6 เทรนด์การตลาดดิจิทัล กับ คำแนะนำคนทำธุรกิจ
เมื่อเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2015 แน่นอนว่า สิ่งที่คนทำธุรกิจทั้งหลายเฝ้ารอ และให้ความสนใจก็คือ เทรนด์ หรือ แนวโน้มของการตลาดดิจิทัล ในปี 2016 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ เนื่องจากผู้ประกอบการบนโลกออนไลน์จะได้เตรียมความพร้อมในการวางแผนธุรกิจโดยอาศัยเทรนด์เป็นเครื่องมือได้ก่อนคู่แข่ง เพราะบนโลกที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็วนี้ ใครปรับตัวได้ก่อน ก็มีโอกาสสร้างยอดขาย ขยายฐานลูกค้า รักษาความสัมพันธํ และบริหารกิจการให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นได้มากกว่า
สำหรับเทรนด์การตลาดดิจิทัลในปี 2016 ที่น่าจับตามอง จะมีอะไรบ้างนั้น ReadyPlanet ได้ทำการค้นคว้า และรวบรวมเทรนด์ดิจิทัลจากสื่อต่างๆ จนได้ทั้ง 6 เทรนด์การตลาดดิจิทัล พร้อมทั้งมีข้อแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกิจ โดยอาศัยเทรนด์เหล่านี้เป็นเครื่องมือ มาฝากทุกท่านด้วยครับ
1. Personalized Marketing
ข้อได้เปรียบที่สำคัญของเครื่องมือดิจิทัลก็คือ สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการวัดผลโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะมีคนมองเห็นโฆษณา เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ หรือกรอกข้อมูลเพื่อรับรายละเอียด รวมไปถึงการพูดคุยเกี่ยวกับแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ล้วนเป็นข้อมูลที่เจ้าของธุรกิจใช้เพื่อติดตาม และจัดเก็บได้ทั้งสิ้น เมื่อรู้ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายชัด ก็ทำให้การสื่อสารครั้งต่อไปแม่นยำขึ้น การทำการตลาดดิจิทัลในปีหน้า ธุรกิจจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ด้วยคอนเทนต์ที่ที่ให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับพวกเขาเหล่านั้นโดยตรง
=> คำแนะนำ คนทำธุรกิจ
เจ้าของธุรกิจ ควรใส่ใจกับการติดตาม จัดเก็บ และใช้งานฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อที่จะจำแนกได้ว่า ลูกค้ากลุ่มไหน มีลักษณะอย่างไร หรือมีสถานภาพในการซื้อสินค้าเป็นแบบไหน โดยเราจะได้วางแผนส่ง Content ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาจแบ่งกลุ่มลูกค้าง่ายๆ โดยใช้เกณฑ์ด้านประชากร ( เช่น เพศ อายุ ) หรือ แบ่งกลุ่มตามพฤติกรรม และความสนใจ (เช่น จำนวนครั้งที่เข้าชม จำนวนการกรอกฟอร์มในแลนดิ้งเพจ ระดับความต้องการซื้อ หรือ ความถี่ในการซื้อ เป็นต้น )
ควรทำ Content Marketing ด้วยการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แคบลง แต่ตรงขึ้น (Micro-Targeting) โดยเลือก Content ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย (Persona Profiles) ที่สำคัญ ต้องมีเรื่องที่จะพูดชัดเจน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าแบรนด์ กำลังพูดคุยและเรียกหาเขาอยู่
Content Marketing ที่ดี ต้องสร้างเสน่ห์ จูงใจ ด้วยการเล่าเรื่อง (Story-telling) มากกว่าการบอกเล่าว่าธุรกิจเราขายอะไร ราคาเท่าไร อีกทั้ง ผู้ประกอบการ ควรวางกลยุทธ์ให้กับการทำ Content Marketing เริ่มจากการทำ Editorial Mission Statement หรือ การกำหนดชัดว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของเราเป็นใคร เราจะส่ง Content แบบใดให้กับกลุ่มเป้าหมายนั้น และเราคาดหวังให้กลุ่มเป้าหมายได้รับสิ่งใดจาก Content ของเรา
แม้จะมีข้อมูลเชิงปริมาณ ที่เป็นตัวเลขมากมาย ให้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ควรเหลือที่ว่างให้ความคิดสร้างสรรค์ เพราะจะทำให้ Content Marketing ของเรา ดูแตกต่าง โดดเด่น และเป็นที่น่าจดจำ ที่สำคัญ ยังเอื้อต่อการเข้าถึงผู้คนบนโลกออนไลน์แบบธรรมชาติ (Organic Reach) อีกด้วย
2. App Economy
จากผลการวิจัยของ ComScore ในปี 2015 พบว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ในสหรัฐฯ โมบายล์แอพ เติบโตกว่า 90% ขณะที่ผู้บริโภคใช้เวลากับโมบายล์แอพเพิ่มขึ้นกว่า 77 % โดยแบรนด์ระดับโลก เช่น กาแฟ Starbucks หรือห้างสรรพสินค้า WalMart ก็พร้อมใจกันหันมาใช้แอพ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า หรือรับคูปอง โปรโมชั่นต่างๆ โดยแต่ละแบรนด์ มุ่งให้ลูกค้าเดิมใช้แอพของตน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน นับว่าได้แอพ กลายเป็นมาส่วนสำคัญ ในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ที่แบรนด์มีต่อลูกค้า ในระบบเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และเมื่อความต้องการใช้แอพเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าข้อจำกัดต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายที่สูง ระยะเวลาการพัฒนาที่ยาวนาน ก็จะค่อยๆหมดไป
=> คำแนะนำ คนทำธุรกิจ
สำหรับธุรกิจที่มีฐานลูกค้าเดิม โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก การศึกษา ท่องเที่ยว และสถานพยาบาล นอกจากจะทำการตลาดด้วยอีเมลแล้ว ควรมองหาโมบายล์แอพ ที่มีราคาไม่สูง พัฒนาได้ไว ไม่ต้องรอนาน เน้นฟังก์ชั่นพื้นฐานครบไว้ก่อน เพื่อให้สามารถแจ้งข่าวสาร ส่งโปรโมชั่น ได้อย่างรวดเร็ว หรือให้โมบายล์แอพ เป็นอีกช่องทางในการพูดคุย ระหว่างลูกค้ากับธุรกิจได้ เพื่อการสร้างความสัมพันธ์อย่างยั่งยืน อันจะนำมาซึ่งผลกำไรจากลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง
3. Virtual Reality
เมื่อผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับ Wearable Device ซึ่งเป็นเทรนด์ในปีที่ผ่านมา ปีหน้า ผู้ใช้งานจะกลายเป็นศูนย์กลางของประสบการณ์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ที่ผสมผสานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่สร้างบรรยากาศของความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) เช่น ฟังก์ชั่น VDO 360 degree ของ Facebook ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งาน รับชมวีดีโอคอนเทนต์ ที่มีการแสดงผลสอดคล้อง กับการเคลื่อนไหวอุปกรณ์ ทำให้มองเห็นวีดีโอคอนเทนต์นั้นๆได้จากทุกทิศ ทุกทาง ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวสมาร์ทโฟน ครบทั้ง 360 องศา หรืออุปกรณ์สวมใส่ของแบรนด์ Oculus ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ความบันเทิงเสมือนจริง จากการเล่นเกม เป็นต้น จากเทรนด์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นด้วยว่า Contetn ประเภทวีดีโอ บนอุปกรณ์ที่พกพาได้ จะเข้ามามีบทบาทในการทำการตลาดดิจิทัลเพิ่มขึ้น ด้วยความสามารถในการสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า Content ประเภทภาพนิ่งหรือตัวอักษร
=> คำแนะนำ คนทำธุรกิจ
ธุรกิจอาจสร้างสรรค์ VDO Content ที่ถ่ายทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนสูง เช่น ถ่ายทำลูกค้าที่เคยใช้สินค้า ให้มาบอกเล่าความประทับใจ จากการใช้สินค้า หรือการสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่แตกต่าง สร้างสรรค์ แล้วนำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญ วีดีโอคอนเทนต์นั้น ต้องแสดงผลบนโมบายล์ แท็บเลต หรืออุปกรณ์พกพาอื่นๆ อย่างเหมาะสม
4. Fin Tech
ผลจากการเติบโตของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME และกลุ่ม Starts Up ที่ใช้ดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการทางธุรกิจ ทำให้ภาคการเงิน การธนาคารนำ Fin Tech หรือ Financial Technology เทคโนโลยีทางการเงิน มาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ในการทำธุรกรรม ที่สะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา เช่น Mobile Payment โมบายล์แอพของธานคารต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฝาก ถอน โอน ได้ง่ายๆสบายๆผ่านบนสมาร์ตโฟน หรือ Alipay บริการแบบ Cross-Border E-Payment Service ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อสินค้าในอีมาร์เกตเพลส Alibaba สามารถทำธุรกรรม หรือวิเคราะห์สินเชื่อได้ นอกจากนี้ ยังมีแอพใหม่ๆ ที่ช่วยเรื่องการทำบัญชี ขณะเดียวกันแอพที่ช่วยในการระดมทุนสาธารณะ ผ่านทางออนไลน์ (Crowd-Funding) อย่าง Indiegogo และ kickstarter ก็ได้รับความนิยมต่อเนื่องจากนักลงทุน ที่มองหาความเป็นไปได้ จากผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ใหม่ๆเช่นกัน
=> คำแนะนำ คนทำธุรกิจ
ผู้ประกอบการ ที่ต้องการสร้างยอดขาย ต้องลดขั้นตอนทางธุรกรรม ด้วยการทำให้ลูกค้า ชำระเงินได้ง่ายและเร็วที่สุด ผ่าน mobile payment รูปแบบต่างๆ อีกทั้งหน้าเว็บไซต์ในส่วนของการชำระเงิน ก็ต้องแสดงผลบนแบบ Responsive ดูเหมาะสมทุกหน้าจอ มีเนื้อหาเข้าใจง่าย เงื่อนไข ข้อจำกัดน้อย และให้หลักฐานทางการเงิน ที่ครบถ้วนสมบูรณ์
5. Local Advertising
การทำโฆษณาออนไลน์สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน จะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้แม่นยำขึ้น เพื่อส่งเสริมยอดขาย และจูงใจให้คนเข้ามาใช้บริการที่หน้าร้าน อย่างเช่นที่ Facebook เปิดตัวฟังก์ชั่น Local Awareness ที่ช่วยส่งข่าวสารในรูปแบบการโฆษณา Facebook ให้กับผู้ที่อยู่ในละแวกเดียวกับร้านค้านั้นๆ เข้ามาซื้อสินค้า รับสิทธิพิเศษ โปรโมชั่น หรือร่วมกิจกรรมทางการตลาดที่หน้าร้าน หรือฟังก์ชั่น Location Extension ในการทำโฆษณา Google AdWords ที่สามารถกำหนให้แสดงผลการเสิร์ช ตามพื้นที่ๆกลุ่มเป้าหมาย อยู่ใกล้กับร้านค้าที่ทำโฆษณาออนไลน์นั้นๆ
=> คำแนะนำ คนทำธุรกิจ
ร้านค้าที่มีหน้าร้าน ควรเพิ่มโอกาส สร้างยอดขายที่หน้าร้าน ด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ในการทำโฆษณาทั้ง Facebook หรือ Google AdWords ด้วยฟังก์ชั่นดังกล่าว เพื่อเป็นการจูงใจลูกค้า ที่อยู่ใกล้ให้เข้ามาที่หน้าร้าน และเป็นการประหยัดต้นทุนการสื่อสาร ด้วยสื่อดั้งเดิมอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ แผ่นพับ ใบปลิวโฆษณา ที่ไม่มีประสิทธิภาพในการคัดกรองกลุ่มเป้าหมาย ที่มีศักยภาพในการซื้อ
อาจมอบโปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษ เพื่อจูงใจให้ลูกค้าที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง สร้างแรงจูงใจให้มาซื้อสินค้าและบริการที่หน้าร้านไวขึ้น อาจใช้กับโฆษณาประเภท Re-Targeting ที่ช่วยกระตุ้นย้ำเตือนกลุ่มเป้าหมายให้ตัดสินใจได้ไวขึ้น
6. Mobile to Multi-Platform
คอมพิวเตอร์ อาจเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคย ในฐานะอุปกรณ์ที่เชื่อมเราเข้าสู่โลกออนไลน์ แต่ในยุคดิจิทัล โมบายล์อย่างสมาร์ตโฟน หรืออุปกรณ์ประเภทแท็บเลต ที่สะดวกต่อการพกพา กลายเป็นอุปกรณ์อันดับ 1 ที่คนทั่วโลกนิยมใช้ในการท่องโลกดิจิทัล ฉะนั้น 2016 ไม่ใช่ปีที่ผู้ประกอบการจะเริ่มพูดว่า ธุรกิจเราควรมีตัวตนออนไลน์ (Online Presence) อีกต่อไป แต่เป็นปีที่ต้องทำให้ ธุรกิจมีตัวตนบนโมบายล์ (Mobile Presence) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย เข้าถึงเราได้ง่ายที่สุด ทุกที่ ทุกเวลา นอกจากนั้นแล้ว การใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ Google Facebook Instagram ก็จะยิ่งช่วยให้เรามีโอกาสพบกลุ่มเป้าหมาย ในแพลตฟอร์มอื่นๆได้มากขึ้น
=> คำแนะนำ คนทำธุรกิจ
อาจใช้โมบายล์เว็บ ที่มี ลักษณะ Responsive สามารถแสดงผลภาพได้เหมาะสมกับทุกขนาดหน้าจอ ในการสร้างตัวตนบนโมบายล์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายค้นพบคุณได้ง่ายขึ้น
การสร้างตัวตน หรือทำโฆษณาออนไลน์ บนแพลตฟอร์มใดๆเพิ่มเติม ควรพิจารณา ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย และหมวดธุรกิจที่ทำ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ที่ใช้งานในแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองต้นทุนในการผลิตคอนเทนต์ หรืองบประมาณการทำโฆษณา ตัวอย่างเช่น สินค้าอุตสาหกรรม จำพวกอะไหล่รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ เมื่อเกิดความต้องการสินค้า จะใช้วิธีเสิร์ชหาบน Google ฉะนั้น การขยายตัวตนทางธุรกิจ ไปทำโฆษณาบน Facebook จึงอาจไม่เกิดประสิทธิภาพในการสร้างยอดขาย เทียบเท่ากับการสร้างตัวตนบนโมบายล์เว็บ และทำโฆษณาด้วย Google AdWords
และหากผู้ประกอบการท่านใด ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ รวมถึงวิธีการทำการตลาดดิจิทัลในปี 2016 สามารถสมัครเรียนใน คอร์สอบรม Digital Marketing 2016 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ได้ตั้งแต่วันนี้ ซึ่งหากสนใจรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง หรือ โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 02-016-6789 กด 5 หรือ 02-016-6979 ครับ
ที่มา :
http://blog.intergage.co.uk/2016-digital-marketing-trends-for-smes/
http://www.brandanew.co/7-digital-marketing-trends-for-your-brand-success-in-2016/
https://bubblegum.agency/five-trends-in-digital-marketing-to-success-in-2016
http://www.smartinsights.com/mobile-marketing/5-mobile-marketing-trends-that-will-rule-in-2016/
http://aditadvertising.com/online-marketing-trends-to-look-out-for-in-2016/
http://www.jeffbullas.com/2015/11/22/15-digital-marketing-trends-for-2016-that-could-destroy-your-business/
http://conversionadvantage.com/digital-marketing-trends-2016/
http://www.brafton.com/news/content-writing-news/digital-marketing-in-2016-trends-tips-and-the-new-role-of-content/
http://contentmarketinginstitute.com/2012/10/content-marketing-mission-statement-2/
https://www.comscore.com/.../2015/The-2015-US-Mobile-App-Report
December 22, 2015
Suppakorn Chudabala
www.ReadyPlanet.com