เทคนิค ทดสอบโฆษณา เพิ่มประสิทธิภาพ และลดงบประมาณอย่างได้ผล

 
ในการทำการตลาด หลายครั้งคุณอาจเกิดความสงสัย ว่าจะสื่อสารกับผู้บริโภคในรูปแบบใด จึงจะได้รับการตอบรับที่ดีที่สุด ในโลกการตลาดออฟไลน์ คุณไม่สามารถทดสอบได้ เพราะการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นช่องทางโทรท้ศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือวิทยุ ล้วนเป็นการสื่อสารที่ต้องทำอย่างจริงจังในครั้งเดียว 

แต่ในโลกออนไลน์ คุณสามารถสร้างแคมเปญการตลาดขึ้นมาทำการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบว่า แคมเปญ ภาพ หรือ ข้อความ ภายใต้ Key Message (ข้อความหลักที่คุณต้องการจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย) ใดที่ได้รับผลตอบรับดีกว่ากัน ดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรม เช่น ไลค์, แชร์, คอมเมนต์ หรือ Conversion เช่นปิดการขาย กับแคมเปญใดมากกว่ากัน ซึ่งการทดสอบแบบนี้ถูกเรียกว่า "Split Testing"

 

 


"Split Testing" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ A/B Testing ถือเป็นวิธีการทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนการทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ เนื่องจากโลกออนไลน์ เราสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำกว่ามาก และวัดผลลัพธ์จากการทำโฆษณาได้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดแนวคิดของการทำโฆษณาสินค้าหรือบริการเดียวในหลายรูปแบบ และเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันในบางคุณลักษณะ เพื่อเปรียบเทียบผลว่ารูปแบบใดที่สามารถสื่อสารการตลาดได้ดีที่สุดจึงเกิดขึ้น  ดังตัวอย่าง ต่อไปนี้
 

คุณเปิดธุรกิจโรงเรียนสอนทำอาหาร ต้องการทำโฆษณาบนเฟซบุ๊คเพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายเข้าไปยังเว็บไซต์ และตั้งเป้าหมายเป็นจำนวนลูกค้าที่โทรมาที่โรงเรียน เพื่อสอบถามและสมัครเรียนคอร์สสอนทำอาหารญี่ปุ่น ขั้นตอนที่คุณจะทำ Split Testing นั้น มีดังต่อไปนี้ค่ะ


1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยคุณทราบว่ากลุ่มเป้าหมาย ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆด้วยกัน คือกลุ่มแม่บ้าน ที่ต้องการเรียนเพื่อทำอาหารในชีวิตประจำวัน และกลุ่มที่มีความต้องการเปิดธุรกิจร้านอาหารของตนเอง เนื่องจากคุณไม่แน่ใจว่ากลุ่มใดจะเป็นลูกค้าเป้าหมายที่แท้จริง จึงต้องการทำ A/B Testing กับสองกลุ่มนี้

2. กำหนดเนื้อหาหลักของการโฆษณา ซึ่งประกอบด้วยภาพ และข้อความ โดยคุณได้แบ่งงานออกแบบ(รูปภาพ, ข้อความ) ในรูปแบบต่างๆ ออกเป็น 3 ชุด เพื่อทำการทดสอบ เพื่อให้ทราบว่าภาพ หรือข้อความใดที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด


3. ทำโฆษณาใน 2 กลุ่มข้างต้น ด้วยงานออกแบบ ทั้ง 3 ชุด และทำการวัดผล สรุปผล โดยคุณต้องสรุปเปรียบเทียบผลของโฆษณาทั้ง 6 คู่ ได้แก่ กลุ่มแม่บ้าน กับ งานออกแบบ A,B,C และ กลุ่มที่ต้องการเปิดร้านอาหาร กับ งานออกแบบ A,B,C การทำโฆษณาในลักษณะ Split Testing ที่ดีนั้น ควรวัดผลเป็นตัวเลขได้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่จำนวนผู้ที่คลิกเข้ามายังเว็บไซต์ จำนวนผู้สนใจติดต่อเข้ามาสอบถาม หรือวัดออกมาเป็นยอดขาย เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนว่า โฆษณารูปแบบใด ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน

 

การทำ Split Testing นั้นเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญมากในปัจจุบัน เพื่อให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ถูกทาง และใช้งบประมาณที่ได้มานั้นให้คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ e-Commerce ควรมีการทำ Split Testing เพื่อทำให้เกิด Conversion Rate หรือ เกิดยอดขายได้มากที่สุด เพราะคุณจะสามารถเข้าใจได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีความสนใจในโฆษณารูปแบบใด และคุณควรจะทำโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าอย่างไรต่อไปในอนาคต

 

December 07, 2016
Watsanan Saikam
www.ReadyPlanet.com

สนใจรับฟังข้อมูลบริการ

เว็บไซต์สำเร็จรูป, Online Advertising, Training course