเนื้อหาที่เป็นภาคต่อ หากยังคงได้รับผลตอบรับที่ดี คุณสามารถเดาได้แล้วค่ะว่า กลุ่มเป้าหมายของคุณมีความสนใจในเนื้อหาลักษณะนี้นั่นเองค่ะ
2. ดูจากสิ่งที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์กระทำ เมื่อเข้ามาบนหน้าเนื้อหา
นอกเหนือจากเวลา และจำนวนครั้งที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ใช้เพื่อดูเนื้อหาของคุณแล้ว คุณยังสามารถใช้ Google Analytics เพื่อดูการกระทำบนหน้าเนื้อหาของลูกค้า ที่แสดงออกถึงความสำเร็จของ Content ผ่านเมทริคที่ชื่อว่า Conversion นั่นเองค่ะ
Conversion มีความหมายคล้ายๆกับ เป้าหมาย(Goal) ที่คุณต้องการให้กลุ่มเป้าหมายกระทำเมื่ออยู่บนเว็บไซต์ เช่น คุณต้องการให้เป้าหมายอ่านเนื้อหาจบแล้ว กรอกฟอร์มเพื่อรับข้อมูลสินค้าหรือบริการเพิ่มเติม หรือ ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายกดติดตามเว็บไซต์ หรือกรอกอีเมลเพื่อรับข่าวสารหรือบทความเพิ่มเติมจากแบรนด์ ซึ่งหากคุณสามารถเขียนเนื้อหาที่จูงใจให้ลูกค้ากระทำตามเป้าหมายที่คุณวางเอาไว้ได้แล้วล่ะก็ นับว่า Content ของคุณประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลเลยค่ะ
3. ดูจำนวนผู้เข้าชมที่คลิกเข้ามา ผ่านหน้าเว็บไซต์อื่น
ไม่เพียงแค่หน้าเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น แต่คุณยังสามารถวัดความน่าสนใจของเนื้อหา ผ่าน Traffic ที่ถูกส่งเข้ามาจากเว็บไซต์อื่นๆที่คุณอาจเข้าไปฝากเนื้อหา หรือเว็บไซต์เหล่านั้นอาจกล่าวถึงเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ของคุณ แล้วได้มีการสร้าง Backlink เพื่อให้ผู้เข้าชมกลับมายังหน้าเว็บไซต์ของคุณ เพื่ออ่านรายละเอียดของเนื้อหาเพิ่มเติม ซึ่งนั่นหมายความว่า หากคุณตรวจสอบได้ว่าบทความใดบนเว็บไซต์ที่มี Traffic เข้ามาจำนวนมากจากหน้าเว็บไซต์อื่น แสดงว่า Content ของคุณมีความน่าสนใจ ทั้งกับผู้เข้าชมเว็บไซต์อื่นๆ และเว็บไซต์ของคุณเองค่ะ
4. ดูความสนใจของผู้เข้าชมเว็บไซต์ จากยอดดาวน์โหลด
นอกจากคุณจะใช้วิธีการเขียนบทความแล้วโพสต์ลงบนหน้าเว็บไซต์แล้ว คุณยังสามารถทำเนื้อหาในลักษณะ E-Book แล้วโปรโมทให้กลุ่มเป้าหมายดาวน์โหลดก่อนเข้าถึงเว็บไซต์ โดยอาจเขียนคำโปรยสั้นๆเกี่ยวกับเนื้อหาเอาไว้บนหน้าเว็บไซต์ ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบว่าเนื้อหาลักษณะใดกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายของคุณดาวน์โหลดข้อมูลเพื่ออ่านเพิ่มเติม โดยตรวจสอบจากจำนวนของการดาวน์โหลดเนื้อหาแต่ละหัวข้อ รวมถึงคุณยังสามารถเก็บข้อมูลของพวกเขาได้ ด้วยการสร้างช่องกรอกฟอร์มเพื่อขอข้อมูลส่วนตัวขึ้นบนหน้าเว็บไซต์ ก่อนที่พวกเขาจะเข้าดาวน์โหลด Content ซึ่งนอกจากคุณจะทราบข้อมูลที่ทำให้การสร้างสรรค์ Content ของคุณดีขึ้นแล้ว คุณยังสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อการสื่อสารการตลาดในรูปแบบอื่นๆต่อไปได้ด้วยค่ะ
เมื่อคุณทราบวิธีการ Google Analytics ในการดูประเภทของเนื้อหาที่จะทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สนใจได้แล้ว สิ่งที่คุณควรทำต่อไปก็คือ การนำเอาข้อมูลที่ได้ มาปรับเข้ากับ Content ที่คุณจะสร้างสรรค์ ให้เหมาะสม และตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และต้องไม่ลืมที่จะโปรโมทเว็บไซต์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายพบเห็น Content ของคุณได้ง่ายขึ้น โดยอาจเริ่มจากการนำลิงค์เนื้อหาไปโพสต์บน Facebook Page แล้วทำโฆษณาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายบน Facebook พบเห็น และคลิกเข้ามาเพื่ออ่านเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ ให้เกิดการรับรู้ และจดจำแบรนด์ของคุณได้ เพื่อสร้างโอกาสในการปิดการขายในอนาคตค่ะ
โดย ReadyPlanet เป็นตัวแทนผู้ให้บริการ Facebook สำหรับผู้ประกอบการ SME อย่างเป็นทางการรายแรกของประเทศไทย มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ มากด้วยประสบการณ์ พร้อมสนับสนุนธุรกิจของท่าน ด้วยบริการโฆษณา Facebook เสมือนว่าเป็นคู่คิดส่วนตัวของธุรกิจ เพื่อให้ทุกธุรกิจ พร้อมจะมุ่งสู่ความสำเร็จ แบบเห็นผลลัพธ์ ซึ่งผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจ
สามารถติดต่อที่เบอร์ 02-016-6988 หรือ สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ ได้เลยคะ
References :
Google Analytics Thailand
Marketingland.com
January 30, 2017
Watsanan Saikam
www.ReadyPlanet.com