สำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอยู่บนโลกดิจิทัล โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีนี้ คงจะเห็นแนวโน้มของการแข่งขันทางด้านราคา ของสินค้าแบรนด์ต่างๆในตลาดกันมามาก ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การลด แลก แจก แถม 

เช่น มอบคูปอง ให้ส่วนลดเป็น % แก่ลูกค้า ไปจนถึงแจกของสมนาคุณพิเศษต่างๆ เพื่อเป็นการเอาใจลูกค้า ให้หันมาซื้อสินค้าหรือบริการของตนให้มากที่สุด 

เมื่อมีการทำการตลาดเช่นนี้ออกมามากขึ้น จึงส่งผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของลูกค้า หรือเรียกว่า “การตลาดสิ่งแวดล้อม” (Marketing Environment) ให้เลือกซื้อสินค้าจากราคา และของสมนาคุณที่จะได้เพิ่มเติมเป็นหลัก

แต่สำหรับธุรกิจ SME ที่มีต้นทุนของสินค้าที่อาจสูงกว่าแบรนด์ใหญ่ๆ การแข่งขันด้านราคาอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับธุรกิจ วันนี้ ReadyPlanet จึงได้มาแนะนำวิธีที่ผู้ประกอบการ ไม่ต้องกระโดดลงไปในสงครามราคา แต่ก็ยังสามารถขายสินค้า และสร้างแบรนด์ให้ติดอยู่ในใจของลูกค้า ด้วยการใช้ Content Marketing มาฝากกันค่ะ

1. สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์

ยังมีผู้บริโภคจำนวนมาก ที่ไม่ได้เลือกซื้อสินค้าจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่เลือกจากความพึงพอใจ สังเกตได้จากสินค้าไอทีแบรนด์ดังอย่าง Apple ที่ล้วนมีราคาสูง แม้จะมีผลิตภัณฑ์จากแบรนด์คู่แข่งที่ลักษณะคล้ายกันออกมาขายในราคาที่ถูกกว่า แต่ผลิตภัณฑ์ Apple ก็ยังทำรายได้เป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี

ดังนั้น สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ การสร้างคุณค่าให้กับสินค้าของคุณเอง คิดอยู่เสมอว่าจะสร้างความพอใจให้ลูกค้าได้ในทางใดบ้าง เช่น เขียนเนื้อหาที่แสดงถึงข้อแตกต่างระหว่างแบรนด์ของคุณกับคู่แข่ง และชี้ความโดดเด่นของสินค้าที่เหนือกว่า เท่านี้คุณก็สามารถทำให้ลูกค้ายอมจ่ายเพื่อซื้อสินค้าของคุณได้แล้วค่ะ

2. นำเสนอทางเลือก ในหลากหลายระดับราคา

สินค้าและบริการประเภทเดียว สามารถมีได้หลายระดับราคา เช่น รถยนต์มีทั้งราคาหลักแสน หลักล้าน และหลักสิบล้าน, อาหารมีทั้งราคาหลักสิบ หลักร้อย ไปจนถึงหลักพันบาทต่อจาน เป็นต้น สินค้าและบริการแต่ละระดับราคาเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองกำลังซื้อของคนแต่ละกำลังจ่าย

ดังนั้น คุณอาจเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้า ด้วยสินค้าที่มีหลายระดับราคา แล้วใช้เนื้อหาสื่อสารไปยังลูกค้าแต่ละกลุ่มให้ตรงความต้องการ ก็จะช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้าของคุณได้มากขึ้นค่ะ

3. ใช้สินค้า ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

หนึ่งในความผิดพลาดของนักขายที่เรามักพบเห็นเป็นประจำก็คือ การนำเสนอการขายให้กับลูกค้าด้วยการแนะนำข้อดีของสินค้า แล้วตามด้วยโปรโมชั่นเพื่อหวังปิดการขาย โดยไม่ได้ใส่ใจปัญหา หรือความต้องการของลูกค้าก่อน และนำเสนอว่า สินค้าของคุณสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างไร ทำให้หลายๆแบรนด์ไม่สามารถปิดการขายได้อย่างง่ายดายนัก

ดังนั้น ดังนั้น คุณ และพนักงานในองค์กรของคุณ จึงควรเริ่มจากการรับฟังปัญหาของลูกค้าก่อน แล้วนำสินค้าหรือบริการมาวิเคราะห์ เพื่อหาทางนำเสนอเนื้อหาของสินค้าในแง่ของการเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้า แน่นอนว่าพวกเขาจะยินดีจ่ายเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการของคุณด้วยตัวเขาเองค่ะ

 

4. โชว์สิ่งดีๆที่ลูกค้าจะได้รับ

ผู้ประกอบการส่วนมาก มักจะนำเสนอสินค้าด้วยการแสดงคุณสมบัติพิเศษ เช่น โฆษณากล้องถ่ายรูป พร้อมเลนส์ Helios Bokeh Monster ในราคาสุดพิเศษ ลูกค้าที่เห็นข้อความโฆษณานี้ อาจไม่เข้าในความพิเศษของเลนส์ และอาจไม่เกิดความสนใจในกล้องถ่ายภาพของคุณก็ได้

แต่หากคุณเลือกนำเสนอในรูปแบบใหม่ โดยการโชว์ภาพที่สวยงามที่เกิดจากการใช้เลนส์ดังกล่าว ให้ลูกค้าได้เห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากสินค้า มากกว่าฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ที่อาจเข้าใจยาก จนเกินไป เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถดึงความสนใจของลูกค้า และเพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากขึ้นแล้วค่ะ

เพียงแค่คุณลองทำตาม 4 ข้อแนะนำ ข้างต้นนี้ คุณก็สามารถเพิ่มโอกาสที่จะรักษาฐานลูกค้า และหลีกเลี่ยงการนำแบรนด์ของคุณเข้าไปต่อสู้ในสงครามราคาบนโลกออนไลน์ได้แล้วค่ะ

September 14, 2016
Watsanan Saikam
www.ReadyPlanet.com