6 ข้อผิดพลาดที่เซลส์ควรระวัง เพื่อไม่ให้เสียลูกค้าไปง่าย ๆ
งานขายถือว่าเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนธุรกิจ เซลส์จึงเป็นอาชีพที่หล่อเลี้ยงธุรกิจให้เติบโต ซึ่งหน้าที่หลักหนึ่งของเซลส์หรือพนักงานขายคือการติดตามลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย แต่หลายครั้งเซลส์ก็มีทำพลาดอยู่บ้าง ทำให้จากที่ควรเพิ่มฐานลูกค้าได้ กลับกลายเป็นเสียลูกค้าไปอย่างง่ายดาย ดังนั้น การเรียนรู้ข้อผิดพลาดที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดในกระบวนการขาย เป็นสิ่งเซลส์จะต้องตระหนักและรอบคอบมาก ๆ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาดังกล่าวตามมา ดังนั้นเรามาเรียนรู้ไปพร้อมกันค่ะ ว่ามีข้อผิดพลาดอะไรบ้างที่เซลส์ควรระวัง ถ้าไม่อยากเสียลูกค้าไป
เลือกอ่านตามหัวข้อ
6 ข้อผิดพลาดที่เซลส์ควรระวัง เพื่อไม่ให้เสียลูกค้าไปง่าย ๆ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แม้ว่าเซลส์จะมีประสบการณ์มากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ควรประมาทและควรระวังเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในการขาย จนเกิดผลกระทบตามมาและอาจจะนำไปสู่การเสียลูกค้าไปอย่างง่ายดาย ซึ่งข้อผิดพลาดที่เซลส์ควรระวังมีดังนี้
1. ไม่เตรียมตัว ไม่เตรียมพร้อม ไม่รู้จักลูกค้า
หลายครั้งที่ข้อผิดพลาดมักเกิดขึ้นจากการที่เซลส์ไม่มีการเตรียมตัว ไม่ทำการบ้าน จึงขาดการวิเคราะห์ถึงปัญหาที่ลูกค้าเจออยู่ ทำให้นำเสนอในสิ่งที่อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้าและไม่ได้เตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้อีกด้วย ดังนั้นเซลส์ควรรู้จักสร้าง “Value Proposition” หรือการนำเสนอคุณค่าของแบรนด์ให้ตรงใจลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงใจ
ดังนั้นก่อนเข้าพบลูกค้าทุกครั้ง เซลส์ควรต้องมีการศึกษาข้อมูลลูกค้าก่อนเสมอ ให้ทราบถึงพื้นฐานความต้องการ นิสัยใจคอเบื้องต้น และปัญหาที่ลูกค้ากำลังเจออยู่ เพื่อหาจุดเชื่อมโยงว่าสินค้าของธุรกิจเราจะสามารถตอบโจทย์ปัญหานั้นได้อย่างไรบ้าง
2. ไม่เข้าใจในสินค้าและบริการของธุรกิจ ทำให้คำถามลูกค้าไม่ได้
มีเซลส์จำนวนไม่น้อยที่ไปเน้นแต่เรื่องลูกค้าและพยายามปิดการขายให้ได้ แต่ลืมที่จะศึกษาหรืออัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของธุรกิจเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดข้อมูล คุณสมบัติ จุดเด่น จุดด้อย รวมถึงการทำความรู้จักสินค้าของคู่แข่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทำให้เมื่อถึงเวลาที่ต้องเจอลูกค้า ทำให้ไม่สามารถดึงจุดขายออกมาได้ จึงเสียโอกาสที่จะปิดการขายไปได้เช่นเดียวกัน
3. ไม่มีการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ ลืมรายละเอียดสำคัญ หรือจดไว้หลายที่
หลายครั้งที่เซลส์ยังคงเคยชินกับการคว้าอะไรได้ก็จด ซึ่งนั่นเสี่ยงมากที่ข้อมูลลูกค้าจะหล่นหาย เพราะอย่าลืมว่าเซลส์หนึ่งคน มีลูกค้าอาจจะมากเป็นหลักสิบ หลักร้อย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจดจำรายละเอียดเองได้ทั้งหมด การใช้วิธีจดบันทึกด้วยรูปแบบเดิม ๆ อาจจะไม่เหมาะสมอีกต่อไป เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้ข้อมูล แต่ต้องเสียเวลานานในการค้นหาข้อมูล
ดังนั้น ทางออกที่ดีเพื่อจะแก้ไขข้อผิดพลาดนี้ คือการใช้ ระบบ CRM เพื่อบันทึกและจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ เช่น ข้อมูลลูกค้า, ประวัติการสั่งซื้อ, เซลส์คนไหนเป็นผู้รับผิดชอบลูกค้าแต่ละราย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มบันทึกสำคัญเกี่ยวกับลูกค้าได้อย่างครบถ้วนในระบบ ไม่มีตกหล่น สามารถย้อนดูประวัติกิจกรรมต่าง ๆ และค้นหาข้อมูลเพื่อนำมาใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วอีกด้วย
4. ไม่ชอบเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี ต้องจัดการงานด้วยตัวเองทุกอย่าง
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี ที่ใครดี ใครไว ก็จะได้ลูกค้าไป ลำพังจะมานั่งจดทุกอย่างลงสมุด ก็คงจะไม่ทันกินอีกแล้ว แม้ว่าเทคโนโลยีอาจจะมาพร้อมความยุ่งยากในการใช้งานช่วงเริ่มแรกที่ยังไม่คุ้นชินก็ตาม แต่เมื่อไรที่เราเรียนรู้และใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว นี่คือตัวช่วยชั้นดีที่จะบันทึกข้อมูลและช่วยจัดการงานทุกอย่างแทนเราได้ ซึ่งการปิดกั้นที่จะเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่อันตรายและอาจจะทำให้เราปิดการขายได้ช้ากว่าคู่แข่งก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น ระบบ CRM หนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกนำเข้ามาจัดการงานขาย จะสามารถเข้ามาช่วยให้เซลส์ทำงานได้ง่ายขึ้น สะดวกและรวดเร็ว หากใช้เวลาเรียนรู้ ทดลองใช้อย่างตั้งใจ การปิดการขายอย่างทะลุเป้าอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
5. ไม่ติดตามลูกค้า ลืมนัดลูกค้า ปิดการขายไม่ได้
การปล่อยปละละเลยลูกค้า อย่างการลืมนัดลูกค้า ไม่ติดตามลูกค้า ผลที่ตามมาคือไม่สามารถปิดการขายได้ หรือหากใครที่พบลูกค้าแล้ว การติดตามลูกค้าที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี คือควรสอบถามช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการซื้อ เพื่อที่เราจะได้วางแผนติดตามงานได้ถูกจังหวะ และอย่าลืมที่จะใช้ระบบ CRM เพื่อดู Sales Pipeline หรือขั้นตอนการขายว่าสถานะการขายไปถึงไหนแล้ว ติดขัดอยู่ขั้นไหน อยู่ขั้นไหนเป็นเวลานาน จะได้วางแผนในการสอบถาม โทรคุยหรือนัดพบ อีกทั้งเซลส์ควรต้องคอยไถ่ถามความพึงพอใจของลูกค้า และส่งข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแสดงออกให้ลูกค้าเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับเขามากแค่ไหน และจะคอยสนับสนุนลูกค้าอยู่เสมอ
6. ไม่รอบคอบ ข้อมูลใบเสนอราคาตกหล่น เอกสารไม่ถูกต้อง ขาดความเป็นมืออาชีพ
อาชีพเซลส์เป็นอาชีพที่มีเม็ดเงินของธุรกิจอยู่ในกำมือ ดังนั้น เมื่อเปิดดีลการขายได้เมื่อไร จะต้องรอบคอบให้มาก ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของใบเสนอราคา ตัวเลข รวมถึงรายละเอียดข้อกำหนด เงื่อนไขต่าง ๆ เพราะหากไม่รอบคอบมากพอ ข้อมูลในใบเสนอราคาตกหล่น มูลค่าต่าง ๆ ไม่ถูกต้อง นั่นแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ ทำให้ความไว้ใจของลูกค้าลดลง และอาจจะส่งผลกระทบการในขายได้ด้วย ดังนั้น การมีเทคโนโลยี อย่างระบบ CRM เข้ามาช่วย ก็สามารถลดข้อผิดพลากส่วนนี้ลงได้ เพราะมีฟีเจอร์ที่เซลส์สามารถสร้างฟอร์มใบเสนอราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ได้เองอย่างรวดเร็ว สามารถตั้งค่าเพื่อขออนุมัติจากผู้จัดการฝ่ายขายได้อย่างง่ายดายผ่านระบบ และส่งต่อให้ลูกค้าผ่านอีเมลได้เลยทันที เห็นหรือไม่คะ ว่าสามารถจัดการงานขายได้แบบครบ จบ ในระบบเดียวจริงๆ
สรุป
การทำกำไรคือหัวใจการทำธุรกิจ ซึ่งคงไม่มีธุรกิจไหนที่อยากจะพลาดโอกาสที่จะเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้น เพียงเพราะข้อผิดพลาดและความประมาทจากการทำงานของเซลส์ ซึ่งทางที่ดีกว่าการแก้ไขหลังเกิดปัญหาขึ้นแล้ว คือการรู้จักป้องกันข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การเสียลูกค้าและโอกาสที่จะปิดการขาย ไม่ว่าจะเป็น การเตรียมพร้อม ทำการบ้านเพื่อให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น, การดำเนินจัดการบริหารลูกค้าอย่างเป็นระบบด้วยเทคโนโลยี R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่ครอบคลุมการใช้งานของเซลส์ให้ทำงานได้ราบรื่น สะดวกสบาย และมีความเป็นมืออาชีพที่สุด ผู้บริหารและผู้จัดการฝ่ายขายก็ไม่ต้องคอยปวดหัวเพื่อแก้ปัญหาในความผิดพลาดต่าง ๆ อีกต่อไป และมีเวลาเพื่อไปโฟกัสการสร้างยอดขายของธุรกิจได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
สมัครใช้งาน Readyplanet R-CRM
R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement
ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี
