ในปี 2016 ที่ผ่านมา นับว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากบนโลกออนไลน์ ทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้เวลาตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนานขึ้นกว่าเดิม ด้วยความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การเดินทางของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ (Customer Journey) มีความซับซ้อน ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการสักชิ้น จะต้องมีการหาข้อมูล เปรียบเทียบสินค้า ค้นหารีวิวต่างๆ ทั้งจากเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่การตัดสินใจซื้อเพียงเพราะเห็นโฆษณาอีกต่อไป

ผู้ประกอบการ และนักการตลาด จึงต้องให้ความสำคัญกับการสร้างตัวตน รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์เอาไว้บนเส้นทางที่กลุ่มเป้าหมายเดินทางไปถึง ซึ่งเครื่องมือที่สำคัญ และทรงพลังมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การทำ Content Marketing นั่นเองค่ะ

"Content Marketing" เป็นวิธีการทางการตลาดที่สำคัญสำหรับธุรกิจมายาวนาน เนื่องจากบนโลกออนไลน์ ผู้ประกอบการไม่สามารถมีพนักงานขายให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการกับลูกค้าได้ จึงต้องอาศัยการเขียนให้ข้อมูลลงบนเว็บไซต์ หรือใช้การรีวิวของลูกค้าในการสื่อสารการตลาด จนถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบของ Content Marketing ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น มีการผสมผสานเทคโนโลยีกับความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ที่โดดเด่นและแตกต่าง

ReadyPlanet ในฐานะองค์กรผู้ให้บริการด้านการตลาดดิจิทัลมานานกว่า 16 ปี ดูแลลูกค้ามากกว่า 16,000 ธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นแนวโน้มของการทำ Content Marketing ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายในปี 2017 มาฝากผู้ประกอบการ ดังนี้ค่ะ

สร้าง Original Content หรือ Creative Content

การสร้างสรรค์ “ความแตกต่าง” กลายเป็นโจทย์ที่สำคัญในการทำคอนเทนต์ เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ และช่วยเพิ่มการจดจำในใจของผู้บริโภคแล้ว ยังส่งผลกับอันดับของเว็บไซต์ ในสายตาของ Google อีกด้วยค่ะ

Google เสิร์ชเอนจินอันดับ 1 ในไทย กล่าวว่า ไม่สนับสนุน Duplicate Content หรือ เนื้อหาที่เหมือน หรือคล้ายกันมากๆ กับเนื้อหาที่มาจากที่อื่น โดยมีระบบการตรวจจับ และคัดกรอง Duplicate Content โดยจะเลือกแสดงผลเฉพาะเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า หรือเผยแพร่เนื้อหานั้นๆก่อน ขึ้นในหน้าแสดงผลการค้นหา และอาจผลักดันให้เว็บไซต์ที่ทำ Duplicate Content จำนวนมาก ให้เข้าข่ายเว็บไซต์ Spam ก็เป็นได้

ผู้ประกอบการจึงควรแสวงหาคอนเทนต์ ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ซึ่งหากการคิดเนื้อหาที่สดใหม่สำหรับคุณทำได้ไม่ง่ายนัก คุณอาจใช้วิธีเรียบเรียง ผสมผสานหลายๆบทความเพื่อสร้างเป็นเรื่องราวใหม่ๆ หรือมองหามุมมองใหม่ในการเขียนเล่าเรื่องราวเดิม ให้ดูน่าสนใจ และเป็นสไตล์ของแบรนด์คุณก็ได้ค่ะ

ให้ความสำคัญกับการทำคอนเทนต์บน Facebook และ Youtube

Facebook กลายเป็นพื้นที่สำคัญที่ผู้บริโภคออนไลน์ใช้เพื่อ “เสพคอนเทนต์” ไปแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ เปรียบเสมือนพื้นที่อยู่อาศัยของคนออนไลน์ ที่พวกเขาสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของครอบครัว เพื่อน รวมถึงแบรนด์สินค้าหรือบริการที่พวกเขาสนใจได้ตลอดเวลา ทำให้แบรนด์ต่างๆไม่สามารถมองข้ามการทำคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มนี้ได้เลย การเขียนคอนเทนต์ที่ดีและน่าสนใจลงบน Facebook Page นอกจากจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการของคุณได้แล้ว ยังช่วยให้ผู้ติดตาม หรือลูกค้าเดิม รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของแบรนด์คุณ และอาจกลับมาซื้อซ้ำก็ได้ค่ะ

YouTube เองก็ยังคงรักษาฐานคนดูไว้อย่างเหนียวแน่น ยังไม่มีเว็บไซต์ประเภท VDO Sharing เว็บใดที่ได้รับความนิยมมากกว่า อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคจากโทรทัศน์ให้หันมาติดตามรายการต่างๆบน Youtube กันมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการพลาดไม่ได้กับการสร้างคอนเทนต์ผ่านช่องทางนี้ค่ะ

ทำคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับลูกค้า ด้วย Video Content

จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น ว่าผู้ประกอบการควรหันมาให้ความสนใจกับการทำคอนเทนต์บน Facebook และ Youtube ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองแพลตฟอร์มได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้บริโภคในเรื่องของ Video Content โดยเฉพาะวิดีโอที่มีลักษณะเป็นการถ่ายทอดสด หรือ Live Video ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่แบรนด์สามารถดึงผู้บริโภคให้เข้ามามีส่วนร่วมสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ เช่น คุณสามารถสร้างวิดีโอสาธิตวิธีการใช้สินค้าของคุณแบบสดๆ แล้วเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถคอมเมนต์ถามคำถามได้ในระหว่างการสาธิต กลายเป็นการสื่อสารรูปแบบ Two-way Communications ทำให้นอกจากคุณจะได้รับความสนใจจากลูกค้าแล้ว คุณยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ด้วยค่ะ

ซึ่งการทำ Video Content ให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม Facebook และ Youtube ก็มีความแตกต่างกัน เช่น Facebook จะเหมาะสมกับวิดีโอที่มีความยาวไม่มากนัก ในขณะที่ Youtube สามารถรองรับผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมชอบดูวิดีโอที่มีความยาวมากกว่า เป็นต้น

คอนเทนต์บนเว็บไซต์ ยังควรให้ความสำคัญ

แม้ว่า Social Media จะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่โดดเด่นมากในการทำคอนเทนต์ แต่ผู้บริโภคเองก็ยังให้ความสำคัญกับการค้นหาข้อมูลข่าวสารผ่านการ ค้นหา เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าหรือบริการ ก่อนการตัดสินใจซื้ออยู่เป็นอย่างมาก ทำให้ Web Content จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม หรือลดความสำคัญลงแต่อย่างใด

เพราะการสร้างคอนเทนต์บนเว็บไซต์ ในลักษณะ “บล็อก” เปรียบเสมือนการส่งมอบคุณค่า ทักษะ และความรู้ของคุณให้กับลูกค้าเป้าหมาย ในช่วงแรกพวกเขาอาจยังไม่รู้จักแบรนด์ของคุณ จึงทำให้ไม่กล้าตัดสินใจซื้อ หากคุณหมั่นสร้างบล็อกที่ดี มีประโยชน์ ตอบโจทย์ความต้องการของเป้าหมาย นานวันเข้า ลูกค้าจะสามารถจดจำคุณ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้นำในสายของผลิตภัณฑ์นั้นๆ และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาต้องการสินค้าหรือบริการดังกล่าว พวกเขาจะนึกถึงแบรนด์ของคุณก่อนเป็นอันดับแรกๆค่ะ

หันมาสร้างคอนเทนต์ เพื่อการเก็บ Leads (ลูกค้า) ให้มากขึ้น

นอกจากคุณจะสร้างคอนเทนต์ในลักษณะต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายแล้ว คุณยังสามารถใช้ประโยชน์จากคอนเทนต์นั้นๆ ในการเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาอ่านบล็อก หรือดูวิดีโอ (Lead Generation) แล้วนำไปใช้ทำการตลาดในลักษณะอื่นๆได้ต่อไป เช่น

ได้ข้อมูลลูกค้าเพื่อการติดต่อกลับ ผ่านช่องกรอกฟอร์มใต้คอนเทนต์ ยกตัวอย่าง ลูกค้าอ่านเนื้อหาในบล็อกของคุณแล้วเกิดความสนใจในสินค้าหรือบริการ คุณอาจสร้างแบบฟอร์มเพื่อขอชื่อ เบอร์โทร. และอีเมล เพื่อให้พนักงานติดต่อกลับไปหาลูกค้า เพื่อให้ข้อมูล และปิดการขายต่อไป

ได้ข้อมูลลูกค้า ผ่าน Landing Page ยกตัวอย่าง คุณอาจเปลี่ยนจากการสร้างฟอร์มลงไปที่คอนเทนต์โดยตรง เป็นการสร้างแบนเนอร์เพื่อให้ลูกค้าคลิกไปยังหน้าเว็บไซต์ ที่จะให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเพิ่มเติม รวมถึงให้เบอร์ติดต่อกับลูกค้าเอาไว้บนหน้า Landing Page ก็ได้ค่ะ

สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ และมีความสนใจเริ่มต้นทำ Content Marketing เพื่อช่วยสื่อสารการตลาดไปยังผู้บริโภคในปี 2017 นี้ เครื่องมือที่ดีที่สุดที่คุณสามารถเลือกใช้เพื่อการเขียนคอนเทนต์อย่างได้ผล คงหนีไม่พ้น "เว็บไซต์" นั่นเองค่ะ

เนื่องจากคุณสามารถจัดหมวดหมู่ของคอนเทนต์แต่ละชิ้น รวมถึงค้นหาเนื้อหาของคุณได้ง่าย รวมถึงคุณสามารถเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ได้ด้วยการใช้ คีย์เวิร์ด (Keyword) หรือคำค้นหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ใส่ลงไปบนเว็บไซต์ได้ โดยไม่ทำให้ผู้บริโภคที่เข้าชมเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี ซึ่งคีย์เวิร์ดที่ตรงกับสินค้าหรือบริการ จะส่งผลให้อันดับการค้นหาบน Google ของคุณสูงขึ้นได้อีกด้วย

และสำหรับผู้ประกอบการท่านใด ที่สนใจเลือกใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป ที่ใช้งานง่าย สามารถบริหารจัดการได้เองในราคาที่คุ้มค่า จาก ReadyPlanet

คุณสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 02-016-6979 หรือ สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ