Website Knowledge : 5 เทคนิคการให้รายละเอียดสินค้าบนหน้าเว็บไซต์ เพิ่มโอกาสปิดการขายได้ง่ายขึ้น

ทุกวันนี้มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่ช่วยสร้างตัวตนให้กับธุรกิจบนโลกออนไลน์ แต่ "เว็บไซต์" ก็ยังคงเป็นช่องทางหลักที่หลายๆ ธุรกิจเลือกใช้เป็นสื่อนำเสนอข้อมูล ทั้งแนะนำบริการและขายสินค้านะคะ เพราะสามารถจัดการข้อมูลได้สะดวกกว่า มีฟังก์ชันที่ตอบสนองกับการใช้งาน และยังสามารถใช้ควบคู่กับสื่ออื่นๆ เช่น Social Media ไปจนถึง Application ต่างๆ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าหรือผู้ชมได้อีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากข้อมูลของ Vipshop และ The Economist Intelligence Unit ที่พบว่า ผู้หญิงเกือบ 80% ในภูมิภาคเอเชียมีพฤติกรรมซื้อข้าวของเครื่องใช้ผ่านระบบออนไลน์ และ 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามเข้าชมเว็บไซต์ของร้านค้าเป็นประจำทุกวัน ยิ่งทำให้ "เว็บไซต์" เป็น "สื่อดิจิทัล" ที่ทุกธุรกิจควรมีเลยค่ะ

แต่ เว็บไซต์ จะเป็นเครื่องมือที่สร้างรายได้และยอดขายให้กับธุรกิจได้ดีดังใจหรือไม่ มีตัวแปรสำคัญอยู่ที่ "ข้อมูลบนเว็บไซต์" ที่ทุกธุรกิจต่างต้องแข่งขันกันนำเสนอออกไปสู่สายตาผู้ชมนะคะ


คอลัมน์ Website Knowledge วันนี้ จึงมี เทคนิคจัดการรายละเอียดสินค้าบนเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ โดนใจผู้ชม นำไปสู่โอกาสในการ ปิดการขาย ได้ง่ายขึ้น แบบที่ช่วยให้ลูกค้าคลิกจนจบ ครบถ้วนกระบวนการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มาแนะนำค่ะ

 

ซึ่งการให้ข้อมูลสินค้าบนหน้าเว็บไซต์เพื่อให้ปิดการขายได้อย่างรวดเร็วนั้น จะต้องมีความสมดุลกันระหว่างการให้ข้อมูลแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มากที่สุด โดยผู้ชมก็สามารถเข้าใจได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด สรุปเป็น 5 เทคนิคง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้ค่ะ

 

1. บอกลักษณะเด่นของสินค้า สร้างความแตกต่าง

หลักการให้ข้อมูลสินค้าที่ดีในเบื้องต้นคือ การให้ข้อมูลที่เป็นความจริง มีคุณสมบัติหรือรายละเอียดที่ครบถ้วน ชัดเจน แต่จุดที่ควรเน้นเพื่อช่วยลูกค้าในการตัดสินใจซื้อได้ คือ การสร้างจุดเด่นให้สินค้ามีแตกต่างจากคู่แข่งขันค่ะ ซึ่งสินค้าทุกชิ้นย่อมมีข้อดีและความโดดเด่นอยู่ในตัวอยู่แล้ว

ลองหาข้อดีหรือลักษณะเด่นของสินค้าแต่ละชิ้น และดึงมาเป็นส่วนสำคัญในการนำเสนอ โดยเริ่มได้ตั้งแต่ส่วนของการใส่จุดเด่นไปในชื่อสินค้า และให้รายละเอียดสินค้าในรูปแบบที่ให้ความรู้สึกว่า ไม่สามารถหาสินค้านี้ได้จากเว็บไซต์อื่นได้ และการตัดสินใจซื้อครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด

 

2. ให้รูปภาพช่วยมัดใจ! ต้องนำเสนอในหลายมุมมอง

เพราะลูกค้าที่กำลังจะซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ จะไม่ได้มีโอกาสที่จะเห็นชิ้นสินค้าจริงๆ ก่อนสั่งซื้อ ยิ่งเป็นสินค้าที่ต้องพิจารณารายละเอียดปลีกย่อยมากเท่าไร ก็ยิ่งมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อให้นานมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น รูปภาพสินค้า จึงเป็นอีกหนึ่งตัวแทนสำคัญจากทางร้านค้า ที่ตอบโจทย์เรื่องรูปทรง องค์ประกอบของสินค้าแต่ละชนิดได้ดีที่สุด

โดยควรถ่ายภาพสินค้า 1 ชิ้น ในหลายๆ มุม เช่น เว็บไซต์ขายรองเท้า นอกจากจะแสดงรูปทรง สีสัน ลวดลายโดยรอบของรองเท้าแล้ว อาจมีอีกรูปที่โชว์ให้เห็นพื้นรองเท้าด้วย เป็นต้น ด้วยรูปภาพสินค้าที่ชัดเจน เห็นรายละเอียดครบทุกมุมอง ก็จะช่วยทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ



ตัวอย่างการแสดงตัวอย่างสินค้าด้วยรูปภาพในหลายๆ มุม ช่วยให้เห็นรายละเอียดได้ครบถ้วน

(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ www.triple3shop.com)

 

3. มีนโยบายรับรองคุณภาพสินค้า

นอกจากคุณสมบัติของสินค้าอันโดดเด่นที่นำเสนอไปแล้ว เว็บมาสเตอร์สามารถใส่ข้อมูลหรือนโยบายรับรองคุณภาพสินค้า ซึ่งจะช่วยเสริมให้สินค้ามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น

- แสดงใบรับรองการเป็นตัวแทนจำหน่าย, ใบรับรองคุณภาพสินค้า, มีเครื่องหมายรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ระบุขอบเขตบริการหลังการขายอย่างชัดเจน
- แจ้งนโยบายการรับประกันคุณภาพสินค้า หากเกิดกรณีสินค้าชำรุดเสียหาย ทางร้านจะมีบริการรับคืนสินค้า หรือซ่อมบำรุงให้เป็นพิเศษหรือไม่ อย่างไร เป็นต้น

โดยการนำไปใช้ ก็ไม่ควรกำหนดนโยบายที่มากเกินความเป็นจริง และควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภทด้วยนะคะ แต่เชื่อได้ว่าข้อมูลส่วนนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะกำลังจะสั่งซื้อสินค้าบนหน้าเว็บไซต์ได้อย่างแน่นอน


ตัวอย่างการแจ้งนโยบายด้านการรับรองคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขายที่ชัดเจนบนหน้าเว็บไซต์


(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ www.okpetshop.com)

 

4. ตั้งราคาพิเศษเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ

การให้ข้อมูลด้านราคาก็มีส่วนสำคัญ เราสามารถให้ข้อมูลราคาปกติและราคาลดพิเศษเพื่อดึงดูดความสนใจ โดยมีเทคนิคการตั้งราคาพิเศษ เช่น

- การระบุวันที่ เช่น ราคาพิเศษนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม เป็นต้น การมีวันที่มาเป็นองค์ประกอบจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นราคาพิเศษแบบมีช่วงเวลา แต่มีข้อควรระวัง คือ เจ้าของเว็บไซต์จะต้องอัพเดทราคา และวันที่ ให้ถูกต้องอยู่เสมอ

- การให้ส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิกเว็บไซต์ นอกจากลูกค้าจะได้ซื้อสินค้าในราคาที่คุ้มค่าแล้ว เว็บมาสเตอร์เองก็จะได้เก็บข้อมูลจากระบบสมาชิกนำมาสร้างเป็นฐานลูกค้าของธุรกิจ นำไปใช้ต่อยอดด้านการทำการตลาดออนไลน์ เช่น โปรโมทกิจกรรมให้กับลูกค้าที่มีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำ และช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดี ส่งผลให้ลูกค้ามีความจงรักภักดี (Brand Loyalty) ต่อร้านค้าเรามากขึ้นด้วย

 

5. ระบุค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้ชัดเจน

หากมีค่าใช้อื่นๆ เช่น ค่าจัดส่งสินค้า หรือราคาสินค้าที่แตกต่างกันตามประเภทวัสดุ หรือขึ้นอยู่กับรูปแบบการสั่งซื้อ ก็ควรระบุให้ชัดเจน ทั้งในหน้ารายละเอียดสินค้าชิ้นนั้นๆ หรือในหน้าวิธีการสั่งซื้อวิธีการจัดส่ง เป็นต้น

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของข้อมูลในแต่ละเว็บไซต์ เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการสั่งซื้อที่อาจเกิดขึ้นและจะเป็นเหตุให้เกิดทัศนคติด้านลบต่อการซื้อสินค้าในเว็บไซต์แก่ลูกค้าได้


ตัวอย่างการระบุเงื่อนไขด้านราคา กรณีสั่งซื้อสินค้าแบบส่งและแบบปลีก


(ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ www.t-shirtthai.com)

การให้ข้อมูลที่ครบถ้วน จะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าหรือบริการนั้นตอบโจทย์และตรงต่อความต้องการเพียงใด ยิ่งผนวกกับการดึงจุดเด่นของสินค้ามานำเสนอ มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดหรือใช้วิธีตั้งราคาพิเศษ ก็ล้วนช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายให้ร้านค้าได้มากยิ่งขึ้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้ลูกค้าได้ข้อมูลที่ตัวเองสนใจ และอาจติดต่อกลับมาอีกครั้งภายหลังได้เช่นกันค่ะ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ และถ้าได้ผลดีอย่างไรก็อย่าลืมมาแชร์ให้ฟังกันบ้างนะคะ :)

Jittima Suebsook
www.ReadyPlanet.com


บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป ReadyPlanet

สนใจรับฟังข้อมูลบริการ

เว็บไซต์สำเร็จรูป, Online Advertising, Training course