ที่มาของชื่อ 4 แบรนด์ดิจิทัลยักษ์ใหญ่ ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก


ผู้ประกอบการที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ คุณอาจมีปัจจัยทุกอย่างที่พร้อมต่อการทำธุรกิจแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้คุณคิดไม่ตก อาจเกิดจากเรื่องง่ายๆ 
อย่างการคิดชื่อแบรนด์ที่สื่อถึงตัวตนของธุรกิจคุณไม่ออก 

ซึ่งชื่อแบรนด์เองก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดผู้บริโภค หากชื่อแบรนด์ของคุณสามารถออกเสียงง่าย ฟังแล้วติดหู อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของคุณเองก็มีประสิทธิภาพ โดดเด่นและน่าสนใจ สิ่งเหล่านั้นย่อมส่งเสริมให้ชื่อแบรนด์ของคุณถูกพูดถึงไปในวงกว้าง จนทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นมาได้

และสำหรับธุรกิจที่กำลังคิดไม่ตกเกี่ยวกับการตั้งชื่อแบรนด์ วันนี้ ReadyPlanet จะมาเผย ความเป็นมาของชื่อ 4 แบรนด์ยักษ์ใหญ่บนโลกออนไลน์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ซึ่งก็คือ Google, Yahoo!, Apple และ Facebook นั่นเองค่ะ

 

 

Google - เชื่อหรือไม่? ว่า Search Engine ยอดนิยมอันดับ 1 ตั้งชื่อแบรนด์ที่แทบจะไม่มีใครในโลกไม่รู้จักจากความผิดพลาดทางการสะกดคำ!

ในปี 1996 แลร์รี่ เพจ (Larry Page) และ เซอร์เก บริน (Surgrey Brin) สองนักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด สุดยอดมหาวิทยาลัยด้านไอทีอันดับต้น ๆ ของโลก ได้ผลิตเครื่องมือที่คล้ายกับ Search Engine ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน ทั้งสองลงความเห็นว่าควรจะตั้งชื่อให้กับมัน

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่หลายวัน ก็สามารถคิดชื่อที่ถูกใจได้ ซึ่งชื่อนั้นคือ Googolplex ซึ่งหมายถึง เลข 1 ตามด้วยเลข 0 หนึ่งร้อยตัว เพื่อแสดงถึงข้อมูลมหาศาล ที่มีอยู่ในเวิลด์ไวด์เว็บ เพจกับบรินฟังแล้วรู้สึกเข้าท่าดี จึงได้ตัดทอนคำลงเพื่อให้จดจำได้ง่าย กลายเป็นคำว่า Googol

ครั้นถึงเวลาพิมพ์จดโดเมนเนม เขากลับพิมพ์ผิด เป็น Google.com ทั้งสองเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพิมพ์ผิด แต่ก็เลยตามเลย เพราะคิดว่าน้อยคนที่รู้ศัพท์ Googol และคิดว่า Google เป็นศัพท์ใหม่ ตั้งแต่นั้นมาตำนานเว็บที่ยิ่งใหญ่ก็ชื่อว่า Google.com

 

 

Yahoo! - แม้ว่าจะโด่งดังและมีผู้ใช้งานมากไม่เท่ากับ Google และถึงแม้ในปัจจุบันจะมีคู่แข่งบนโลกออนไลน์อยู่เป็นจำนวนมาก แต่ Yahoo! ก็ยังเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายแรกๆ ที่เรานึกถึง และความเป็นมาของ เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า เครื่องหมายตกใจ ที่อยู่ต่อท้ายชื่อแบรนด์ Yahoo! นั้น น่าสนใจไม่แพ้ชื่อของ Google เลยล่ะค่ะ

เรียกได้ว่า แสตนฟอร์ด เป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระดับโลกได้มากมายจริงๆ เพราะในปี 1994 ก่อนที่แลร์รี่ เพจ และ เซอร์เก บริน จะได้พบกัน มีคู่หูอัจฉริยะเกิดขึ้นที่แสตนฟอร์ดก่อนแล้ว

ซึ่งสองคนนั้นคือ เจอร์รี่ หยาง (Jerry Yang) และ เดวิด ไฟโล (David Filo) พวกเขาได้สร้างเว็บไซต์ที่ชื่อว่า “Jerry's Guide to the World Wide Web” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวม link ต่างๆเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา หลังจากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เป็น Yet Another Hierarchical Officious Oracle หรือเรียกแบบง่ายกว่ามากว่า Yahoo!

สำหรับเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงต้องมีเครื่องหมาย ! ต่อท้ายนั้น เพราะในขณะนั้น Yahoo เป็นตราสินค้าของซอสบาร์บีคิวยี่ห้อหนึ่ง เพื่อที่ทั้งสองจะได้ชื่อนี้มา พวกเขาจึงต้องเติมเครื่องหมาย ! ลงไปด้วย มิฉะนั้น คุณอาจจะต้องพิมพ์คำว่า Yet Another Hierarchical Officious Oracle ลงไปบนเว็บเบราเซอร์ของคุณทุกวันก็เป็นได้ค่ะ

 

 

   

Apple - ถ้าจะให้นึกภาพตัวคุณเองที่ไม่มี iPhone, iPod, iPad หรือ อุปกรณ์ขึ้นต้นด้วยตัว I อื่นๆ ที่บริษัทนี้เป็นคนผลิต มันก็คงยากที่จะจินตนาการตาม เพราะไม่ว่า Apple จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวใดมา ทั่วโลกต่างก็พากันเทความสนใจ และรีบหยิบเงินในกระเป๋าออกไปจับจ่าย เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ไอทีสุดหรูนี้ก่อนใครในโลก ซึ่งจุดกำเนิดของชื่อแบรนด์นั้น กลับเรียบง่ายอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะค่ะ

สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) มีชื่อเสียงมากพอๆ กับแบรนด์ของเขา ในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่มีความจู้จี้ เผด็จการ แต่น่าหลงไหล รวมถึงเป็นต้นกำเนิดของฮิปสเตอร์ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้

ซึ่งแรงบันดาลใจของชื่อ Apple นั้น มาจากการที่จ็อบส์พยายามแสวงหาความเรียบง่าย และมีชีวิตชีวา ท่ามกลางบริษัทคอมพิวเตอร์อื่นๆ ที่พยายามสร้างชื่อและโลโก้ที่ซับซ้อน และหลายคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่า จ็อบส์เป็นคนชอบเอาชนะ เขาเคยพูดในบทสัมภาษณ์ว่า เขาตั้งชื่อแบรนด์ว่า Apple เพราะเมื่ออยู่บนคำค้นหาชื่อของแบรนด์เขาจะได้ปรากฎขึ้นมาก่อน Atari (บริษัทผลิตเครื่องเล่นวิดิโอเกมที่โด่งดังมากๆในขณะนั้น)

นอกจากนั้น เขายังมีความศรัทธาในตัวของผลไม้ชนิดนี้ โดยเขาเรียกมันว่า Apple เปลี่ยนโลก สังเกตโลโก้แรกสุดของแอปเปิ้ล ที่เป็นภาพของเซอร์ ไอแซค นิวตัน นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล ก่อนที่มันจะตกลงมา และนั่นทำให้เขาค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วง ซึ่ง Apple ผลนี้ สร้างผลกระทบกับทั่วโลกไม่ต่างกับแอปเปิ้ลที่ตกลงบนศรีษะของเซอร์ ไอแซค นิวตัน เพราะทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่ Apple ปล่อยออกมา ก็สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกได้เช่นเดียวกันค่ะ

 

 

Facebook คงไม่มีใครไม่รู้จักสื่อสังคมออนไลน์ที่ฮิตที่สุดในขณะนี้ Facebook Social Media ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ถูกก่อตั้งขึ้นโดย มาร์ก เอลเลียต ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Elliot Zuckerberg) โดยเว็บไซต์นี้ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นภายในห้องพักของเขา ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 อยู่ที่ฮาร์วาร์ด

ไอเดียเริ่มแรกในการตั้งชื่อ Facebook นั้นมาจากโรงเรียนเก่าในระดับมัธยมปลายของมาร์ค ที่ชื่อ ฟิลิปส์ เอ็กเซเตอร์ อะคาเดมี่ โดยที่โรงเรียนนี้ จะมีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่ชื่อว่า The Exeter Face Book ซึ่งจะส่งต่อๆ กันไปให้นักเรียนคนอื่นๆ ได้รู้จักเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ซึ่ง face book นี้จริงๆ แล้วก็เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น จนเมื่อวันหนึ่ง มาร์คได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของมัน และนำมันเข้าสู่โลกของอินเทอร์เน็ต จนทำให้ Facebook โด่งดังแบบฉุดไม่อยู่อย่างในขณะนี้

 


 

แต่ละแบรนด์ที่กล่าวมานี้ ผู้ก่อตั้งต่างก็มีความผูกพันและเชื่อมโยงกับ ชื่อแบรนด์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนทำให้พวกเขานำเอาประสบการณ์และความทรงจำที่มีมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์

ซึ่งการที่พวกเขามีความเชื่อมโยงกับแบรนด์นั้น ย่อมผลักดันให้ทิศทางในการพัฒนาแบรนด์ของพวกเขาเป็นไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการอย่างมั่นคง เพราะเขามีธงในใจตั้งแต่ตอนที่ตั้งชื่อแล้วว่าอยากจะพาแบรนด์ไปในทิศทางใด และถึงแม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนบางอย่างตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังคง DNA ของแบรนด์ ไว้ และสิ่งนี้ทำให้พวกเขาสามารถกลายเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้

ซึ่งผู้ประกอบการทุกท่าน สามารถนำความเป็นมาของชื่อแบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั้ง 4 แบรนด์ไปเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อแบรนด์ของตนเอง โดยเชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ของธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ของคุณ รวมถึงคุณอาจตั้งชื่อแบรนด์ให้เข้ากับสินค้าของคุณ เพื่อให้สามารถค้นเจอได้บน Search Engine ก็ได้เช่นกันค่ะ
  

ที่มา :
http://www.macthai.com/2013/02/02/did-you-know-why-apple-logo-has-bite-history/
http://finance.yahoo.com/news/true-story-behind-googles-hilarious-203449312.html
http://www.cultofmac.com/125063/steve-jobs-finally-reveals-where-the-name-apple-came-from/
http://www.theguardian.com/business/2008/feb/01/microsoft.technology
http://www.businessinsider.com/apple-archive-name-apple-2011-12

 

December 15, 2015
Watsanan Saikam
www.ReadyPlanet.com

สนใจรับฟังข้อมูลบริการ

เว็บไซต์สำเร็จรูป, Online Advertising, Training course