10 ประโยชน์ของระบบ CRM ที่มีต่อทีมขายและเซลส์
ก่อนที่เราจะพูดถึงประโยชน์ของระบบ CRM เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะอยากทราบถึงความสำคัญของการเลือกใช้ระบบเข้ามาช่วยในการทำงานของทีมขายหรือเซลส์ ในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือกใช้ จริง ๆ แล้วระบบ CRM ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่สุดสำหรับทีมขายเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นระบบที่รวบรวมข้อมูลสำคัญกระบวนการขายทั้งหมด ทั้งข้อมูลลูกค้า ขั้นตอนการขาย รายงานสำคัญ เป็นต้น
ซึ่งทำให้ภาพรวมแนวโน้มในปัจจุบันของการที่บริษัทเลือกใช้ระบบ CRM นั่นเป็นไปในทิศทางที่เพิ่มมากขึ้น และปัจจุบันระบบ CRM ก็ได้ถูกพัฒนามาให้ครอบคลุม ช่วยให้การทำงานในทุก ๆ ขั้นตอนของทีมขายหรือเซลส์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่พลาดทุกการปิดการขาย และเซลส์เองก็สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสม
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- 10 ประโยชน์ของระบบ CRM ที่มีต่อทีมขายและเซลส์
- 1. บริหารจัดการ Lead ได้อย่างเป็นระบบ
- 2. ติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสปิดการขาย
- 3. เพิ่มบันทึกข้อความสำคัญ ได้ครบถ้วน ย้อนดูได้
- 4. ลดงานด้านการจัดการเอกสาร
- 5. ทำใบเสนอราคาได้ง่าย ด้วยแบบฟอร์มมาตรฐาน
- 6. ส่งอีเมลผ่านระบบได้สะดวก รวดเร็ว
- 7. ลดเวลาในการทำรายงานการขาย
- 8. ทำงานผ่านระบบได้ทุกที่ ทุกเวลา
- 9. ทีมงานใช้งานระบบได้ง่าย ระบบมาพร้อมเมนูภาษาไทย
- 10. ปักหมุดเช็คอินสถานที่ได้ง่าย ไม่ต้องส่งรูปไปมาผ่านแอป
- สรุป
10 ประโยชน์ของระบบ CRM ที่มีต่อทีมขายและเซลส์
1. บริหารจัดการ Lead ได้อย่างเป็นระบบ ข้อมูลสำคัญไม่สูญหาย ส่งต่อง่าย
ระบบ CRM จะช่วยให้เซลส์สามารถจัดการกับข้อมูลลูกค้าจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากเมื่อก่อนที่ทีมขายอาจจะต้องนั่งบันทึกข้อมูลลูกค้าหรือ Contact Information ไว้ใน Excel และต้องคอยเปิดเช็คความถูกต้องทีละรายการ แต่ปัจจุบันระบบ CRM สามารถช่วยในการบริหารจัดการข้อมูล จัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ สามารถเปิดดูเพื่อใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องกลัวข้อมูลสำคัญสูญหาย หรือหากทีมขายต้องการส่งต่องานหรือส่งต่อลูกค้าให้กับทีมงานอื่น ก็สามารถส่งต่อผ่านระบบได้ทันที
2. ติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ตกหล่น เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
การติดตามลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ สม่ำเสมอ และให้เวลาลูกค้าอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น ระบบ CRM จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นลง เพื่อให้เซลส์มีเวลาในการติดตามลูกค้าได้อย่างไม่ตกหล่น สามารถตรวจสอบได้เสมอว่าลูกค้าคนไหนอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ลูกค้ารายไหนที่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อนำไปสู่การปิดการขายที่มีประสิทธิภาพ
โดยระบบ R-CRM ก็มีฟีเจอร์ที่จะช่วยให้ทีมขายดูข้อมูลภาพรวมได้ครบจาก Sales Pipeline จำแนกกลุ่ม Lead ได้ด้วยป้ายกำกับ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและติดตามลูกค้า และฟีเจอร์ Reminder ก็ช่วยให้เซลส์ตั้งวันที่และเวลาแจ้งเตือนนัดหมายได้ เพื่อวางแผนการติดต่อหรือนัดพบลูกค้าในครั้งต่อ ๆ ไป
3. เพิ่มบันทึกข้อความสำคัญ กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของ Lead ได้อย่างครบถ้วน ย้อนดูได้เสมอ
เชื่อว่าในทุก ๆ การติดตามลูกค้า ต้องมีการคุยรายละเอียดและข้อมูลสำคัญมากมาย ดังนั้นเซลส์จะต้องมีการเก็บรายละเอียด ประวัติการพูดคุยกับลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้พลาดความต้องการของลูกค้าไป ซึ่งการบันทึกรายละเอียดสำคัญทุกครั้งที่ติดต่อลูกค้า จะสามารถให้เซลส์ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในครั้งต่อไปที่ติดต่อกับลูกค้าได้ การบันทึกจะทำให้เราสามารถจดจำรายละเอียดที่ลูกค้าเคยบอกไว้ได้ หากมีสิ่งที่ต้องปรับแก้ไขให้ลูกค้า ก็สามารถกลับมาย้อนอ่านทบทวนและแก้ไขให้ลูกค้าเรียบร้อย ก่อนการติดตามครั้งถัดไปได้ นอกจากจะทำให้เราสามารถปิดการขายหรือบริการลูกค้าได้อย่างไม่ตกหล่นแล้ว ยังสร้างความเป็นมืออาชีพและสร้างประทับใจในความใส่ใจของเซลส์ได้อีกด้วย
4. ลดงานด้านการจัดการเอกสารต่าง ๆ
หากว่านึกย้อนไปเมื่อก่อนที่หลาย ๆ บริษัทยังเลือกใช้การจัดเก็บเอกสารเป็นกระดาษ ซึ่งนอกจากจะสูญหายแล้วยังทำให้เสียเวลาในการค้นหามาก ซึ่งต่อมาที่ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเก็บเอกสารให้มาอยู่ในรูปแบบออนไลน์ ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกต่อการทำงานมากขึ้น โดย R-CRM ก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยลดงานด้านการจัดการเอกสารต่าง ๆ ให้กับทีมขายอย่างฟีเจอร์ Document Management ที่เซลส์สามารถนำเอกสารต่าง ๆ ไว้ที่ระบบศูนย์กลางและสามารถเลือกใช้ได้ง่ายขึ้น หากต้องแนบส่งให้ลูกค้า ช่วยให้การจัดการงานเอกสารที่เคยยุ่งยาก จัดการได้รวดเร็วมากขึ้น
5. ทำใบเสนอราคาได้ง่าย ด้วยแบบฟอร์มมาตรฐาน
“ใบเสนอราคา คือหน้าตาของธุรกิจ” อาจไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงอีกต่อไป เพราะใบเสนอราคา ถือเป็นเอกสารสำคัญที่เซลส์จะใช้ในการประสานงานกับลูกค้า เพื่อเสนอสินค้าและบริการของธุรกิจ ความละเอียดของข้อมูล ราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ในใบเสนอราคาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือและช่วยให้ทีมขายปิดการขายได้เร็วมากขึ้น โดยระบบ R-CRM ก็ได้เพิ่มความสะดวกให้กับทีมขายด้วยการมีฟีเจอร์ Quotation ที่เซลส์สามารถสร้างใบเสนอราคาได้อย่างรวดเร็วผ่านแบบฟอร์มมาตรฐาน สามารถเลือกรายการสินค้าที่มีอยู่ในระบบได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์รายละเอียดทีละรายการ ลดความผิดพลาดลงได้อีกด้วย
6. ส่งอีเมลได้สะดวก ผ่าน R-CRM
ช่องทางการติดต่อทางธุรกิจที่ปัจจุบันหลาย ๆ บริษัทยังคงใช้ช่องทางนี้ในการติดต่อ รวมถึงส่งเอกสารสำคัญ ก็คือ E-Mail โดย R-CRM นั้นสามารถลดเวลาในการทำงานให้กับทีมขายได้มากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ที่สามารถส่งอีเมลถึงลูกค้าผ่านระบบได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเข้า Gmail หรือ Outlook ให้ยุ่งยาก อีกทั้งฟีเจอร์นี้ยังสามารถแนบไฟล์ อัปโหลดรูปต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน และอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญคือที่หลาย ๆ ครั้งอาจเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลถึงการปิดการขายได้มาแล้ว นั่นก็คือ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าลูกค้าได้รับอีเมลของเราแล้วหรือไม่ หรือเกิดปัญหาอะไรที่ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับอีเมลของเรา แต่ความกังวลตรงนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะในระบบสามารถแจ้งสถานะว่าอีเมลของคุณ ลูกค้าได้เปิดอ่านแล้วหรือไม่ได้อีกด้วย เพื่อให้เราสามารถวางแผนขั้นตอนต่อไปที่จะติดตามลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. ลดเวลาในการทำรายงานการขาย เซลส์ตรวจสอบยอดขายของตัวเองได้ทันทีผ่านระบบ
หลายครั้งที่ทีมขายไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทีมขายมองไม่เห็นภาพรวมของตนเองและยังหาข้อบกพร่องของตนเองไม่เจอ ทำให้ยากที่จะหาจุดที่ตนเองต้องพัฒนา ใน R-CRM มี Sales Report และรายละเอียดยอดขายต่าง ๆ ของเซลส์แต่ละคน ระบบสามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ข้อมูลในรายงานตรงนี้ เซลส์ก็อาจจะต้องเรียนรู้ในการวิเคราะห์ด้วย เพื่อจะช่วยให้นำไปวางแผนและปรับระบบการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้น จนนำมาสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้นั่นเอง
8. ทำงานผ่านระบบ R-CRM ได้ทุกที่ ทุกเวลา
หลายครั้งที่ทีมขายต้องออกไปพบปะลูกค้านอกสถานที่ ดังนั้นระบบงานที่เข้าได้เพียงที่เดียวจากคอมพิวเตอร์บริษัทก็ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ในยุคที่ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ R-CRM ก็สามารถตอบโจทย์ให้ทีมขายได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งผ่านโน้ตบุ๊ค มือถือ
9. ทีมงานใช้งานระบบได้ง่าย เพราะมาพร้อมเมนูภาษาไทย
เชื่อว่าต้องมีหลายๆคนที่เคยทำงานระบบอื่น ๆ ด้วยการใช้ระบบภาษาอังกฤษแล้วอาจจะเกิดข้อสงสัยในฟีเจอร์บางอย่าง หรือไม่ได้เข้าใจการใช้งานแบบ 100% แต่สำหรับ R-CRM เราออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทยโดยเฉพาะ ที่มาพร้อมเมนูภาษาไทย ช่วยให้เซลส์สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้นาน ใช้งานระบบได้รวดเร็ว ลดโอกาสที่จะเกิดความไม่เข้าใจในระบบแล้วส่งผลต่อความผิดพลาดในการทำงาน
10. ปักหมุดหรือเช็คอินสถานที่ได้ง่าย ไม่ต้องส่งรูปไปมาผ่านแอพอีกต่อไป
ใน R-CRM เราสามารถปักหมุดสถานที่ได้ในระบบเลยอย่างสะดวก หรือแนบรูปภาพได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไปผิดที่ ผู้บริหารตรวจสอบเส้นทางได้ และทีมขายยังสามารถสำรวจเส้นทางก่อนไปนัดพบลูกค้าได้เช่นกัน นอกจากนี้ฟีเจอร์นี้ยังสามารถเพิ่มบันทึก รายละเอียดสำคัญเมื่อตอนไปหาลูกค้าได้อีกด้วย
สรุป
การเลือกใช้ระบบ CRM ในบริษัทจะช่วยยกระดับทีมขายและเซลส์ ให้สามารถทำงานขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยจัดการงานขายตั้งแต่เริ่มต้นได้อย่างเป็นระบบ และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายอย่างได้ผล ดังนั้นการเรียนรู้เทคโนโลยีและการใช้งานระบบ CRM จึงจำเป็นอย่างมากสำหรับเซลส์ในปัจจุบัน นอกจากประโยชน์ข้างต้นที่จะได้รับแล้ว ยังช่วยให้เพิ่มทักษะความสามารถด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมและสามารถพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไปได้
R-CRM แพลตฟอร์มบริหารจัดการงานขาย จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีทีมขายเป็นอย่างมาก มีฟีเจอร์สำคัญโดยรวบรวมนำเอาทุกความยุ่งยากในอดีตมาแก้ไขให้อยู่ในระบบเดียวและออกแบบให้สามารถใช้งานและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจสามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้นเพื่อนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ
สมัครใช้งาน Readyplanet R-CRM
R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement
ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี