เจาะลึกฟีเจอร์ Sales Check-in ของ R-CRM ตอบโจทย์ธุรกิจ ที่มีเซลส์ออกไปพบลูกค้าบ่อย

ในยุคนี้การนั่งรอลูกค้าอย่างเดียวเพื่อสร้างยอดขาย อาจจะไม่ได้ผลเหมือนเดิมแล้ว ต้องมีการใช้วิธีเชิงรุกต่างๆ เพื่อเข้าหาลูกค้า โดยเฉพาะวิธีมาตรฐานทั่วไปของการเป็นเซลส์ก็คือด้วยการออกไปพบลูกค้า ไปขายงานให้ลูกค้าถึงที่ แต่สิ่งนี้ก็มักจะมีปัญหาตามมามากมายที่เกิดขึ้นทั้งกับทางฝ่ายบริหาร หัวหน้าทีมขาย หรือแม้แต่ตัวเซลส์เอง เช่น ความกังวลของหัวหน้าทีมขาย ที่ไม่แน่ใจว่า เซลส์หรือทีมขายได้ออกไปพบลูกค้าจริงหรือไม่ การขายงานมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน เซลส์เองถ้าต้องแจ้งอัปเดตสถานที่ที่ไปพบลูกค้า ก็ต้องใช้วิธีถ่ายรูปส่งหัวหน้า หรือแชร์ Location ในเครื่องมือสื่อสาร อย่าง Line หรือ Facebook Messenger ทำให้ดูข้อมูลยาก ย้อนดูประวัติสถานที่ไม่ได้ ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ยากเพราะข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ถูกจัดเก็บอย่างมีระบบ

แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป และทำให้เซลส์ที่ออกไปพบลูกค้านอกสถานที่บ่อยๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพียงแค่ใช้ R-CRM ซึ่งมีฟีเจอร์ Sales Check-in เข้ามาช่วยในการทำงานให้คล่องตัว สะดวกมากขึ้น และฟีเจอร์นี้ใช้งานอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร วันนี้ Readyplanet จึงขอมารีวิว รายละเอียดการใช้งานของ Sales Check-in ให้เห็นถึงความสามารถของเครื่องมือนี้แบบครบทุกมุมการขายกันค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

 

รีวิว ขั้นตอนการใช้งานฟีเจอร์ Sales Check-in : ใช้สะดวก ตอบโจทย์งานขาย

Sales Check-in ฟีเจอร์หนึ่งของ R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย มีวิธีการใช้งานที่ไม่ยาก และตอบโจทย์ขั้นตอนการทำงานของนักขายหลายๆธุรกิจเป็นอย่างมาก วันนี้เราเลยขอมารีวิวการใช้งาน โดยจะขอยกเหตุการณ์สมมติให้ทุกคนได้เห็นภาพและเข้าใจการใช้งานแบบ Step-by-step ของฟีเจอร์นี้กันมากขึ้นค่ะ

ตัวอย่าง : สมมติว่าเราเป็นเซลส์ที่ได้โจทย์จากหัวหน้าฝ่ายขายมาว่า วันนี้ต้องออกไปพบลูกค้า 3 แห่งใน 1 วัน หรือบางธุรกิจก็มีแผนการออกพบลูกค้าของเซลส์ที่แตกต่างกันออกไป และเมื่อมีการออกไปนอกสถานที่แล้วต้องรายงานผลการทำงานนี้ให้หัวหน้างานและทีมได้รับรู้ว่า เราได้ไปที่ไหนบ้าง ถึงเวลาเท่าไหร่ หรือแม้แต่ไปพบลูกค้าครั้งนี้ เป็นการคุยถึงรายละเอียดอะไรในงานขายบ้าง ซึ่งเซลส์ก็สามารถทำการปักหมุดได้ง่ายๆ ผ่านฟีเจอร์ Sales Check-in นี้

เมื่อเซลส์ไปถึงสถานที่นัดพบลูกค้าแล้ว ให้เปิดระบบหลังบ้าน R-CRM ขึ้นมา ไปที่ชื่อ Leads หรือลูกค้าที่เราไปพบ แล้วจะมีหน้าต่างใหม่ "ข้อมูลของ Lead" เป็นป็อปอัพหน้าต่างขึ้นมา ซึ่งจะมีแสดง Sales Pipeline และรายละเอียดการบันทุกต่างๆของลูกค้ารายนั้น จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างจะมีแถบโดยให้คลิกไปที่แถบเมนู “เช็คอิน” แล้วระบบจะขึ้นแผนที่มาให้ โดยแผนที่จะเป็นการค้นหาสถานที่ในรัศมี 1 กม. หรือสามารถทำการพิมพ์ชื่อสถานที่ที่เราอยู่ (สถานที่ที่พบลูกค้า)และทำการปักหมุดได้เลยทันที ง่ายๆแค่ไม่กี่คลิก

 

rcrm sales check-in

 

เมื่อเราปักหมุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว และถ้ามีภาพหรือเอกสารอื่นๆ ที่ต้องการแนบ เช่น ภาพถ่ายในบริษัทนั้นๆ หรือต้องการบันทึกรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม ก็สามารถแนบไฟล์ หรือพิมพ์บันทึกได้เข้าไปได้ด้วยตนเอง จากนั้นทำการกดบันทึก ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการขายงานนอกสถานที่ของลูกค้ารายนี้ก็จะถูกบันทึกเข้าไปในระบบ ที่เซลส์สามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการทำงาน รวมถึงตามอ่านประวัติต่างๆ ย้อนหลังได้ หากถ้าเซลส์ท่านั้นลาออกไป เซลส์ใหม่หรือคนในทีมก็จะสามารถเข้าไปดูข้อมูลลูกค้ารายนี้ได้เลย

 

rcrm sales check-in and add noted

 

จะเห็นว่า ในฟีเจอร์เช็คอินนี้ จะมีข้อมูลบอกชื่อสถานที่ พร้อมเวลาที่เราเช็คอินด้วย ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงที่ช่วยยืนยันเราได้ว่า เราไปถึงสถานที่นั้นๆ ตอนเวลากี่โมง ในกรณีที่เซลส์ต้องออกไปพบลูกค้าถึง 3 ราย ในสถานที่ต่างๆกันใน 1 วัน หรือบางธุรกิจก็อาจจะ 10-20 รายต่อสัปดาห์ ซึ่งในแต่ละสถานที่ก็จะมีการระบุเวลาไว้ ช่วยให้ผู้บริหารหรือหัวหน้าทีมขาย ทราบได้ถึงความคืบหน้าในการทำงาน และได้ทราบข้อมูลสถานที่แต่ละที่ ว่าเราใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ ใช้เวลาในการทำงานเท่าไหร่ เป็นการยืนยันเวลาในการปฏิบัติงานของเซลส์ได้ด้วย

อีกทั้ง การที่ Sales Check-in นี้เซลส์เองสามารถจัดการทุกอย่างได้ภายในระบบเดียว แบบง่ายดายและรวดเร็ว ทั้งเช็คอิน ปักหมุดสถานที่ เซลส์เองก็ไม่จำเป็นต้องกลับออฟฟิศ เพื่อไปเอาเอกสารหรือเข้าไปเพื่อรายงานกับหัวหน้า เพราะแค่มี R-CRM เข้ามาช่วยจัดการงานขาย ก็สามารถบันทึกรายละเอียดต่างๆลงไปในระบบ อัปเดตเอกสารต่างๆ และรายงานหัวหน้าได้ผ่านทางออนไลน์ ช่วยประหยัดเวลา และสามารถไปหาลูกค้ารายอื่นๆ ได้มากขึ้นและเร็วขึ้นอีกด้วย

 

rcrm sales check-in date

 

ความพิเศษของฟีเจอร์นี้คือ จะสามารถเช็กอินสถานที่ที่อยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร นั่นหมายความ เราอยู่ในบริเวณไหน สถานที่เช็กอินจะขึ้นแค่สถานที่เราอยู่จริงๆ จะไม่สามารถกรอกชื่อสถานที่ที่อยู่นอกเหนือบริเวณนั้น เป็นการป้องกันการลงข้อมูลที่ไม่เป็นจริง และช่วยเช็กได้อย่างแท้จริงว่า ทีมเซลส์ได้ไปหาลูกค้าจริงไม่

 

 

Sales Check-in Report ดูได้อย่างไร มีข้อมูลอะไรแสดงบ้าง

Sales Check-in ไม่ได้ทำได้แค่การเช็กอิน หรือบันทึกข้อมูลระหว่างไปขายงานนอกสถานที่เท่านั้น แต่ยังสามารถดู Report ข้อมูลจากการเช็กอินได้อีกด้วย เพื่อนำไปปรัยกลยุทธ์ในการลงพื้นที่ขยายฐานลูกค้าต่อไปได้


rcrm sales check-in report with map

 

วิธีการดู Sales Check-in Report ก็ทำได้ง่ายและสะดวก เพียงแค่เข้าไปใน R-insight ตรงแถบดร็อปดาวน์ด้านซ้ายมือ ให้เลือก “เช็กอิน” แล้ว Sales Check-in Report ก็จะปรากฏขึ้นมา ซึ่งเราสามารถดูข้อมูลได้ 3 มุมด้วยกันคือ

 

มุมมองแผนที่


rcrm sales check-in report with details


จะแสดงผลเป็นภาพแผนที่สถานที่ที่ทีมงานเคยไปขายงานมา และมีตัวเลขบอกว่า ในบริเวณนี้มีลูกค้ากี่คน ช่วยให้เราเห็นภาพรวมมากขึ้นว่า สถานที่ไหนมีลูกค้าสัดส่วนเท่าไหร่ บริเวณไหนยังไม่มีลูกค้า จะช่วยให้เราทำกลยุทธ์เพื่อเปิดโอกาสทางการขายใหม่ๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น

 

มุมมองภาพรวม


rcrm sales check-in report overview


เป็นการแสดงผลตัวหนังสือผ่านรูปแบบของคอลัมน์ ที่สรุปผลข้อมูลต่างๆ ในเรื่องของจำนวนการเช็กอิน จำนวน Leads ที่ได้ รวมถึงรายชื่อสมาชิกที่ทำ performance ด้านการขายนอกสถานที่ จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมเรื่องจำนวน leads กับการเช็กอินว่าสอดคล้องกันหรือไม่ รวมถึงเห็น performance ของทีม ว่าคนไหนสามารถเก็บ Leads ได้น้อย หรือได้เยอะ เพื่อนำไปปรับวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป

 

มุมมองรายละเอียด


rcrm sales check-in report overview


ในส่วนนี้จะคล้ายๆ กับมุมมองภาพรวม แต่จะมีความละเอียดกว่า ด้วยการบอกข้อมูลวันและเวลาการเช็กอิน ชื่อลูกค้า ขั้นตอนของ Leads แต่ละรายว่าอยู่ในสเตจไหนในตอนที่เราไปทำการขายงาน และมีข้อมูลเกี่ยวกับครั้งในการเช็กอินว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ รายละเอียดของสถานที่ และบันทึกย่อที่เราได้โน้ตไว้ก็จะปรากฏใน report นี้ด้วย และสุดท้ายคือข้อมูลของนักขาย

 

 

ประโยชน์ของฟีเจอร์ Sales Check-in สำหรับผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย

เราได้รู้ถึงการใช้งานของ Sales Check-in กันไปแล้วในมุมมองของเซลส์ แล้วสงสัยกันไหมว่า ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้บริหารหรือผู้จัดการฝ่ายขายได้ประโยชน์อะไรบ้างต่อการทำงานของทีมขาย ทำไมถึงควรเลือกใช้ R-CRM และนี่คือประโยชน์ที่ทุกท่านจะได้รับเมื่อตัดสินใจใช้ Sales Check-in มาช่วยการขายของธุรกิจ

1. ติดตามการทำงานของเซลส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บางทีเวลาเซลส์ออกไปพบลูกค้านอกสถานที่ หรือการออกไปขายงานข้างนอกบริษัท ซึ่งหัวหน้าไม่ได้ไปด้วย เซลส์อาจะต้องใช้เวลาครึ่งวัน หรือบางเคสอาจจะใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว ทำให้หัวหน้าทีมขายอาจจะต้องคอยสอบถามข้อมูลอยู่เสมอเพื่อจะสามารถช่วยเหลือ หรือให้การสนับสนุนเซลส์ได้อย่างเหมาะสม หรือช่วยตัดสินใจในกรณีฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที

ซึ่งในแต่ละบริษัท ต่างก็มีเซลส์จำนวนหลายคน หลายทีม หากหัวหน้าต้องตามติดลูกน้องไปทุกที่ ทุกคน ทุกเวลา เพื่อเช็คว่าได้มีการไปหาลูกค้าจริงหรือไม่ และจะมีแนวโน้มในการปิดการขายลูกค้ารายนั้นๆ ได้หรือไม่ ซึ่งบางวันผู้บริหารก็มีเวลาจำกัด ก็อาจทำให้เสียเวลาในการทำงานหรือบริหารงานส่วนอื่นได้ แต่ปัญหานี้จะหมดไป เพราะ Sales Check-in จะเป็นตัวช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่างไว้ในระบบ R-CRM ซึ่งผู้บริหารหรือหัวหน้าฝ่ายขายกลับมาย้อนดูข้อมูล ติดตามการทำงานของทีมได้เมื่อสะดวกหรือมีเวลาจากการบริหารงานส่วนอื่นแล้ว โดยดูผ่าน Location ที่เช็คอิน และอ่านบันทึกผลรายงานต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ ปรับแผนการทำงานกับเซลส์ท่านนั้นๆ ต่อไป เพื่อช่วยให้สามารถปิดการขายได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง

 

2. สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ มีเวลาในการไปทำงานส่วนอื่นๆ พร้อมกับติดตามการทำงานของทีมเซลส์

การออกไปพบลูกค้าของเซลส์นั้น บริษัทจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบดูแลในเรื่องของ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือค่าน้ำมัน ประกอบกับข้อมูลสถานที่ที่เซลส์เช็คอินหรือปักหมุด ว่าไปสถานที่นี้ควรมีระยะทางในการเดินทางเท่าไหร่ มีความสมเหตุสมผลจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าผู้บริหารหรือหัวหน้าทีมหรือทีมการเงินต้องมาตรวจสอบการเดินทางด้วยการสอบถามเป็นรายบุคคล เปิด Map เพื่อตรวจสอบสถานที่แต่ละที่เอง อาจทำให้เสียเวลาการทำงานอย่างมาก แต่ฟีเจอร์ Sales Check-in จะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยการคำนวณระยะทางต่างๆ ให้ เพื่อให้สามารถใช้ประกอบการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางของเซลส์ได้อย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดเวลาให้หัวหน้าทีมไปทำงานส่วนอื่นได้ พร้อมกับการติดตามการทำงานของเซลส์อ่านอื่นๆได้

 

3. สามารถช่วยเหลือ สนับสนุนการทำงานของเซลส์ได้อย่างทันท่วงที

ในกรณีที่เซลส์อาจจะเกิดปัญหาระหว่างการขายงานนอกสถานที่ เช่น ขาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้า หรือเจอคำถามที่เซลส์อาจจะยังไม่แน่ใจในคำตอบ หรือต้องรอการพิจารณา ตัดสินใจจากหัวหน้าทีม ในกรณีนี้ก่อนตัดสินใจอะไร หัวหน้าฝ่ายขายสามารถที่จะเปิดดูข้อมูลลูกค้าหรือรายละเอียดประวัติการขายต่างๆได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอฟังจากเซลส์เพียงทางเดียว เมื่อมีข้อมูลในมือ ก็สามารถวิเคราะห์และตัดสินใจตอบกลับไปให้เซลส์ได้เลย ถือว่าเป็นการทำงานอย่างทีมมืออาชีพ สามารถแก้ไขหรือมีแนวทางสนับสนุนทีมขายได้ทันท่วงที ดังนั้นไม่ว่าเซลส์จะเกิดปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือด่วนอะไร หัวหน้างานก็จะทราบถึงปัญหาได้อย่างรวดเร็วและสามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันที


4. นำข้อมูลจากรายงานในแผนที่ มาวางแผน ปรับกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการหาลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายในพื้นที่ต่างๆ ให้ครอบคลุมขึ้น

ประโยชน์อีกข้อหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญก็คือ ผู้บริหารและผู้จัดการฝ่ายขายสามารถนำข้อมูลในรายงาน Sales Check-in  มาวิเคราะห์ และใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มโอกาสทางการขายเพิ่มเติมได้ เช่น อาจจะทำการตรวจสอบ วิเคราะห์จากการดูสถานที่ที่เชซลส์ไปเช็คอิน ว่าบริษัทมีลูกค้าอยู่ในพื้นที่โซนใดบ้าง หนาแน่นมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้เซลส์แต่ละพื้นที่ทำยอดขายกับลูกค้าในพื้นที่ไหนได้เยอะสุด แล้วพื้นที่ไหนบ้างที่ยังไม่มีลูกค้าหรือยังไม่เคยไปบุกตลาดหาลูกค้าใหม่ๆเลย ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะช่วยทำให้กลยุทธ์การขายมีความท้าทายความสามารถของเซลส์มากขึ้น อีกทั้งเป็นการเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ได้เพิ่มมากขึ้น และอาจจะช่วยทำให้ได้เจอลูกค้ารายใหญ่ๆ ที่สามารถปิดยอดขายใหม่ๆได้อย่างทะลุเป้าอีกด้วย

 

สรุป

การออกไปพบลูกค้าหรือการไปเสนอขายงานนอกสถานที่ของเซลส์ จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป หากใช้การจัดการด้วย Sales Check-in ฟีเจอร์เด่นหนึ่งใน R-CRM ซึ่งในส่วนการใช้งานของเซลส์เอง สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ง่ายดาย ใช้บันทึกการเดินทาง และข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการขายไว้ได้ในแพลตฟอร์มเดียว สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ในการยืนยันสถานที่ของตัวเองได้ว่าได้ออกไปพบลูกค้าจริง ตามสถานที่นั้นๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์กับผู้บริหารและหัวหน้าทีมขายที่สามารถติดตามการทำงานของทีมได้อย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องออกนอกสถานที่ไปพร้อมๆ กับทีมด้วย ช่วยให้มีเวลาเหลือไปบริหารงานสำคัญส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการขายมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังมีรายงานการเดินทาง หรือ Sales Check-in Report ที่อาจจะใช้ประกอบการควบคุมค่าใช้จ่าย และนำข้อมูลมาวางแผน ปรับกลยุทธ์การขายเชิงรุกเพื่อเพิ่มโอกาสในการบุกหาลูกค้าในพื้นที่ใหม่ๆ ได้อย่างดีมากขึ้น

บริหารทีมขายให้พุ่งทะยานแบบก้าวกระโดด เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจด้วยการขายงานนอกสถานที่ได้ง่ายและสะดวก สามารถติดตามผลได้อย่างรวดเร็ว และละเอียดยิ่งขึ้น พร้อมเป็นข้อมูลสำคัญในการปรับกลยุทธ์ที่ดียิ่งขึ้นได้ เพียงแค่ใช้ฟีเจอร์ Sales Check-in ของ R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ที่ช่วยให้คุณบริหารจัดการงานขาย และติดตามผลการทำงานนอกสถานที่ของทีมขายได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ติดตามประสิทธิภาพการทำงานของสมาชิกแต่ละคนได้

 

 

สมัครใช้งาน Readyplanet R-CRM 

R-CRM คือแพลตฟอร์มบริหารจัดการทีมขาย ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจไทย ช่วยให้ผู้บริหารและหัวหน้าฝ่ายขาย สามารถติดตามการทำงานของพนักงานขายได้อย่างเป็นระบบ พร้อมรายงานสถิติสำคัญที่จะช่วยให้วางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์องค์กรที่มีสินค้าหรือบริการแบบ High Involvement

 

 

ลงทะเบียนและเริ่มใช้ R-CRM ฟรี