ReadyPlanet เผย "เทรนด์การตลาดดิจิทัล ปี 2017"


เปิดสัปดาห์แรกของศักราชใหม่ เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายท่านคงกำลังเริ่มต้นกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ในรูปแบบใหม่ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในปี 2017 นี้ ซึ่ง “ผู้บริโภคดิจิทัล” ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากในการกำหนดทิศทางของเทรนด์การตลาด เนื่องจากการเข้ามาของยุคอินเทอร์เน็ต ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการต่างๆได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคนานขึ้น และพวกเขามักคาดหวังจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากแบรนด์ 

ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องมองความคาดหวังของผู้บริโภคให้ออก ผ่านการมอง “เทรนด์การตลาดดิจิทัล ในปี 2017” ซึ่งในวันนี้ ReadyPlanet ได้รวบรวมเทรนด์ดังกล่าวมาฝากทุกท่าน ดังต่อไปนี้ค่ะ

 

 


1. Mobile Commerce

ปัจจุบัน ผู้บริโภคจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกใช้ “สมาร์ทโฟน” เป็นเครื่องมือหลักในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เป็นการย้ำให้เห็นว่าเวลานี้สังคมเข้าสู่ยุค “Mobile First” ที่สมาร์ทโฟนเป็นสื่อกลางเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายสังคมออนไลน์ทั้งหลาย รวมถึงค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ จนอาจเรียกว่าสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะอยู่กับเรานับตั้งแต่ตื่นนอน ไปจนเข้านอน

สะท้อนได้จากเทศกาลช็อปปิ้งส่งท้ายปี 2016 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ E-Commerce ต่างแข่งขันกันจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในราคาพิเศษ ผู้บริโภคต่างซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต มูลค่ารวมสูงถึง 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจ E-Commerce หรือ ผู้ประกอบการที่เปิดหน้าร้าน และกำลังขยายมาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องปรับตัวเข้าสู่ “Mobile Commerce” ด้วยการพัฒนาเว็บไซต์ ให้สามารถแสดงผลได้ดีบนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนั้นการทำการตลาดออนไลน์ต่างๆ ต้องคิดถึงลูกค้าบนโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก เช่น การทำแบนเนอร์โฆษณาให้ตัวอักษรอ่านง่าย เห็นชัดเจน, ปุ่ม Call To Action ต่างๆ ควรออกแบบให้ใช้นิ้วมือคลิกได้ง่ายบนมือถือ เป็นต้น

 

2. Live Video Streaming

Live Video เป็นอีกช่องทางหนึงที่ได้รับความนิยมสูงในปี 2016 โดยเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการเปิดตัวของ Facebook ในช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา แพลตฟอร์มอื่นๆอย่าง Youtube และ Snapchat ก็มีฟังก์ชั่น Live Video ขึ้นมาบนแพลตฟอร์มของตน เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานเช่นกัน ทำให้ Live Video ถูกใช้อย่างแพร่หลาย แบรนด์ต่างๆจึงเลือกหยิบฟีเจอร์นี้มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจ

ในปี 2017 ผู้ประกอบการ SME ควรจะมีการนำคอนเทนต์มาประยุกต์ใช้กับ Live Video เพื่อสื่อสารการตลาด Live Video จะทำให้ผู้บริโภคพบเห็นคุณได้มากกว่าการทำวิดีโอแบบปกติ คุณอาจทำการสัมภาษณ์สดลูกค้าที่ใช้สินค้าหรือบริการของคุณแล้วเกิดความประทับใจ แล้วเชิญกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาชมวิดีโอ หรืออาจจัดทำวิดีโอสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์กันแบบสด ๆ การที่แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้แบบ Real Time แน่นอนค่ะว่ามันจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อถือ และสนใจในแบรนด์ของคุณมากขึ้นแน่นอน


3. Social Shopping

คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ว่า “Social Network” เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนเรา ทั้งยังสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ขณะที่ในปี 2017 สื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 1 อย่าง Facebook ที่พัฒนาฟังก์ชั่น และ ฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อขายผ่าน Social Media ได้อย่างครบวงจร 

โดยผู้ประกอบการ สามารถใช้ฟีเจอร์บน Facebook สร้างร้านค้าออนไลน์ให้กับธุรกิจได้ ด้วยการใช้ Facebook Page แล้วสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ในลักษณะที่เป็นประโยชน์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคให้มาติดตามเพจ และคุณอาจทำโฆษณาบนเพจ เพื่อโปรโมทสินค้า รวมถึงโปรโมชั่น เพื่อให้ผู้บริโภคที่สนใจคลิกเข้ามา และสามารถสอบถามรายละเอียดของสินค้าผ่าน Inbox ได้ในทันที เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค เพื่อเพิ่มโอกาสการปิดการขายได้ง่ายขึ้นค่ะ

4. Personalized Remarketing

การทำการตลาดออนไลน์ เครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยผู้ประกอบการในการเพิ่มยอดขาย คือเครื่องมือที่มีชื่อว่า “Remarketing หรือ Retargeting” นั่นเอง โดยเครื่องมือนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมสินค้า-บริการบนเว็บไซต์ เช่น ผู้ที่คลิกดูรายการสินค้า ประเภทสินค้า ระดับราคา ช่วงเวลาที่เข้ามาดู เป็นต้น จากนั้นถึงแม้ว่าผู้เข้าชม จะปิดเว็บไซต์ของคุณไปโดยไม่ได้ซื้อสินค้าหรือบริการ แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปยังเว็บไซต์อื่นๆ พวกเขาก็จะเห็นโฆษณาสินค้าหรือบริการจากเว็บไซต์ของคุณติดตามไป เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาจดจำแบรนด์ และสินค้าหรือบริการได้ จนเมื่อพวกเขาเกิดความต้องการ ก็อาจตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณในที่สุด

ซึ่งหากผู้ประกอบการสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มสนใจในสินค้าหรือบริการอยู่แล้วให้เข้ามายังเว็บไซต์ได้ ย่อมส่งผลให้การทำ Remarketing เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น คุณจึงต้องศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายโดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Customer Journey หรือ เส้นทางบนโลกออนไลน์ที่ผู้บริโภคเดินทางไป เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถสื่อสารการตลาด และทำโฆษณาไปตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมากที่สุด

 

5. Advanced Machine Learning & Big Data Analytics

ด้วยการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เทคโนโลยีช่วยธุรกิจในการเข้าหากลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำและสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น ผู้บริโภคที่ชอบรถจักรยาน เมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ หรือ Social Media ต่างๆ โดยปกติก็จะพบกับโฆษณาเกี่ยวกับจักรยาน (ตามหลักการ Remarketing ที่ได้กล่าวไปข้างต้น) แต่ด้วยความสามารถของ Machine & Big data เมื่อระบบประเมินพบว่า ผู้บริโภคชอบขี่จักรยาน มักจะชอบ แว่นตาสำหรับเล่นกีฬา และหูฟังบลูทูธด้วย ดังนั้น สินค้าหมวดแว่นตาและหูฟัง จะโฆษณาไปยังกลุ่มคนขี่จักรยานให้เองเลย ช่วยให้ธุรกิจสื่อสารได้ตรงกลุ่มผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าตัวจริงมากขึ้น

6. Chatbots

ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่จะได้รับบริการที่ดีจากแบรนด์เพิ่มมากขึ้น เมื่อผู้บริโภคสอบถามถึงรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ ก็มีความคาดหวังให้แบรนด์โต้ตอบอย่างรวดเร็วมากที่สุด ในขณะที่ธุรกิจ SME อาจไม่ได้มีบุคลากรที่พร้อมในการตอบคำถามกับผู้บริโภคได้ตลอด 24 ชั่วโมง โปรแกรมที่มีชื่อว่า Chatbots จึงได้ถือกำเนิดขึ้น

Chatbots หรือ Chat Robot เป็นโปรแกรมการสื่อสารที่ถูกพัฒนาให้โต้ตอบ หรือสนทนากับมนุษย์ได้ เชื่อว่าผู้ประกอบการคงพอคุ้นเคยกันมาบ้าง อย่าง โปรแกรม Siri ของ Apple วันนี้ พัฒนาการของ Chatbots ก้าวหน้าไปมาก สามารถสนทนากับคนแบบ Real-time และ Personalize ได้ ทำให้แบรนด์นำมาใช้สร้าง Customer Engagement (ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า)

Chatbots แพร่ขยายในปี 2016 โดยบริษัทเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Microsoft รวมไปถึงผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกอย่าง J. Crew ต่างพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง เป็นเหตุผลชัดเจนว่าทำไมต่อไป Chatbots จะเข้ามามีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การค้าขายบนออนไลน์เป็น “Conversational Commerce” ที่สร้างความสะดวก และตอบสนอง หรือมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ ดังนั้น ทั้ง Live Chat และ Chatbots จึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเทรนด์สำคัญในโลกดิจิทัลปี 2017 ค่ะ

 

7. Wearable Technology

หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีที่สามารถสวมใส่ได้ ในปัจจุบันมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Smartwatch, Smart Band และ Smart Shoes ที่ช่วยให้คนยุคใหม่ที่รักสุขภาพสามารถรู้ได้ว่าแต่ละวันใช้พลังงานไปเท่าใด รวมถึงสามารถตั้งเวลากำหนดแจ้งเตือนหรือใช้งานร่วมกับ สมาร์ทโฟน เพื่อช่วยแจ้งเตือนนัดหมายต่างๆได้ 

นอกจากนั้น ยังมีเทคโนโลยีที่น่าจับตามองอย่าง “Virtual Reality (VR)” เป็นการสร้างภาพเสมือนจริงขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบรนด์ต่างๆก็ได้หยิบเอาเทคโนโลยีนี้มาเชื่อมโยงกับการโฆษณา เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการในรูปแบบใหม่

 

จะเห็นได้ว่า เทรนด์การตลาดดิจิทัล ในปี 2017 ยังคงเน้นบนโมบายล์เป็นหลัก รวมถึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้ง Social Commerce และระบบการชำระเงินที่หลากหลาย ตลอดจนการทำ Content Marketing ในปีนี้ก็ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่เป็น Video Content มีการทำคอนเทนต์ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมกับวิดีโอมากขึ้น เพื่อก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกับแบรนด์ รวมถึงสื่อสารคอนเทนต์ผ่านเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การสร้างวิดีโอผ่านการใช้ Virtual Reality เป็นต้น

เมื่อผู้ประกอบการ มองเห็นเทรนด์ดิจิทัลในปี 2017 แล้ว คุณก็สามารถนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจคุณได้แล้วค่ะ และนอกจากเทรนด์ดิจิทัลแล้ว คุณสามารถเรียนรู้แนวคิด และกลยุทธ์ในการทำธุรกิจปี 2017 คุณสามารถเรียนรู้ได้ใน คอร์สอบรม Digital Marketing 2017

 

และสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถ คลิกที่นี่ หรือ โทร. 02-016-6977 เพื่อลงทะเบียนคอร์สอบรมได้เลยค่ะ


ที่มา :

http://www.forbes.com/sites/jaysondemers/2016/11/14/7-online-marketing-trends-that-will-dominate-2017/#3dd9522edec8
http://trendwatching.com/trends/5-trends-for-2017/
http://emmieinspire.com/digital-marketing-trend-2017/
http://www.wix.com/blog/2016/12/online-marketing-trends-2017/
https://www.brandwatch.com/blog/digital-marketing-trends-2017/
https://www.shoutmeloud.com/2017-digital-marketing-trends.html

 

January 05, 2016
Watsanan Saikam
www.ReadyPlanet.com

สนใจรับฟังข้อมูลบริการ

เว็บไซต์สำเร็จรูป, Online Advertising, Training course